- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 23 March 2022 22:02
- Hits: 4465
จุรินทร์ ประชุมใหญ่ รวมพลทั้งประเทศ 'ดูแลผลไม้ปี 65 ทั้งระบบ' รุกมาตรการส่งออก แก้ปัญหาด่านและหาตลาดเพิ่ม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2565 และการแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ พร้อมด้วยนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายโอภาส ทองยงค์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ประกอบการผลไม้ ผู้แทนเกษตรกร ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง สถานีบริการน้ำมัน แพลตฟอร์ม โลจิสติกส์ สายการบิน ผู้แทนสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัด กระทรวงพาณิชย์
ภายหลังการประชุม นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันกับเต็มรูปแบบมีองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประชุมเพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั้งในส่วนของภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือและทุกภาคทั่วประเทศเป็นการล่วงหน้าสำหรับฤดูกาลผลิตปี 65 จะมีผลผลิตผลไม้เพิ่มขึ้น 13% ปริมาณรวมทั้งหมด 5.4 ล้านตัน สิ่งที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้คือประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและกำหนดมาตรการเชิงรุกล่วงหน้าตั้งแต่ครึ่งปีที่ผ่านมาคือมาตรการ 17+1 โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมาตรการเปิดด่านเพิ่มขึ้นมาเป็นมาตรการที่ 18
การเตรียมตลาดล่วงหน้ารองรับ ขณะนี้การใช้ 17+1 มาตรการ ที่ผ่านมามีการเตรียมตลาดรองรับไว้แล้ว 450,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะเป็นไปตามกลไกตลาด ที่เกษตรกรผลิตผลไม้ที่ได้คุณภาพ ล้งรับซื้อตามมาตรฐานและราคาที่เป็นธรรม ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกดำเนินการเตรียมการส่งออกต่อไป
สำหรับผลไม้ไทย ตลาดใหญ่คือประเทศจีน ตลาดจีนส่งออกปี 2564 มีมูลค่า 163,000 ล้านบาท ปริมาณ 2,200,000 ตันโดยประมาณ ซึ่งการส่งออกไปจีนทำได้ 3 เส้นทางหลัก คือ ทางเรือ ร้อยละ 51 ทางบก ร้อยละ 48 และทางอากาศ ร้อยละ 0.54
การประชุมวันนี้ภาคเอกชนนำเสนอทางออกร่วมกัน 8 ประเด็น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการตลาด การส่งออกตลาดจีน
ประเด็นที่หนึ่ง จะเจรจากับทางการจีนขอให้ช่วยเปิดด่าน เดิมเปิด 4 ด่าน ปิดไป 1 ด่าน คือ ด่านตงซิง จะขอความร่วมมือจากจีนให้ช่วยเปิดด่านตงซิง เพื่อระบายผลไม้ออกไปได้ รวมทั้งขยายเวลาเปิดด่าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกผลไม้ไทย ตนมอบให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรเจรจาต่อไป
ประเด็นที่สอง ทางฝั่งลาวที่เราส่งผลไม้ไปจีน โดยเฉพาะเชียงของ ไปโม่ฮาน ของจีนและผ่านด่านบ่อเต็น ขอให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรและกระทรวงการต่างประเทศช่วยเจรจา ในการถ่ายรถ ซึ่งเดิม รถไทยสามารถผ่านด่านไปเชียงของและถ่ายรถครั้งเดียวที่ด่านบ่อเต็น เข้าจีนได้เลย แต่ช่วงหลังทางการลาวเปลี่ยนระบบให้ถ่ายรถที่ด่านเชียงของอุปสรรคคือ รถลาวมีไม่เพียงพอ จะเจรจาขอให้กลับไปเหมือนถ่ายรถที่เดียวที่ด่านบ่อเต็น หรือให้ทางการลาวเพิ่มรถ
ประเด็นที่สาม การขนส่งทางเรือ ประเด็นตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายแล้ว และค่าระวางเรือยังทรงอยู่ เราอยากให้เรือใหญ่เข้ามาเทียบท่าของไทยมากขึ้น ถ้ามีมาตรการอนุญาตให้มีการถ่ายลำจะจูงใจให้เรือใหญ่เข้ามา นำตู้เข้ามาได้มากขึ้น ช่วยให้เรามีตู้ส่งออกไปได้มากขึ้น กรมการค้าต่างประเทศร่วมกับเอกชนและหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องร่วมเจรจากันให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว
ประเด็นที่สี่ การขนส่งทางอากาศ ตนมอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สายการบินต่างๆ รวมทั้งผู้ส่งออกเร่งเจรจาร่วมกัน และ EXIM Bank ในฐานะช่วยสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน ให้ต้นทุนการขนส่งทางอากาศลดลง เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออกผลไม้ปีนี้ไปยังจีน
ประเด็นที่ห้า เรื่องเส้นทางการขนส่งผ่านรถไฟโดยเฉพาะรถไฟลาว-จีน ซึ่งรถไฟลาวจีน จะเริ่มต้นจากหนองคายไปเวียงจันทน์และเข้าจีนที่ด่านโม่ฮาน แต่ด่านโม่ฮาน ยังไม่เสร็จต้องรอเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ตนมอบให้ทูตพาณิชย์และทูตเกษตร เจรจากับทางการ สปป.ลาว ว่าถ้าขนส่งผลไม้ผ่านรถไฟลาว-จีน เมื่อเข้าเวียงจันทน์ให้ผ่านด่านโม่ฮาน แล้วไปตรวจที่คุนหมิงทีเดียวที่เป็นจุดหมายปลายทาง หรือจะให้ตรวจที่ด่านบ่อเต็นก็ได้ เนื่องจากด่านโม่ฮานยังไม่เสร็จเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายผลไม้
ประเด็นที่หก เรื่องเวียดนามการขนส่งผลไม้ผ่านนครพนม ไปลาว ไปเวียดนามแล้วไปจีนต้องผ่านเวียดนาม จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ในวันที่ 20 เมษายน 2565 ตนจะหยิบยกประเด็นนี้ในระดับรัฐมนตรีมาเจรจากับทางการเวียดนามขออำนวยความสะดวกและช่วยลดการจราจรที่ติดขัดหน้าด่านฝั่งเวียดนาม
ประเด็นที่เจ็ด เอกชนขอให้ช่วยเจรจากับทางการจีน ประเด็นรถที่ตรวจพบโควิดที่ด่านก่อนเข้าด่านจีน ปกติจีนจะนำไปฉีดฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับและปิดด่าน ให้เจรจาว่าพ่นฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับ ยินดีให้แบล็คลิสต์ แต่ขออย่าปิดด่าน
ประการที่แปด เรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานช่วยเก็บเกี่ยวผลไม้ที่ภาคตะวันออก หรือจังหวัดอื่นๆที่จำเป็น ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯร่วมกัน และผู้ว่าราชการจังหวัดจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายล้งเมื่อหมดฤดูผลไม้ทางภาคตะวันออกและผลไม้ภาคใต้ออกให้อำนวยความสะดวกไปรับซื้อที่ภาคใต้ด้วย
ทุกฝ่ายร่วมมือกันทั้งเกษตรกรผู้แปรรูป ล้ง ผู้ส่งออกและส่วนราชการทั้งหมด ช่วยหาหนทางให้การส่งผลไม้ส่งออกไปตลาดในประเทศและต่างประเทศ สามารถดำเนินการไปได้ด้วยดีที่สุด
กรมการค้าภายใน รายงานว่าผลผลิตผลไม้ปี 2565 จะมีปริมาณเพิ่มขึ้น 13% หรือประมาณ 5,426,555 ตัน สำหรับตลาดและการบริโภคผลไม้ในปี 2565 จะแบ่งออกเป็นตลาดในประเทศ 30% และตลาดต่างประเทศ 70%
โดยตลาดในประเทศจะประกอบด้วยห้าง ตลาด รถเร่ ร้านอาหารและแปรรูป และตลาดต่างประเทศ คือ จีน 65% สหรัฐอเมริกา 10% ฮ่องกง 4% เวียดนาม 3% และมาเลเซีย 1% โดยตลาดต่างประเทศนั้นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะขยายตลาดใหม่นอกจากนี้เพิ่มเติมรวมทั้งจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าผลไม้ตามด่านชายแดนอีกด้วย
จุรินทร์ นัดประชุมใหญ่ เคาะมาตรการเชิงรุกดูแลผลไม้ปี 2565 ที่คาดว่าจะมีผลผลิต 5.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13% เผยจะเจรจาจีนเปิดด่านเพิ่ม แก้ปัญหาติดขัดการขนถ่ายช่วงผ่านลาว เร่งส่งออกทางเรือ อากาศ ตั้งแท่นใช้ประโยชน์รถไฟลาว-จีนขนส่ง ขอเวียดนามอำนวยความสะดวกช่วงผ่านด่าน เจรจาจีนเจอโควิด-19 ที่รถ อย่าปิดด่าน และเตรียมดูแลเรื่องแรงงานเก็บผลไม้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2565 ว่า เป็นการประชุมร่วมกันเต็มรูปแบบมีองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประชุม เพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั้งในส่วนของภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือ และทุกภาคทั่วประเทศเป็นการล่วงหน้าสำหรับฤดูกาลผลิตปี 2565 ที่จะมีผลผลิตผลไม้ปริมาณรวม 5.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13%
โดยมาตรการที่จะดำเนินการ จะเจรจากับทางการจีนขอให้ช่วยเปิดด่าน เดิมเปิด 4 ด่าน ปิดไป 1 ด่าน คือ ด่านตงซิง จะขอความร่วมมือให้เปิดด่านตงซิง เพื่อระบายผลไม้ออกไปได้ รวมทั้งขยายเวลาเปิดด่าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกผลไม้ไทย ซึ่งได้มอบให้ทูตพาณิชย์และทูตเกษตรเจรจาต่อไปแล้ว และทางฝั่งลาวที่ไทยส่งผลไม้ไปจีน โดยเฉพาะเชียงของไปโม่ฮานของจีน และผ่านด่านบ่อเต็น ขอให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตร และกระทรวงการต่างประเทศช่วยเจรจาการถ่ายรถ ซึ่งเดิมรถไทยสามารถผ่านด่านไปเชียงของ และถ่ายรถครั้งเดียวที่ด่านบ่อเต็น เข้าจีนได้เลย แต่ช่วงหลังทางการลาว เปลี่ยนระบบ ให้ถ่ายรถที่ด่านเชียงของ อุปสรรค คือ รถลาวมีไม่เพียงพอ จะเจรจาขอให้กลับไปเหมือนเดิมถ่ายรถที่เดียว ที่ด่านบ่อเต็น หรือให้ทางการลาวเพิ่มรถ
ทั้งนี้ การให้ความสำคัญกับตลาดจีน เพราะตลาดผลไม้ใหญ่ของไทย คือ จีน โดยปี 2564 ส่งออกปริมาณ 2.2 ล้านตัน มูลค่า 163,000 ล้านบาท ซึ่งการส่งออกไปจีนทำได้ 3 เส้นทางหลัก คือ ทางเรือ 51% ทางบก 48% และทางอากาศ 0.54%
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับการส่งออกผลไม้ทางเรือ ประเด็นตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายแล้ว แต่ค่าระวางเรือยังทรงอยู่ จึงอยากให้เรือใหญ่เข้ามาเทียบท่าของไทยมากขึ้น ถ้ามีมาตรการอนุญาตให้มีการถ่ายลำ จะจูงใจให้เรือใหญ่เข้ามา นำตู้เข้ามาได้มากขึ้น ช่วยให้ไทยมีตู้ส่งออกไปได้มากขึ้น ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศจะร่วมกับเอกชนและหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องร่วมเจรจากันให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว
ทางด้านการขนส่งผลไม้ทางอากาศ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สายการบินต่าง ๆ รวมทั้งผู้ส่งออก เร่งเจรจาร่วมกัน และ EXIM Bank ในฐานะหน่วยงานด้านการเงินช่วยสนับสนุนสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน เพื่อให้ต้นทุนการขนส่งทางอากาศลดลง และช่วยเพิ่มช่องทางการส่งออกผลไม้ปีนี้ไปยังจีน
ส่วนเรื่องเส้นทางการขนส่งผ่านรถไฟ โดยเฉพาะรถไฟลาว-จีน ซึ่งรถไฟลาวจีน จะเริ่มต้นจากหนองคายไปเวียงจันทน์และเข้าจีนที่ด่านโม่ฮาน แต่ด่านโม่ฮานยังไม่เสร็จ ต้องรอเดือนมิ.ย.2565 เป็นต้นไป ได้มอบให้ทูตพาณิชย์และทูตเกษตร เจรจากับทางการลาวว่าถ้าขนส่งผลไม้ผ่านรถไฟลาว-จีน เมื่อเข้าเวียงจันทน์ให้ผ่านด่านโม่ฮาน แล้วไปตรวจที่คุนหมิงทีเดียวที่เป็นจุดหมายปลายทาง หรือจะให้ตรวจที่ด่านบ่อเต็นก็ได้ เนื่องจากด่านโม่ฮานยังไม่เสร็จเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายผลไม้
นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาเรื่องการขนส่งผลไม้ ผ่านนครพนม ไปลาว ไปเวียดนามแล้วไปจีนต้องผ่านเวียดนาม จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ในวันที่ 20 เม.ย.2565 ซึ่งตนจะหยิบยกประเด็นนี้ในระดับรัฐมนตรีมาเจรจากับทางการเวียดนาม ขออำนวยความสะดวก และช่วยลดการจราจรที่ติดขัดหน้าด่านฝั่งเวียดนาม
ส่วนประเด็นอื่น ๆ เอกชนขอให้ช่วยเจรจากับทางการจีน ประเด็นรถที่ตรวจพบโควิด-19 ที่ด่านก่อนเข้าด่านจีน ปกติจีนจะนำไปฉีดฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับและปิดด่าน ให้เจรจาว่าพ่นฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับ ยินดีให้แบล็กลิสต์ แต่ขออย่าปิดด่าน และเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานช่วยเก็บเกี่ยวผลไม้ที่ภาคตะวันออก หรือจังหวัดอื่น ๆ ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกันทำงาน และผู้ว่าราชการจังหวัดจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายล้ง เมื่อหมดฤดูผลไม้ทางภาคตะวันออกและผลไม้ภาคใต้ออกให้อำนวยความสะดวกไปรับซื้อที่ภาคใต้ด้วย
กรมการค้าภายใน รายงานว่า ผลผลิตผลไม้ปี 2565 จะมีปริมาณ 5,426,555 ตัน เพิ่มขึ้น 13% โดยการบริโภคผลไม้ในปี 2565 แบ่งออกเป็นตลาดในประเทศ 30% และตลาดต่างประเทศ 70% โดยตลาดในประเทศจะประกอบด้วยห้าง ตลาด รถเร่ ร้านอาหารและแปรรูป และตลาดต่างประเทศ คือ จีน 65% สหรัฐฯ 10% ฮ่องกง 4% เวียดนาม 3% และมาเลเซีย 1% โดยตลาดต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะขยายตลาดใหม่ และจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าผลไม้ตามด่านชายแดนด้วย
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และกำหนดมาตรการเชิงรุกดูแลผลไม้ล่วงหน้า ตั้งแต่ครึ่งปีที่ผ่านมา คือ มาตรการ 17+1 โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมาตรการเปิดด่านเพิ่มขึ้นมาเป็นมาตรการที่ 18 และที่ผ่านมา มีการเตรียมตลาดรองรับไว้แล้ว 450,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะเป็นไปตามกลไกตลาด ที่เกษตรกรผลิตผลไม้ที่ได้คุณภาพ ล้งรับซื้อตามมาตรฐานและราคาที่เป็นธรรม ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกดำเนินการเตรียมการส่งออกต่อไป