- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 10 January 2022 17:20
- Hits: 10346
กรมเจรจาฯ ชี้เป้าผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จาก AKFTA และ RCEP เจาะตลาดเกาหลีใต้
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศชี้เป้าผู้ส่งออกใช้ FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ และ RCEP ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ เป็นใบเบิกทางเจาะตลาดเกาหลีใต้ หลังพบจะลดภาษีเพิ่มเติมให้ไทยอีกเพียบ ทั้งผลไม้ อาหารทะเล อาหารสัตว์เลี้ยง ไม้ยางพารา และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง แถมได้ประโยชน์จากการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2565 แนวโน้มเศรษฐกิจของเกาหลีใต้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้ากลุ่มวัตถุดิบที่ใช้ในภาคการผลิตของเกาหลีใต้อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายการส่งออกไปตลาดเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้น โดยในการส่งออกสามารถเลือกใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) 2 ฉบับ ได้แก่ อาเซียน-เกาหลีใต้ (AKFTA) ที่มีผลบังคับใช้แล้ว และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่กำลังจะเริ่มบังคับใช้กับเกาหลีใต้ในวันที่ 1 ก.พ.2565
ทั้งนี้ ภายใต้ AKFTA เกาหลีใต้ได้ยกเลิกเก็บภาษีนําเข้าสินค้าให้ไทยกว่า 90.9% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยางพารา เนื้อปลาและกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง และน้ำตาลดิบ และภายใต้ RCEP เกาหลีใต้จะยกเลิกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าให้ไทย สัดส่วน 90.7% ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยมีสินค้าที่ไทยประสบความสำเร็จในการผลักดันให้เกาหลีใต้เปิดตลาดเพิ่มเติมจาก AKFTA หลายรายการ เช่น ทุเรียน มังคุด ฝรั่ง มะละกอ และอินทผาลัม เก็บภาษีที่อัตรา 24-36% และไม้ยางพารา อัตราภาษี 5%
โดยจะทยอยลดจนเหลือ 0% ในปี 2574 สำหรับปลาซาร์ดีนกระป๋อง ทูน่าแปรรูป และอาหารทะเลแปรรูป เก็บภาษีที่อัตรา 20% อาหารสัตว์เลี้ยง อัตราภาษี 40.4% เด๊กตรินและโมดิไฟด์สตาร์ช อัตราภาษี 100.6-192.8% และแป้งมันสำปะหลัง อัตราภาษี 5% ซึ่งจะทยอยลดจนเหลือ 0% ในปี 2579 ส่วนผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เก็บภาษีที่อัตรา 20% และภาษีนอกโควตา 40% จะทยอยลดภาษีจนเหลือ 0% ในปี 2584
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มโอกาสสะสมถิ่นกำเนิดในเครือข่ายการผลิตสินค้าจากสมาชิก RCEP ทั้ง 15 ประเทศ ซึ่งใช้เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าเดียวกัน ทำให้มีความสอดคล้องและยืดหยุ่นมากขึ้น และยังสามารถสะสมวัตถุดิบในการผลิตได้จากหลายแหล่งมากขึ้น
“ผู้ประกอบการไทยควรเตรียมความพร้อมใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP เพื่อขยายส่งออกสินค้าไปตลาดเกาหลีใต้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งตรวจสอบสิทธิประโยชน์ในกรอบ FTA ต่าง ๆ และเลือกใช้ให้ความเหมาะสมกับลักษณะธุรกิจ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลอัตราภาษีนำเข้าของเกาหลีใต้ ทั้งความตกลง AKFTA และ RCEP ได้ที่เว็บไซต์กรมฯ http://tax.dtn.go.th และข้อมูลกฎถิ่นกำเนิดสินค้าของ FTA ฉบับต่าง ๆ ได้ที่ http://www.thailandntr.com”นางอรมนกล่าว
สำหรับ เกาหลีใต้ เป็นตลาดคู่ค้าสำคัญของไทย โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ย.) ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ มูลค่า 5,373 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 39% สินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ส่งออกมูลค่า 987 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 21% เช่น ยางพารา เพิ่ม 62% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 37% น้ำตาลทราย เพิ่ม 27% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 25% และปลาหมึก (มีชีวิต สด แช่เย็นแช่แข็ง) เพิ่ม 11% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ส่งออกมูลค่า 4,012 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 37% เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่ม 69% คอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 60% เคมีภัณฑ์ เพิ่ม 43% แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่ม 42% และผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่ม 37%