- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 22 January 2022 17:25
- Hits: 12404
พาณิชย์ เชือดห้องเย็นสงขลา เก็บหมู 2 แสนกิโลกรัม ไม่ยอมแจ้งสต๊อก
พาณิชย์ เชือดห้องเย็นสงขลา เก็บหมู 2 แสนกิโล ไม่แจ้งสต็อก เผยโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น และรายวันอีก 2,000 บาทจนกว่าจะดำเนินการให้ถูกต้อง ส่วนโทษฐานกักตุน รอผู้ว่าฯ สงขลา ในฐานะประธานวอร์รูมตรวจสอบรายละเอียดก่อน ด้านกรมการค้าภายในย้ำผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัว ผู้ครอบครองสุกรตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัม ต้องแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นำทีมเข้าตรวจห้องเย็น หลังพบมีเนื้อหมูฝากเก็บไว้กว่า 2 แสนกิโลกรัม (กก.) ว่า เรื่องนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่ แต่ตนได้คุยกับผู้ว่าราชการจัดหวัดสงขลา ในฐานะประธานวอร์รูมติดตามสถานการณ์สินค้าระดับจังหวัดไปแล้วเมื่อช่วงเช้า โดยได้พบความผิด ฐานไม่แจ้งสต็อกตามคำสั่งของกรมการค้าภายใน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับต่อเนื่องอีกวันละ 2,000 บาท จนกว่าจะมีการดำเนินการให้ถูกต้อง
ส่วนการเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่นั้น จะต้องรอทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบข้อมูล และดำเนินการในรายละเอียดก่อน และจะมีการแถลงให้ทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกพื้นที่ เร่งบูรณาการกับผู้ว่าราชการจังหวัดออกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการไม่แจ้งปริมาณ หรือหากพบมีการกักตุน ก็จะมีความผิดตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปีปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2565 พาณิชย์จังหวัดสงขลาได้ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ปศุสัตว์จังหวัดสงขลา กองบังคับการตำรวจ ปคบ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่จังหวัดสงขลาที่รับฝากสินค้าเนื้อสุกรชำแหละ พบว่า มีการจัดทำบัญชีและแจ้งปริมาณสินค้า เนื้อสุกรไม่ตรงกับสินค้าที่มีการตรวจสอบ ณ สถานที่ฝากเก็บสินค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลาจึงได้ทำการบันทึกการตรวจสอบและไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจภูธรอำเภอจะนะ เพื่อดำเนินคดีในข้อหาไม่แจ้งปริมาณในครอบครองกับห้องเย็นรับฝากซึ่งเป็นผู้ครอบครองแทนผู้อื่นตามข้อ 3 ในประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2565 เรื่องการแจ้งปริมาณราคาสถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีสินค้า สุกรเนื้อสุกร มีความผิดตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542
ทั้งนี้ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อก ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป แจ้งปริมาณ และราคาทุก 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.2565 เป็นต้นมา เพื่อดูแลปริมาณสุกรและสต็อกเนื้อสุกรที่มีอยู่ทั้งประเทศ
“ขอให้ผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อกสุกร ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้แจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บและการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร ตามประกาศ กกร. หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ประกอบการายใดไม่แจ้งปริมาณ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา 30 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปีปรับ 140,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ”นายอุดมกล่าว
พาณิชย์สงขลา แจ้งจับหลังกักตุนสต๊อกหมู 2 แสนโลฯ ไม่ตรงใบแจ้งยอด
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต๊อก ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป แจ้งปริมาณและราคาทุก 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.65 เป็นต้นมา เพื่อดูแลปริมาณสุกรและสต๊อกเนื้อสุกรที่มีอยู่ทั่วประเทศ
โดยกรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบสต๊อกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดได้บูรณาการกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบติดตามผู้ประกอบการครอบครองสุกร เนื้อสุกร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บและการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร ตามประกาศ กกร. หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 พาณิชย์จังหวัดสงขลาได้ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ปศุสัตว์จังหวัดสงขลา กองบังคับการตำรวจ ปคบ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่จังหวัดสงขลาที่รับฝากสินค้าเนื้อสุกรชำแหละ พบว่า มีการจัดทำบัญชีและแจ้งปริมาณสินค้าเนื้อสุกรไม่ตรงกับสินค้าที่มีการตรวจสอบ ณ สถานที่ฝากเก็บสินค้า ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลาจึงได้ทำการบันทึกการตรวจสอบและแจ้งความต่อสถานีตำรวจภูธรอำเภอจะนะ
เพื่อดำเนินคดีในข้อหาไม่แจ้งปริมาณในครอบครองกับห้องเย็นรับฝากซึ่งเป็นผู้ครอบครองแทนผู้อื่นตามข้อ 3 ในประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2565 เรื่องการแจ้งปริมาณราคาสถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีสินค้า สุกรเนื้อสุกร มีความผิดตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ. 2542
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต๊อกสุกร ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้แจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บและการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร ตามประกาศ กกร.
หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ประกอบการรายใดไม่แจ้งปริมาณ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา 30 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปีปรับ 140,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ
“ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ” นายอุดม กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ทีมชุดเฉพาะกิจกรมปศุสัตว์ โดยด่านกักกันสัตว์สงขลาร่วมกับหลายภาคส่วน เข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งใน ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา หลังจากสารวัตรกรมปศุสัตว์ได้เข้าตรวจห้องเย็นดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา โดยพบว่า ในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมามีการนำเนื้อสุกรจาก จ.พัทลุง โดย บริษัท เบทาโกรเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด เข้าเก็บรักษาไว้ที่ห้องเย็นบริษัท ปิติซีฟู๊ดส์ อ.จะนะ จำนวน 211,361 กิโลกรัม และวันที่เข้าตรวจสอบ (19 ม.ค.65) พบว่ามีเนื้อสุกรคงคลัง 201,650 กิโลกรัม กรมปศุสัตว์จึงได้ทำการอายัดไว้เพื่อรอการตรวจสอบ
เบทาโกร ชี้แจง ห้องเย็นสงขลา สต๊อกสินค้าปกติแจ้งถูกต้อง ไม่ได้ปั่นราคา
จากกรณีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 65 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ. ผบก.ภ.จว.สงขลา นายวรสุทธิ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา นางสาวฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์ จ.สงขลา ปศุสัตว์ จ.สงขลา นำกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบ บริษัทปิติซีฟู๊ด จำกัด ที่อยู่. 125/1 หมู่ 5 ถนนสงขลา-ปัตตานี ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็น บริษัทรับฝากและให้เช่าห้องเย็น และพบพบ เนื้อสุกร ที่ถูกแช่แข็งไว้ 201,650 กก. โดย พาณิชย์สงขลาวิ่งโร่ขึ้นโรงพัก แจ้งความบริษัทปิติซีฟูดส์ ข้อหา’ไม่แจ้งปริมาณในครอบครอง 'เบทาโกร'เนื้อสุกรไม่ตรงกับสินค้าที่ตรวจสอบ’ จี้นำข้อมูลรับมา/จ่ายไป
คำชี้แจงจากบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เรื่อง การตรวจสอบห้องเย็นกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรในจังหวัดสงขลา จากกรณีที่ปรากฏรายงานข่าวการเข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา และพบว่ามีการเก็บรักษาเนื้อสุกรจากบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง จำนวน 201,650 กิโลกรัมในห้องเย็นดังกล่าวนั้น
บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การจัดเก็บรักษาเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง และสาขาในกลุ่ม ในบริษัทห้องเย็นตามที่ระบุในรายงานข่าว เป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางการปฏิบัติโดยปกติ ภายใต้มาตรฐานการจัดส่งสินค้า เพื่อการสำรองสินค้ารองรับการจัดส่ง 5-7 วันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค โดยครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในภาคใต้ตอนล่างมากกว่า 8 จังหวัด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแจ้งข้อมูลปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่เก็บในห้องเย็นนั้นต่อกระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบล่วงหน้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 211,361 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ที่ระบุให้ “ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่ง ที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัม ขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้า ภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน โดยเริ่มวันที่ 10 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การจัดการสต๊อกดังกล่าวเป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางปฏิบัติโดยปกติ มิใช่การกักเก็บสินค้าเป็นเวลานาน เพื่อเป้าหมายด้านราคาที่สูงขึ้นแต่ประการใด บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ครอบคลุมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการรายงานแจ้งจำนวนสต๊อกตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อปริมาณสุกรและระดับราคาที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ตระหนักถึงความกังวลใจของผู้บริโภคต่อกรณีดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์อย่างถูกต้องครบถ้วน
รวมถึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ของผู้บริโภค โดยการผสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หมูปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรมให้กับประชาชน ในโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยการจำหน่ายหมูสดในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ณ จุดจำหน่ายในโครงการ 667 แห่งทั่วประเทศ
เครือเบทาโกร ยึดมั่นในเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่ดี มีบรรษัทภิบาล พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสื่อสารสร้างความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรต่างๆ ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์อาหารสดและแปรรูป ที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตดีของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน”