- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 16 February 2022 20:35
- Hits: 10241
กรมเจรจาฯ กางแผนปี 65 เร่งปิดดีล FTA กับตุรกี-ปากีสถาน เปิดโต๊ะถกอียู-เอฟตา
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกางแผนเจรจา FTA ปี 65 ตั้งเป้าปิดดีล FTA คงค้างกับตุรกีและปากีสถาน นัดเจรจารอบแรกกรอบอาเซียน-แคนาดา และเร่งขอความเห็นชอบกรอบเจรจาไทย-อียู ไทย-เอฟตา จาก ครม. เผยปัจจุบัน การค้าไทยกับคู่ FTA มีสัดส่วนถึง 63.5% ของการค้าโลก การทำ FTA เพิ่ม จะช่วยขยายโอกาสการค้า การลงทุน และลดอุปสรรค
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงแผนการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทย ในปี 2565 ว่า กรมฯ เตรียมเดินหน้าเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอย่างเต็มที่ ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้เร่งสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าส่งออกของไทย และการใช้ประโยชน์จาก FTA สร้างโอกาสทางการค้าการลงทุนให้กับผู้ประกอบการไทย โดยมีแผนเจรจา FTA ที่ค้างอยู่กับตุรกี เตรียมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม รอบที่ 8 ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.2565 เพื่อหารือเรื่องการเปิดตลาดสินค้าและจัดทำข้อบท FTA ที่ยังค้างอยู่ให้คืบหน้ามากที่สุด และตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้สำเร็จภายในปีนี้
ส่วนการเจรจา FTA กับปากีสถาน ปัจจุบันการจัดทำรายละเอียดของความตกลงใกล้เสร็จแล้ว คงเหลือในส่วนของการเปิดตลาด ซึ่งกรมฯ อยู่ระหว่างนัดหมายปากีสถาน เพื่อเร่งจัดประชุมหารือเรื่องที่ยังค้างให้คืบหน้าโดยเร็ว และการเจรจา FTA อาเซียน-แคนาดา หลังจากที่ได้ตกลงเปิดเจรจาไปเมื่อเดือนพ.ย.2564 ซึ่งทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างกำหนดแผนการเจรจา และคาดว่าจะนัดประชุมรอบแรกในเร็ว ๆ นี้
สำหรับ การเปิดเจรจา FTA ฉบับใหม่ 2 ฉบับ คือ FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) และ FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป (เอฟตา) กรมฯ ได้หารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของไทยเพื่อร่างกรอบการเจรจา ซึ่งดำเนินการใกล้เสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างหารือกับคู่เจรจา เพื่อจัดทำเอกสารความคาดหวังจากการเจรจาร่วมกัน ซึ่งจะนำเอกสารดังกล่าวและร่างกรอบเจรจาเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอความเห็นชอบเปิดการเจรจาต่อไป โดยเอฟตา คาดว่า จะเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาเปิดการเจรจาได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 หรือต้นไตรมาส 2 ของปีนี้
ปัจจุบันไทยมี FTA 14 ฉบับ กับคู่ค้า 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง คิดเป็นสัดส่วน 63.5% ของการค้าไทยกับโลก โดยการจัดทำ FTA กับประเทศใหม่ๆ จะช่วยขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งจะได้แต้มต่อทางการค้าจากการที่ประเทศคู่ค้าลดเลิกกำแพงภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าต่างๆ ลงมา
ในปี 2564 การค้าระหว่างไทยกับอียู มีมูลค่า 39,872 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยอียูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 ของไทย รองจากอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 7.40% ของการค้าไทยกับโลก ส่วนการค้าระหว่างไทยกับเอฟตา มีมูลค่า 7,506 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 1.39% ของการค้าไทยกับโลก สำหรับการค้าระหว่างไทยกับตุรกี มีมูลค่า 1,646 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.30% ของการค้าไทยกับโลก และการค้าระหว่างไทยกับปากีสถาน มีมูลค่า 1,817 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.34% ของการค้าไทยกับโลก