- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 29 April 2022 22:51
- Hits: 9119
บริษัทตั้งใหม่มี.ค.65 จำนวน 7,164 ราย ชี้'ธุรกิจภัตตาคาร-ร้านอาหาร' ฟื้นตัวต่อเนื่อง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยบริษัทตั้งใหม่มี.ค.65 มีจำนวน 7,164 ราย ลดลง 19% เหตุฐานปีก่อนสูง แต่ยังถือว่าอยู่ในช่วงการฟื้นตัว เผยธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร กลับมาติดอันดับ 3 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังหลุดไปยาว เหตุได้รับอานิสงค์การขยายตัวของเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวฟื้น และเริ่มเปิดประเทศ ส่วนยอดเลิก 926 ราย เพิ่ม 17% ประเมินตั้งใหม่ครึ่งปี 65 มีจำนวน 4-4.2 หมื่นราย ทั้งปี 7-7.5 หมื่นราย ชี้สงคราม เงินเฟ้อ โควิด-19 ปัจจัยเสี่ยง
นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมี.ค.2565 ผ่านเฟซบุ๊ซ ไลฟ์ DBD Pubilc Relations ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 7,164 ราย เทียบกับก.พ.2565 ลดลง 1% และเทียบกับมี.ค.2564 ลดลง 19% เนื่องจากเดือนมี.ค.2564 เป็นเดือนที่มีจำนวนการจัดตั้งสูงที่สุดในรอบ 7 ปี จึงทำให้ฐานเดิมสูง แต่ก็ถือว่าการตั้งบริษัทใหม่ยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว
โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 25,939.56 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 926 ราย เมื่อเทียบกับก.พ.2565 เพิ่มขึ้น 38% เทียบกับมี.ค.2564 เพิ่มขึ้น 17% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจำนวน 12,380.99 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร
ทั้งนี้ ยอดรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่ในช่วง 3 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) มีจำนวน 22,347 ราย ลดลง 4% ทุนจดทะเบียน 74,397.53 ล้านบาท และยอดเลิกกิจการ มีจำนวน 2,594 ราย เพิ่มขึ้น 5% ทุนจดทะเบียน 40,472.15 ล้านบาท
สำหรับ ปัจจัยที่ทำให้การจดทะเบียนตั้งใหม่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.2% การคงดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ และเริ่มมีการลงทุนในธุรกิจ เพื่อรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว
ส่วนแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในระยะต่อไป คาดว่า สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน จะมีผลส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการและราคาสินค้าสูงขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อาจลดลงตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่สิ้นสุด จึงอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ได้
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ยังคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ประมาณที่ 40,000–42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000–75,000 ราย
ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 มี.ค.2565) จำนวน 828,706 ราย มูลค่าทุน 19.73 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 200,733 ราย คิดเป็น 24.22% บริษัทจำกัด จำนวน 626,635 ราย คิดเป็น 75.62% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,338 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมีนาคม 2565 และไตรมาส 1/2565 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมีนาคม 2565 และไตรมาส 1/2565
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนมีนาคม 2565 และไตรมาส 1/2565 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผลการจดทะเบียนธุรกิจ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมีนาคม 2565
- • จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศในเดือนมีนาคม 2565 จำนวน 7,164 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 25,939.56 ล้านบาท
- • ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 682 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 397 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 247 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ
- • ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 5,119 ราย คิดเป็น 71.45% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,945 ราย คิดเป็น 27.15% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 80 ราย คิดเป็น 1.12% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 20 ราย คิดเป็น 0.28% ตามลำดับ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่ไตรมาส 1/2565
- • จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ ไตรมาส 1/2565 จำนวน 22,347 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 จำนวน 14,902 ราย เพิ่มขึ้น จำนวน 7,445 ราย คิดเป็น 50% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 จำนวน 23,389 ราย ลดลง จำนวน 1,042 ราย คิดเป็น 4%
- • มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในไตรมาสที่ 1/2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 74,397.53 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ
ไตรมาส 4/2564 จำนวน 57,250.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 17,147.45 ล้านบาท คิดเป็น 30% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 จำนวน 70,074.93 ล้านบาท ลดลงจำนวน 4,322.60 ล้านบาท คิดเป็น 6%
- • ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 2,362 ราย คิดเป็น 10% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,048 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 696 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ
- • ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 16,449 ราย คิดเป็น 73.61% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท
จำนวน 5,616 ราย คิดเป็น 25.13% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 239 ราย คิดเป็น 1.07% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 43 ราย คิดเป็น 0.19%
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมีนาคม 2565
- • จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนมีนาคม 2565 มีจำนวน 926 ราย โดยมี
มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 12,380.99 ล้านบาท
- • ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 92 ราย คิดเป็น 10% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 42 ราย คิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 32 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ
- • ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 655 ราย คิดเป็น 70.73% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 220 ราย คิดเป็น 23.76% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 37 ราย คิดเป็น 4% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 14 ราย คิดเป็น 1.51% ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการไตรมาส 1/2565
- • จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำไตรมาส 1/2565 มีจำนวน 2,594 ราย โดยมีมูลค่า
ทุนจดทะเบียนจำนวน 40,472.15 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
- • ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 241 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 125 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 79 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ
- • ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,845 ราย คิดเป็น 71.13% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 637 ราย คิดเป็น 24.56% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 92 ราย คิดเป็น 3.55% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 20 ราย คิดเป็น 0.77% ตามลำดับ
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนมีนาคม 2565
- • ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 มีนาคม 65) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 828,706 ราย มูลค่าทุน 19.73 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 200,733 ราย คิดเป็น 24.22% บริษัทจำกัด จำนวน 626,635 ราย คิดเป็น 75.62% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,338 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
- • ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 491,465 ราย คิดเป็น 59.31% รวมมูลค่าทุน 0.43 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.18% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 245,849 ราย คิดเป็น 29.67% รวมมูลค่าทุน 0.83 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.21% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 74,613 ราย คิดเป็น 9% รวมมูลค่าทุน 2.04 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.34% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16,779 ราย คิดเป็น 2.02% รวมมูลค่าทุน 16.43 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.27% ตามลำดับ
การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนมีนาคม 2565
- • เดือนมีนาคม 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 53 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 36 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,838 ล้านบาท
- • นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 12 ราย เงินลงทุน 1,873 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ ฮ่องกง จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 767 ล้านบาท และจีน จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 3,896 ล้านบาท ตามลำดับ
ปี 2565 (มกราคม - มีนาคม)
- • เดือนมกราคม - มีนาคม 2565 คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 146 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 26,384 ล้านบาท
การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดือนมีนาคม 2565
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรม เรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปี 2565 (ม.ค. - มี.ค.) มีจำนวนขอรับข้อมูล 942,485 ราย ซึ่งผ่านช่องทาง Self Pick up มีจำนวน 439,566 ราย , EMS จำนวน 120,964 ราย , Delivery จำนวน 6,921 ราย
และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) จำนวน 375,034 ราย และรองรับการให้บริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD
e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ iOS
การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) มาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทลง 50% สำหรับ ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตพัฒนาเฉพาะกิจ (พื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ให้ขยายไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566
DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2563 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 595,258 ราย คิดเป็น 81% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 590,832 ราย คิดเป็น 99% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 4,426 ราย คิดเป็น 1%
ทั้งนี้ การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse หรือ DBD Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว
กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ สมาคมการค้า หอการค้า ที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2563 ให้นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เป็นหลัก เช่นเดียวกับ การนำส่งงบการเงินของ
นิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2564 ที่มีจำนวนนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้วกว่า 80,596 ราย
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ DBD e-Filing จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การค้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม
e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 9 ธนาคาร จำนวน 3,222 สาขา
e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผ่านเว็ปไซต์ www.dbd.go.th และ Application : DBD e-service ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผ่านเว็ปไซต์ Biz Portal ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.)
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 673,970 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 12,807,011 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้อง
ส่งมอบทรัพย์สิน
สำหรับ เดือนมีนาคม 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 7,640 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 189,893 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 91.10 (มูลค่า 172,986 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 8.89 (มูลค่า 16,884 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.01 (มูลค่า 17 ล้านบาท) ทรัพย์สินทางปัญญา มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.003 (มูลค่า 6 ล้านบาท)
ไม้ยืนต้น มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.0001 (มูลค่า 0.127 ล้านบาท) ทั้งนี้ มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 563 คำขอ และจดทะเบียนยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 3,031 คำขอ โดยมีผู้รับหลักประกัน จำนวนทั้งสิ้น 359 ราย
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 – 31 มีนาคม 2565
มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 131,107 ราย รับจดทะเบียน 72,296 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึง
การเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration
นอกจากนั้นในวันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา กรมได้เปิดบริการการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Registration ในสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี เชียงใหม่ ชลบุรี สุราษฎร์ธานี อุดรธานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนิติบุคคลที่มีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดนั้น
DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)
กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงิน ในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้อง คีย์ข้อมูลงบการเงินซ้ำ
การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs) และ e-Accounting for SMEs
Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี ‘โปรแกรม e-Accounting for SMEs’ ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว, มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android
DBD Data Warehouse
กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย
รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียน นิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุน การตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในเดือนมีนาคม 2565 มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 1,263,589 ครั้ง และในปี 2565 (มกราคม - มีนาคม) มีจำนวนผู้ใช้งานสะสม 3,085,954 ราย