- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 01 February 2022 22:49
- Hits: 4344
พาณิชย์ พร้อมให้บริการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ใช้สิทธิ์ RCEP ส่งออกไปเกาหลีใต้
กรมการค้าต่างประเทศพร้อมให้บริการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ RCEP ในการขอใช้สิทธิประโยชน์ส่งออกไปเกาหลีใต้ ตั้งแต่ 1 ก.พ.65 และกับมาเลเซียวันที่ 18 มี.ค.65 หลังเปิดให้บริการกับ 10 สมาชิก RCEP ตั้งแต่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมาแล้ว เผยยังเหลืออีก 3 ประเทศ ที่ความตกลง RCEP ยังไม่มีผลบังคับใช้
นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้เปิดระบบที่เกี่ยวข้องกับการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมการส่งออกไปยังเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย ระบบการตรวจสอบคุณสมบัติด้านถิ่นกำเนิดของสินค้า (ROVERs) ระบบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form RCEP) และระบบการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต (Self-Certification) ส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง RCEP สำหรับการส่งออกไปยังเกาหลีใต้ได้ทันทีที่ความตกลงมีผลบังคับใช้กับเกาหลีใต้ในวันที่ 1 ก.พ.2565 และยังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อขยายระบบให้ครอบคลุมการส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียที่ RCEP กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 มี.ค.2565 ด้วย
ทั้งนี้ กรมฯ ได้เปิดให้บริการผู้ส่งออกไทยสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการส่งออกไปยังประเทศสมาชิก RCEP ที่ความตกลงมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 จำนวน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ และล่าสุดมี 2 ประเทศ ได้ยื่นให้สัตยาบันเพิ่มเติม คือ เกาหลีใต้ และมาเลเซีย และความตกลง RCEP จะบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.พ.2565 และ 18 มี.ค.2565 ตามลำดับ ยังขาดอีก 3 ประเทศ ที่ความตกลง RCEP ยังไม่มีผลบังคับใช้ คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา
นายพิทักษ์ กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA ถือเป็นอาวุธสำคัญสำหรับการส่งออกและเป็นแต้มต่อให้แก่ผู้ประกอบการของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตกลง RCEP เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการ ทั้งในด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าที่สามารถสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าจากภาคีสมาชิก 14 ประเทศ ทำให้สินค้าได้คุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดได้ง่ายขึ้น การมีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเดียวกันในแต่ละสินค้าของประเทศสมาชิกที่ช่วยลดความยุ่งยากในกระบวนการผลิตเพื่อส่งออกไปยัง 14 ประเทศ และด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าด้วย Self-certification ที่ผู้ประกอบการสามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองได้บนเอกสารทางการค้าหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แตกต่างจากความตกลงอื่นที่อาเซียนเคยมีกับประเทศคู่เจรจา
“กรมฯ ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลการใช้สิทธิประโยชน์ด้านถิ่นกำเนิดสินค้าของไทยภายใต้ FTA พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการให้คำปรึกษาสำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ และการยกระดับการบริการต่างๆ ของกรมฯ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อที่ผู้ประกอบการไทยจะได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA ให้ได้ประโยชน์สูงสุดและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น”นายพิทักษ์กล่าว
สำหรับ ผู้ประกอบการที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลเรื่องสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีต่างๆ ได้ที่ สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ โทร 1385 หรือไลน์แอปพลิเคชันชื่อบัญชี ‘@gsp_helper’
