- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 06 May 2022 09:11
- Hits: 7407
จุรินทร์ ปลุกสภาหอการค้าทั่วประเทศ สู้ๆ!! โชว์วิชั่น นำเศรษฐกิจไทยไปโลดด้วยนโยบาย”รุก-ลึก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ‘การสนับสนุนการค้าของไทยกับนานาชาติ’ ในงานสัมมนาสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ‘Enhance the Dots’ พร้อมด้วยนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ห้อง World Ballroom ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 3 กำลังจะย่างเข้าสู่ปีที่ 4 ที่ผ่านมาถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในการทำงานร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์ที่ตนรับผิดชอบ ประเทศไทยของเรากำลังเผชิญวิกฤติซ้อนวิกฤต ทั้งเศรษฐกิจ โควิดและมาเจอวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซ้อนมาอีก แต่เจอกันทั้งโลก ประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น ตัวเลข IMF ก่อนเกิดวิกฤติรัซเซีย-ยูเครน คาดว่า GDP ปี 2565 จะโตได้ 4.4% แต่เมื่อมาเจอวิกฤตลดจาก 4.4 % เหลือ 3.6%
สำหรับ ประเทศไทยคาดการณ์ว่าปี 2565 GDP จะโตประมาณ 3.5-4.5% ล่าสุดประเมินเหลือ 3.5% การส่งออกยังจะคงเป็นพระเอกต่อไปในปี 2565 ปีที่แล้วการส่งออกคิดเป็น 58% ของGDP ซึ่งเป็นสินค้า 53% บริการ 5% เดิมเหมือนเราตั้งเป้าส่งออกปี 2565 น่าจะโตได้ 3-4% แต่ตัวเลขส่งออกของไทยกลับกันกับ GDP โลก จะบวกเพิ่มขึ้น 6-8% แบงค์ชาติประมาณว่าส่งออกน่าจะโตได้ถึง 6% ซึ่งไตรมาสที่หนึ่งโตไป 15% แล้ว เดือน ม.ค.-มี.ค.นำเงินเข้าประเทศแล้ว 2.4 ล้านล้านบาท เฉพาะเดือน มี.ค.เดือนเดียวเป็น +20% ทำเงินเข้าประเทศ 9.2 แสนล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าว่าจะนำเงินเข้าประเทศจากเดิม 8.5 ล้านล้านบาท ปีนี้จะทำให้ได้ 9 ล้านล้านบาทเป็นอย่างต่ำ
สำหรับ ไก่ ประสบความสำเร็จเพราะเรารุกมา 1 ปีเต็ม ตนเข้ามาสั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศเร่งเจรจากับซาอุฯขอส่งออกไก่ ซาอุฯมาตรวจโรงงานไก่ และเมื่อท่านนายกไปเปิดสัมพันธ์ให้จึงวิ่งฉิว หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์เราส่งออกไก่ล็อตแรกในประวัติศาสตร์หลังจากไม่ได้ส่งมาเกือบ 20 ปีไปซาอุฯ ข้าว ปีที่แล้วส่งออกได้ 6.1 ล้านตัน ปีนี้มีโอกาสส่งออกไปถึง 7-8 ตัน การส่งออกจึงยังเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
การท่องเที่ยวก็สำคัญวันนี้เราเริ่มนับหนึ่งแล้วจะเป็นตัวช่วยในการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก่อนโควิดท่องเที่ยวของไทยปี 62 คิดเป็น 11% ของ GDP ปี 63 เหลือ 2.7% และปี 64 เหลือเพียง 0.9% จากนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนช่วยกัน ตั้งเป้าว่าปีนี้ จะนำนักท่องเที่ยวให้ได้ 20,000,000 คน คือความหวังที่จะนำการท่องเที่ยวมาเป็นตัวช่วยการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย นอกจากการลงทุนภาครัฐ-เอกชน การบริโภคและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ปีนี้กระทรวงพาณิชย์มีการบ้าน 3 ข้อ
1.ต้องผลักดันการส่งออกต่อไปให้เข้มข้นขึ้น
2.ต้องช่วยดูแลราคาพืชผลการเกษตร สำหรับคนตัวเล็กคือเกษตรกรที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก ทำให้พวกเราเดินหน้าเศรษฐกิจฐานรากต่อไปได้
3.ดูแลค่าครองชีพของผู้บริโภคคนไทยทั้งประเทศ
จากนี้ เราต้องเดินหน้าด้วยนโยบาย 2 ข้อผสมผสาน 1.นโยบายเชิงรุก Proactive Trade Policy และ2.ต้องลึก ln-Depth Policy ทั้งเชิงรุกและเชิงลึกจะต้องไปด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 1) กรอ.พาณิชย์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ทำให้เดินเป้าหมายไปสู่การส่งออก และต่อไปต้องมี กรอ.พาณิชย์ในแต่ละภาค ซึ่งเกิด กรอ.พาณิชย์ภาคใต้แล้ว เน้นเฉพาะปัญหาในแต่ละภาค จึงรุกและลึกมากขึ้น
2)เรื่อง FTA ปัจจุบันมีกับ 18 ประเทศ 14 ฉบับ ครอบคลุมมูลค่าการค้า 2 ใน 3 ของมูลค่าการค้าที่ไทยทำกับทั้งโลก แต่ต้องรุกและลึกมากขึ้น Mini-FTA ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม กับระดับรัฐและมณฑลหรือเมืองที่มีศักยภาพทางการค้า
3)ตนได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก ทำแผนใหม่รุกและลึกขึ้น ปี 2565 พื้นที่ตลาดเป้าหมายจะเป็นเมืองไหนรัฐไหนหรือโซนไหนของประเทศที่จะทำตัวเลขพิเศษ เจาะสินค้า บริการ
4)การค้าชายแดน เปิดด่านแล้ว 48 ด่าน จาก 97 ด่านทั่วประเทศ จากนี้ไปเจาะลึกมาก ต้องการนำเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด
5)สร้างคนรุ่นใหม่ อบรมให้ความรู้หลักสูตรพิเศษ เพื่อให้โตเป็นนายตัวเอง โครงการปั้น Gen Z เป็น CEO 2 ปีที่ผ่านมา ทำได้ 20,000 กว่าคน ปีนี้ทั้งปีจะทำให้ได้อีก 20,000 คน และมี CEO เชิงลึกสินค้า ทำให้เกิด CEO Gen Z ฮาลาล ที่จังหวัดชายแดนใต้ ปีนี้จะปั้นให้ได้ 1,000 คนเป็นแม่พักบุกตลาดฮาลาลในอนาคต ซึ่งนโยบายปี 65 รุก-ลึก ต้องดำเนินการเป็นรูปธรรม
และปีนี้ราคาพืชเกษตรดีเกือบทุกตัว เมื่อวานตนประชุมส่งออกผลไม้เปลี่ยนแผนเพราะติดอุปสรรคการส่งทางบก เนื่องจากนโยบายซีโร่โควิดของจีน ซึ่งเรื่องหนึ่งที่แก้ไม่ได้คือการสั่งให้รัฐบาลจีนเปลี่ยนนโยบาย ต้องยอมรับว่านโยบายซีโร่โควิดยังอยู่กับเรา ตราบที่จีนยังไม่เปลี่ยนนโยบาย ซึ่งภายในเงื่อนไขจำกัดนี้ เมื่อไหร่ที่ด่านปิดเรารีบเจรจาให้เปิด แผนการส่งออกปีนี้เปลี่ยนจากทางบก 48% มาเหลือ 10.5% และเพิ่มทางเรือจาก 52% เป็น 83% และทางอากาศจากไม่ถึง 1% เป็น 6.5%
และจากนี้ได้ตั้งวอรูมให้ผู้ประกอบการทุกฝ่ายมีการประชุมตลอด และตนได้เปิดพาณิชย์ Fruit Festival 2022 กว่า 10,092 จุดจำหน่ายผลไม้ในประเทศ และสุดท้ายเรื่องค่าครองชีพเป็นการบ้านข้อใหญ่ ซึ่งเจอกับทุกประเทศในโลก เนื่องจากเงินเฟ้อ ราคาขึ้นเพราะราคาน้ำมัน พลังงานเพิ่มสูงขึ้น ต้องจับมือกันแก้ทั้งรัฐบาลและกระทรวงอื่นๆทั้งภาคเอกชน
“หลักของตนคือ 3 ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราคาสินค้า 1.ต้นน้ำเกษตรกร 2.กลางน้ำผู้ประกอบการกับผู้ส่งออก 3.ปลายน้ำผู้บริโภค ซึ่งผลประโยชน์ย้อนแย้งกันอยู่ ตนจะใช้ วิน-วินโมเดล ทำอย่างไรให้ทั้ง 3 ฝ่ายอยู่กันได้ด้วยดี แม้บางฝ่ายอาจจะต้องลดผลประโยชน์ลงไปบ้างแต่ให้อยู่ได้ ด้วยความยุติธรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ของประเทศ ตนมั่นใจว่าในการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสภาหอการค้า สภาหอการค้าต่างประเทศและจังหวัด
พวกเราทุกคนจะช่วยกันจับมืออย่างเข้มข้นภายใต้นโยบายเชิงรุกและเชิงลึก ให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ ขอให้สภาหอการค้าทั่วประเทศสู้ๆ ตนมั่นใจว่าจะฝ่าวิกฤติซ้อนวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยสวัสดิภาพทุกคน”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว
และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้จัดตั้ง กรอ.พาณิชย์และพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะและฟังว่าอุปสรรคอยู่ที่ไหน มีการประชุมสม่ำเสมอ จนทำให้ปีที่แล้ว จากที่คาดว่าการส่งออกจะโตได้แค่ 4%
แต่ในที่สุดก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ประเทศไทยสามารถส่งออกโตได้ถึง 17% ซึ่งไม่ใช่สิ่งบังเอิญ เราชื่นชมกับท่านรองนายกฯของเราเป็นอย่างมาก จะเห็นว่า แม้ปีที่แล้วจะมีการส่งออกเป็นบวกถึง 17% แต่ปีนี้ ตั้งเป้าไว้อีก 4% แต่ไตรมาสที่หนึ่งที่ผ่านมา การส่งออกยังไงเติบโตต่อถึง 15% ซึ่งท่านได้มีการปลดล็อก
หลังจากที่ท่านนายกรัฐมนตรีไปเปิดประเทศกับซาอุดิอาระเบีย เรื่องเนื้อไก่ท่านใดที่ปลดล็อกภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ทำให้ซาอุดิอาระเบีย อนุญาตให้เนื้อไก่ของไทยสามารถนำเข้าซาอุดิอาระเบียได้ เราขอขอบพระคุณและชื่นชมผลงานของท่านรองนายกรัฐมนตรีจุรินทร์
สำหรับ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169