- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 09 April 2022 09:09
- Hits: 7137
จุรินทร์ สั่ง อคส. อัปเกรด-ไร้โกง 'เกรียงศักดิ์'รับลูกพัฒนาคลัง สางจำนำ ฟันถุงมือยาง
จุรินทร์ เป็นประธานฉลองครบรอบวันสถาปนาองค์การคลังสินค้าครบรอบ 67 ปี สั่งลุยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้บริหารจัดการองค์กร เพื่อดูแลเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก ย้ำ อคส. ยุคใหม่ ต้องไร้โกง ‘เกรียงศักดิ์’รับลูก ชูนโยบาย ‘แก้มลิง++’ เดินหน้าพัฒนาคลังสินค้า ช่วยเกษตรกรแปรรูปข้าว มะพร้าว ประสานพาณิชย์จังหวัด ทูตพาณิชย์ ช่วยขาย พร้อมเร่งสะสางโครงการจำนำข้าว คดีทุจริตถุงมือยาง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานในพิธีงานวันคล้ายวันสถาปนาองค์การคลังสินค้า ครบรอบ 67 ปี ว่า อคส. กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 68 มีบทบาทสำคัญทั้งทางด้านการผลิต การตลาด และการบริหารจัดการภาคการเกษตร โดยเฉพาะการสนองนโยบาย ‘ตลาดนำการผลิต’ ซึ่งถือว่าเป็นการเดินหน้าการเกษตรยุคใหม่ที่มีเป้าหมายเป็นรูปธรรมชัดเจนอย่างยิ่ง ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด’
และองค์การคลังสินค้ายุคใหม่ สิ่งที่จะต้องเดินหน้าเพิ่มเติม คือ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้บริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีศักยภาพในการเข้าไปดูแลเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยวันนี้ ยังถือเป็นวันสำคัญขององค์การคลังสินค้าอีกวาระหนึ่ง เราได้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบแล้ว บอร์ดชุดใหม่ 7 ท่าน จะเข้ามาทำหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาก่อตั้ง อคส. ที่กำหนดว่าบอร์ดมีหน้าที่มอบนโยบายหรือดำเนินการด้านนโยบาย และผู้อำนวยการ อคส. และพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคน มีหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของบอร์ด และวันนี้เป็นวันพิเศษจะมีการประกาศเจตนารมณ์ Zero Corruption สำหรับ อคส. แห่งนี้ เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับทิศทางของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้มอบหมายให้ดำเนินการเช่นนี้ในทุกองค์กรทุกหน่วยงาน
“ขอให้ลงลึกถึงภาคปฏิบัติจริง เพราะไม่โกง ใครก็พูดได้ แต่เมื่อไรที่มีโอกาสแล้วไม่โกง จึงจะพิสูจน์ความเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตที่แท้จริง คือ สิ่งที่จะต้องพิสูจน์ตนเองต่อไป ภายใต้การกำกับของบอร์ด และการดูแลของผู้อำนวยการ”นายจุรินทร์กล่าว
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า อคส. พร้อมนำยุทธศาสตร์ ‘ตลาดนำการผลิต’ มาใช้ จะนำยุทธศาสตร์ ‘แก้มลิง++’ มาสนับสนุน โดยบวกที่ 1 จะใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยเก็บสินค้าเกษตร ซึ่งปัจจุบันได้ร่วมมือกับ สวทช. พัฒนาคลังสินค้าไร้อากาศ การทำแท่นวางสินค้า (Pallet) โดยใช้กากมะพร้าว การใช้เครื่องคัดแยกชนิดและน้ำหนักสัตว์น้ำแทนแรงงานต่างด้าวโดยใช้ AI เป็นต้น และมุ่งสร้างเกษตรแปรรูป เช่น ชาวนาปลูกข้าวขายแป้ง ชาวสวนปลูกมะพร้าวขายกะทิ
โดย อคส. ได้รับอนุเคราะห์พื้นที่จากธนารักษ์ จังหวัดลพบุรี จำนวน 22 ไร่ จัดสร้างคลังข้าวลพบุรี ซึ่งจะมีทั้งโรงอบ โรงสี และโรงโม่แป้ง พร้อมสร้างการตลาดรองรับซึ่งปัจจุบันมีแล้วกว่า 2,000 ตัน เมื่อสร้างเสร็จจะมีคำสั่งซื้อรองรับไม่ต่ำกว่า 50,000 ตัน รองรับปริมาณข้าวพื้นแข็งในจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียงได้มากกว่า 150,000 ตันข้าวเปลือก และบวกที่ 2 จะประสานพาณิชย์จังหวัด 77 จังหวัด และทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลก สร้างเครือข่ายการจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับ คลังสินค้าที่มีอยู่ อคส. จะผลักดันคลังราษฎร์บูรณะ เป็นคลังห้องเย็นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยศักยภาพรองรับมากกว่า 50,000 ตัน สามารถสร้างรายได้ให้ อคส. ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท เมื่อสร้างเต็มพื้นที่ โดยได้ยื่นอุทธรณ์ขอขยายใบอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว หากได้รับการอนุญาต จะสร้างประโยชน์อย่างน้อย 3 ประการ คือ อคส. มีรายได้ที่มั่นคงไม่เป็นภาระงบประมาณ เกษตรกร มีห้องเย็นขนาดใหญ่ช่วยในการเก็บรักษาผลผลิตส่วนเกิน ลดแรงกระทบเรื่องผลผลิตราคาตกต่ำ เนื่องจากปริมาณออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลมีเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุนในกิจการต่าง ๆ ที่ใช้ห้องเย็น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร หรือเวชภัณฑ์ เช่น วัคซีนป้องกันโรคระบาด เป็นต้น
นอกจากนี้ อคส. จะเร่งฟื้นฟูและพัฒนาองค์กรให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นแนวหน้าของประเทศผ่านนโยบาย ‘ซ่อม สร้าง เพิ่ม สะสาง’ โดยเตรียมปรับโครงสร้างองค์กร ระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพ การจัดตั้งโรงเรียนกำเนิดคลังซึ่งจะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพสอดรับกับพันธกิจ และขยายสาขาคลังสินค้า ไม่ว่าจะเป็นคลังแพะ กระบี่ คลังกระท่อม พัทลุง คลังสัตว์น้ำ ในหลายจังหวัดครอบคลุมถึงภาคอีสาน รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ และอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนสร้าง Cold chain ทั่วประเทศ รวมถึงการเจรจาสร้างคลังสินค้าร่วมทุนในประเทศเมียนมา และประเทศอื่น ๆ
ส่วนงานที่ต้องสะสาง โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว ที่ยังมีข้าวในคลังกว่า 200,000 ตัน ตั้งเป้าระบายให้หมดทุกเมล็ดภายในก.ย.2565 แต่การระบายข้าวโพดและมันสำปะหลัง โครงการปี 2551 ได้ทำเสร็จสิ้นเมื่อก.ย.2564 ที่ผ่านมา และยังมีโครงการอีกกว่า 30 โครงการของรัฐ ที่ยังปิดบัญชีไม่เสร็จสิ้น ก็จะเร่งดำเนินการให้เสร็จ รวมถึงการสะสางคดีการทุจริตถุงมือยาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอชี้มูลจาก ป.ป.ช. และ ปปง. ซึ่ง อคส. พร้อมนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ต่ำกว่า 4 คดี ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งโดยกฎหมายความรับผิดทางละเมิด (คลัง) คดีอาญาทุจริต (ป.ป.ช.) คดีแพ่งและคดีอาญาฟอกเงิน (ปปง.) โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และไม่มียกเว้น