- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 30 October 2021 08:11
- Hits: 12073
พาณิชย์ แถลงผลงาน 2 ปี 'จุรินทร์' ทำได้ไว ทำได้จริงรวม 27 ภารกิจ
พาณิชย์ แถลงผลงาน 2 ปี 'จุรินทร์'เผยทำได้สำเร็จรวม 27 ภารกิจ โชว์งานเด่นประกันรายได้ช่วยเกษตรกร 7.8 ล้านครัวเรือน ดันราคาผลไม้ช่วยชาวสวน 6.54 แสนครัวเรือน ตั้งกรอ.พาณิชย์แก้ปัญหา ผลักดันส่งออก เซลส์แมนขายสินค้า ดันลงนาม RCEP ลดราคาสินค้าช่วยค่าครองชีพ ช่วยร้านอาหาร SMEs ส่งออกเข้าถึงเงินกู้ ช่วยซาเล้ง พัฒนาโชวห่วย ปั้นผู้ประกอบการรายใหม่ ใช้แฟรนไชส์สร้างอาชีพ ดันทุกจังหวัดมีสินค้า GI ปั้นดิจิทัลคอนเทนต์ ส่งเสริมศิลปาชีพคนไทย
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนางลลิดา จิวะนันทประวัติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการแถลงผลงาน 2 ปี ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า วันนี้จะแถลงผลงานของนายจุรินทร์ ในภารกิจ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินหน้าภารกิจกระทรวงพาณิชย์ปีที่ 3 โดยมีผลงานเด่นสรุปในรอบ 2 ปีได้ทั้งหมด 27 ผลงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานที่มุ่งช่วยเหลือเกษตรกร ประชาชน ภาคธุรกิจ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
โดยผลงานที่ 1 ประกันรายได้เกษตรกร พืชหลัก 5 ชนิด ช่วยเหลือเกษตรกรทั้งสิ้น 7.8 ล้านครัวเรือน แยกเป็นข้าว 4.68 ล้านครัวเรือน ยางพารา 1.83 ล้านครัวเรือน มันสำปะหลัง 0.52 ล้านครัวเรือนปาล์มน้ำมัน 0.37 ล้านครัวเรือน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 0.45 ล้านครัวเรือน 2.ผลไม้ราคาดี ช่วยชาวสวนได้ 6.54 แสนครัวเรือน 3.ตั้ง กรอ.พาณิชย์ โดยเอกชนเป็นทัพหน้า พาณิชย์เสริมทัพ ซึ่งได้ช่วยแก้ไขปัญหาส่งออก เช่น โลจิสติกส์ ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ผลักดันเปิดด่าน และผลักดันส่งออกเป็นรายสินค้า เช่น ข้าว
4.สร้างเซลล์แมนประเทศ เซลล์แมนจังหวัด เพื่อช่วยขายสินค้า 5.เปิดด่านชายแดน ซึ่งปัจจุบันเปิดได้ 46 ด่านจาก 97 ด่าน 6.เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำแดชบอร์ดสินค้าเกษตร ผลักดันขายผ่านแพลตฟอร์มกลาง ทั้งในและต่างประเทศ 7.เคาน์เตอร์เทรด ช่วยเกษตรกรหาตลาด แลกเปลี่ยนสินค้า สร้างมูลค่าการค้า 2 ปี 6,600 ล้านบาท 8.อาหารไทย อาหารโลก เร่งรัดผลักดันการส่งออกอาหาร แก้ไขอุปสรรค และช่วยเจรจาธุรกิจ 2 ปี 4,043 คู่ สร้างมูลค่าการค้า 55,367.46 ล้านบาท
9.ผลักดันการลงนาม RCEP 15 ประเทศสำเร็จ หลังมีความพยายามมานานถึง 7 ปี ทำให้ได้รับการยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที 29,891 รายการ คาดว่าเริ่มใช้บังคับม.ค.2565 10.บุกตลาดเมืองรองด้วย Mini FTA ทำสำเร็จแล้ว 2 แห่ง MOU กับไห่หนาน (จีน) ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 12,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี MOU กับโคฟุ (ญี่ปุ่น) ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่ต่ำกว่า 15,500 ล้านบาท และจะทำเพิ่มอีก 3 แห่งคือ กานชู (จีน) เตลังคานา (อินเดีย) และคยองกี (เกาหลีใต้)
11.ผลักดันส่งออกฝ่าวิกฤต นำทีมเอกชนเซ็น MOU ขายสินค้าทั่วโลก โดยมีการลงนาม MOU จับคู่ธุรกิจ 231 คู่ ทำมูลค่าส่งออก 2 ปี 94,822.17 ล้านบาท ส่งมอบแล้ว 60% ส่งเสริมการค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com มูลค่าการสั่งซื้อรวม 2,322 ล้านบาท สร้างมูลค่าจากงานแสดงสินค้าและคณะผู้แทนการค้าทั้งในและต่างประเทศ ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมกว่า 13,138 ราย มูลค่าการสั่งซื้อกว่า 161,756 ล้านบาท 12.ส่งเสริมการค้ารูปแบบใหม่ สู่ New Normal โดยปรับรูปแบบงานแสดงสินค้าเป็นออนไลน์และออฟไลน์รูปแบบไฮบริด Mirror Mirror และจัดเจรจาธุรกิจออนไลน์
13.พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ทำแล้ว 12 Lot เริ่มตั้งแต่ 16 เม.ย.2563 ถึง 31 ก.ค.2564 ลดภาระค่าครองชีพกว่า 4,300 ล้านบาท 14.จัดรถเร่ขายสินค้าจำเป็นใน 7 จังหวัดที่ล็อกดาวน์รอบแรก และจัดรถโมบายขายสินค้าทั่วประเทศช่วงล็อกดาวน์ระลอก 3 ลดค่าครองชีพได้ 85 ล้านบาท 15.จับคู่กู้เงิน ช่วยหาแหล่งเงินกู้เงื่อนไขพิเศษให้ร้านอาหารและ SMEs ส่งออก ช่วยให้กู้ได้ 4,512 ล้านบาท 16.ช่วย SMEs และ Micro SMEs พัฒนาศักยภาพและการตลาด ผ่านเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club 12,873 ราย สำหรับต่างประเทศ พัฒนาศักยภาพ กิจกรรมการตลาด และรับคำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ 73,230 ราย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสส่งออกให้ SMEs ในสัดส่วน 10-15%
17.ช่วยซาเล้ง ยกระดับราคาเศษกระดาษ ผลักดันให้ราคาเพิ่มจากกิโลกรัม (กก.) ละ 2 บาท เป็นกก.ละ 9 บาท ช่วยได้ 1.5 ล้านครัวเรือน 18.ผลักดันโชว์ห่วยเป็นสร้างสมาร์ทโชวห่วย 34,572 ร้านค้า โดยช่วยปรับปรุงร้านค้า ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย 19.สร้างอาชีพจากธุรกิจแฟรนไชส์ โดยมีแฟรนไชส์ไทย 597 ธุรกิจ วางเป้า 1 ปี สร้างอาชีพจากธุรกิจแฟรนไชส์ 10,000 ราย มูลค่าการตลาด 4,600 ล้านบาท 20.อบรมสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ ได้ 84,283 ราย 21.ปั้น CEO Gen Z แล้ว 20,674 ราย 22.เช็คราคายา-ค่าบริการโรงพยาบาลเอกชนผ่านระบบ QR Code เพื่อเปิดเผยให้ประชาชนทราบก่อนการรักษา 23.MOC Online One Stop Service เปิดให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ด้วยระบบออนไลน์ 85 บริการ
24.ดันทุกจังหวัดมีสินค้า GI เพื่อเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้ชุมชนครบ 77 จังหวัด และมีสินค้า GI ของไทยขึ้นทะเบียนแล้ว 152 รายการ สร้างมูลค่าในประเทศกว่า 39,000 ล้านบาท 25.พัฒนาส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยโดยใช้ประโยชน์จากสิทธิบัตร และลดระยะเวลาการจดทะเบียน 26.สร้างฮับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ภาพยนตร์ โดยสร้างมูลค่าแล้ว 8,852 ล้านบาท และ 27.ส่งเสริมศิลปาชีพของคนไทย โดยเปลี่ยนชื่อจาก “ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)” เป็น “สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)”
ทั้งนี้ จากผลงานความสำเร็จทั้ง 27 ข้อ นายจุรินทร์ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าติดตามภารกิจทั้งหมด และให้รายงานความคืบหน้าทุก 2 สัปดาห์ รวมทั้งได้เตรียมนโยบายที่จะเดินหน้าภารกิจปีที่ 3 ต่อไป โดยยึดหลัก “ทำได้ไว ทำได้จริง” เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ภาคธุรกิจ และประเทศต่อไป
สุดปัง! 27 ผลงานเด่น 'จุรินทร์' ในรอบ 2 ปี นำพาณิชย์ขึ้นแท่นผลงานอันดับ 1'ทำได้ไวทำได้จริง’พร้อมเดินหน้าสร้างผลงานปี 3
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางลลิดา จิวะนันทประวัติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ แถลงผลงาน 2 ปี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
นางมัลลิกา กล่าวว่า วันนี้จะแถลงผลงานของท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในภารกิจ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่เราจะเดินหน้าภารกิจกระทรวงพาณิชย์ปีที่ 3 ซึ่งผลงานเด่นสรุปในรอบสองปีทั้งหมด 27 ผลงานเด่น ประกอบด้วย
1.ประกันรายได้เกษตรกร พืชหลัก 5 ชนิด ช่วยเหลือเกษตรกรทั้งสิ้น 7.8 ล้านครัวเรือน ข้าว 4.68 ล้านครัวเรือน ยางพารา 1.83 ล้านครัวเรือน มันสำปะหลัง 0.52 ล้านครัวเรือนปาล์มน้ำมัน 0.37 ล้านครัวเรือน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 0.45 ล้านครัวเรือน ซึ่งเงินส่วนต่างทุกบาทจากโครงการประกันรายได้ส่งถึงมือเกษตรกรผ่านธนาคาร ธ.ก.ส. ทำให้เงินที่อยู่ในมือเกษตรกรหมุนเวียนช่วยเศรษฐกิจฐานรากในภาวะวิกฤตโควิด
2.ผลไม้ราคาดี เกือบทุกตัวช่วยชาวสวนได้ 6.54 แสนครัวเรือน ผลไม้ส่งออก 8 เดือนแรก ปี 64 มีมูลค่า 169,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.29% และมียุทธศาสตร์มาตรการเสริม 1) ช่วยสนับสนุนกล่องพร้อมค่าจัดส่ง 2) กระจายผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต และสนับรถเร่-รถโมบาย ไปรับซื้อและจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรง 3) ประสานงานกับตลาดห้างท้องถิ่นและปั๊มน้ำมันเปิดพื้นที่ระบายผลไม้ให้กับเกษตรกร 4) จัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจเจรจาออนไลน์ขายผลไม้ 5) ทำ OBM หรือ Online Business Matching รายสัปดาห์ต่อเนื่อง 6) จัดThai Fruits Golden Months ในจีนต่อเนื่อง 7) Memorandum of Purchasing : MOP 8) In-Store Promotion 9) แพลตฟอร์มออนไลน์
3.ตั้ง กรอ.พาณิชย์ โดยรัฐหนุนเอกชนนำ นำกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายดึงเอกชนเป็นทัพหน้า ภาครัฐเสริมทัพ บุกตลาดทำงานร่วมกันและขึ้นทะเบียนปัญหา เพื่อติดตามประสานงานแก้ไขอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที ผลักดันการส่งออกแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าต่างๆ ทั้งการส่งเสริมการส่งออกข้าวไทย การแก้ปัญหาโลจิสติกส์และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทางด้านการเปิดด่าน และมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
4.สร้างเซลล์แมนประเทศ เซลล์แมนจังหวัด ปรับบทบาททูตพาณิชย์เป็นเซลล์แมนประเทศ พาณิชย์จังหวัดเป็นเซลล์แมนจังหวัด เพื่อขยายการค้าไทยส่งเสริมการขายสินค้าผลักการส่งออกและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าทำหน้าที่เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนสินค้า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ตั้งทีมเซลล์แมนประจำจังหวัดต่างๆ ซึ่งมีเอกชนร่วมทีมด้วย ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีการจับคู่เซลล์แมนจังหวัดนำสินค้าท้องถิ่นไปขายต่างประเทศ จับคู่เจรจาการค้ากว่า 213 คู่ ส่งมอบสินค้าแล้ว 77 คู่ มีสินค้าหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคทั่วไทย
- เปิดด่าน ผลักดันการค้าชายแดน/ผ่านแดน ซึ่งมูลค่าส่งออก (ชายแดน/ผ่านแดน) 2 ปี (25 ก.ค. 62 - 30 ส.ค. 64)
ชายแดน : มาเลเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมา
ผ่านแดน : จีน, สิงคโปร์, เวียดนาม
นำรายได้เข้าประเทศ 1,832,066 ล้านบาท
มีมูลค่าการค้ารวม (ชายแดน / ผ่านแดน) 2 ปี 3,088,748 ล้านบาท
สามารถผลักดันการเปิดด่านได้ 46 ด่าน จาก 97 ด่าน สำเร็จ
- เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด วิสัยทัศน์ เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาดยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต นำเกษตรและพาณิชย์จับมือสร้างประเทศไทย เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก โดยมีเป้าหมาย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ เพิ่มจีดีพีประเทศ เพิ่มรายได้เกษตรกรและผู้ประกอบการ โดยภารกิจ จัดทำแดชบอร์ดสินค้าเกษตร สำเร็จ จัดทำ QR Code ตรวจสอบย้อนกลับสินค้า ต่อยอดการขายผ่านแพลตฟอร์มกลาง ของภาครัฐและภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จ
- เคาน์เตอร์เทรด ‘ช่วยเกษตรกรหาตลาด’แลกเปลี่ยนสินค้า หาตลาดล่วงหน้า ผ่านทีมเซลส์แมนจังหวัด (ทีมพาณิชย์ 76 จังหวัด) ทำงานเชิงรุก สร้างมูลค่าการค้ารวม 2 ปี ถึง 6,600 ล้านบาท ปี 63 มูลค่าประมาณ 3,200 ล้านบาท ปี64 ใน 8 เดือนแรกประมาณ 3,300 ล้านบาท
- อาหารไทย อาหารโลก นโยบาย เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต ให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาหารคุณภาพมาตรฐานโลก-ปรับแผนโลจิสติกส์ -เดินหน้าไปสู่การเป็นอาหารโลก
- -จับมือกันเพื่อลดต้นทุนและใช้ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ -ส่งเสริมการตลาดภายในประเทศและส่งออก-ร่วมกันปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคทำให้การประกอบธุรกิจง่ายขึ้น ทั้งสินค้าเกษตร และอาหาร Thai Select และฮาลาล ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริม 3,413 ราย การจับคู่เจรจาธุรกิจ 4,043 คู่ สร้างมูลค่าการค้า 2 ปี 55,367.46 ล้านบาท โดยชูมาตรการ 5 ลุย 1 นำ ลุยเปิดด่านแก้วิกฤต ลุย Online ลุย Matching ลุยเชื่อมโยงเครือข่าย ลุยอบรมพัฒนาและนำเอกชน MOU
- การเป็นประธานประชุม รมต.การค้า RCEP 15 ประเทศ สำเร็จ หลังจากมีความพยายามมานานถึง 7 ปี ทำให้ได้รับการยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที 29,891 รายการ ซึ่งคาดว่าเริ่มใช้บังคับได้มกราคม 2565 ซึ่ง RCEP เป็นความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ ประชากรรวมกัน 30.2% ของประชากรโลก มูลค่า GDP รวม 33.6% ของ GDP โลก มูลค่าการค้ารวม 30.3% ของมูลค่าการค้าโลก ขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการในการส่งออกสินค้า เช่น ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง
- บุกตลาดเมืองรองด้วย Mini FTA สำเร็จแล้ว 2 แห่ง MOU กับไห่หนาน (จีน) ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 12,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี MOU กับโคฟุ (ญี่ปุ่น) ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่ต่ำกว่า 15,500 ล้านบาท ในปี 64 และจะทำเพิ่มอีก 3 แห่งคือ กานชู (จีน) เตลังคานา (อินเดีย) และคยองกี (เกาหลีใต้)
- ผลักดันส่งออกฝ่าวิกฤต นำทีมเอกชนเซ็น MOU ขายสินค้าทั่วโลก ภารกิจเซลส์แมนประเทศ ผลักดันการส่งออกผ่านการลงนาม MOU และกิจกรรม Business matching ทำแล้ว 231 คู่ ทำให้มูลค่าส่งออก 2 ปี 94,822.17 ล้านบาท ส่งมอบแล้ว 60 %
- ส่งเสริมการค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com ปัจจุบันมีสมาชิกบนเว็บไซต์ 160,000 ราย สินค้า 215,611 รายการ มูลค่าการสั่งซื้อรวม 2,322 ล้านบาท
- สร้างมูลค่าจากงานแสดงสินค้าและคณะผู้แทนการค้าทั้งในและต่างประเทศ ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมกว่า 13,138 ราย มูลค่าการสั่งซื้อกว่า 161,756 ล้านบาท
- การส่งเสริมการค้ารูปแบบใหม่ สู่ New Normal ซึ่งมีการปรับยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องรับมือกับภาวะวิกฤตโควิดสร้างมูลค่าการค้าให้เกิดขึ้นรวมกว่า 158,113 ล้านบาท ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย มากกว่า 14,000 ราย ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า
- Virtual Trade Fair จัดกิจกรรมคู่ขนานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ในรูปแบบ Hybrid Edition - Mirror Mirror Mission เจรจาการค้าผ่านระบบออนไลน์พร้อมจัดแสดงตัวอย่างสินค้าในงานแสดงสินค้า
- Online In-Store Promotion จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ร่วมกับผู้นำเข้า/แพลตฟอร์มพันธมิตร- Webinar
ปรับรูปแบบอบรมสัมมนาสู่ช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์กรมและสื่อสังคมออนไลน์ - Online Business Matching จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ซื้อต่างประเทศผ่านออนไลน์ - Online SMEs Pro-active ขยายขอบเขตการสนับสนุนกิจกรรม ขยายตลาดต่างประเทศให้ครอบคลุมช่องทางออนไลน์
- พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ทำแล้ว 12 Lot เริ่มตั้งแต่ 16 เม.ย. 2563 ถึง 31 ก.ค. 2564 ลดภาระค่าครองชีพกว่า 4,300 ล้านบาท ร่วมมือกับผู้ผลิต-ผู้จำหน่ายสินค้า อุปโภคบริโภค ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ ห้างท้องถิ่น ร้านค้าชุมชนทั่วประเทศ ร้านอาหาร ด้านสินค้าและด้านขนส่งและมีโครงการ “คาราวานธงฟ้าฝ่าภัย COVID-19” ในส่วนภูมิภาค ส่งรถเร่จำนวน 685 คันจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในราคาประหยัดใน 7 จังหวัด
- โครงการรถโมบายพาณิชย์ ลดราคา! ช่วยประชาชน จัดรถโมบาย 1,000 คัน ทั่วประเทศ ช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 (ระลอก 3) กรุงเทพฯ จำนวน 50 คัน ส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด จำนวน 950 คัน มีประชาชนมาซื้อสินค้า 1,300,000 คน มูลค่าการจำหน่ายรวม 200 ล้านบาท สามารถลดค่าครองชีพรวม 85.85 ล้านบาท
- จับคู่กู้เงิน ช่วยหาแหล่งเงินกู้เงื่อนไขพิเศษให้ร้านอาหารและ SMEs ส่งออก ทั้ง 2 โครงการช่วยกู้ได้ 4,512 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนร้านอาหารในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เปิดโอกาสให้ร้านอาหารกว่า 120,000 ร้าน เข้าถึงแหล่งเงินกู้ โครงการจับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ร่วมกับสถาบันการเงินพันธมิตร อย่าง EXIM BANK ให้ผู้ประกอบการ SMEsส่งออก และผู้ประกอบการที่อยู่ใน Value chain ส่งออก ในเครือข่ายของกระทรวงพาณิชย์กว่า 30,000 ราย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อด้วยเงื่อนไขพิเศษ มีวงเงินสนับสนุนรวม 2,500 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ 120 วัน
- ช่วย SMEs และ Micro SMEs พัฒนาศักยภาพและการตลาด ผ่านเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club 12,873 ราย สำหรับต่างประเทศ เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพ กิจกรรมการตลาด และรับคำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ 73,230 ราย ทุกภารกิจของการส่งเสริมการส่งออกให้เพิ่มโอกาส SMEs ในสัดส่วน 10-15% ช่วยเพิ่ม SMEs ได้ 57,890 ราย ซึ่ง SMEs ทั้งประเทศมีจำนวน 3,134,442 ราย
- ช่วยซาเล้ง ยกระดับราคาเศษกระดาษ ผลักดันโดยกรมการค้าต่างประเทศ #ซาเล้งเพื่อนยาก บูรณาการความร่วมมือ ชาวซาเล้งและครอบครัว ร้านรับซื้อของเก่า โรงงานอัดกระดาษ โรงเยื่อกระดาษ สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าและกระทรวงพาณิชย์ โดยขึ้นทะเบียน ผู้ประกอบอาชีพซาเล้งและผู้ค้าของเก่า ช่วยประชาชนได้ 1.5 ล้านครัวเรือน โดยมีมาตรการปิดป้ายราคารับซื้อกระดาษ ขั้นต่ำกิโลกรัมละ 2 บาท ดันราคาเพิ่มขึ้นตามกลไกตลาด จาก 50 สตางค์ เป็น 9 บาท/กิโลกรัม
- สร้างสมาร์ทโชวห่วย เพื่อให้ร้านโชวห่วยพัฒนาและอยู่คู่กับชุมชน ได้กว่า 34,572 ร้านค้าโดยใช้เทคโนโลยีช่วยร้านค้าโชวห่วย ปรับภาพลักษณ์ให้สะอาดและทันสมัย บริหารสต๊อก และยกระดับการบริการให้ชุมชนเข้าถึงสินค้าได้อย่างเท่าเทียม
- สร้างอาชีพจากธุรกิจแฟรนไชส์ แฟรนไชส์ไทยมี 597 ธุรกิจ วางเป้า 1 ปี สร้างอาชีพจากธุรกิจแฟรนไชส์ 10,000 ราย มูลค่าการตลาด 4,600 ล้านบาท
- อบรมสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ ผ่านการพัฒนาและส่งเสริมจากสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สร้างผู้ประกอบการได้ 84,283 ราย โดยสถาบัน NEA สร้างนักธุรกิจใหม่ อบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ 66,695 ราย 1)ด้านความรู้พื้นฐานการค้าระหว่างประเทศ 15,997 ราย 2)ด้านการสร้างช่องทางตลาด 41,319 ราย 3)ด้านการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ส่งออกและเครือข่าย 3,426 ราย 4)ด้านเศรษฐกิจกระแสใหม่ 5,953 รายสร้างนักธุรกิจใหม่ พัฒนาด้านการค้าดิจิทัล 17,588 ราย
- ปั้น CEO Gen Z อบรมอย่างเข้มแข็งทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์แล้วกว่า 20,674 ราย โดยร่วมมือกับ 93 มหาวิทยาลัยและสถาบันอาชีวศึกษา โครงการ Gen Z to be CEO ครอบคลุมทั้งประเทศทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- เช็คราคายา-ค่าบริการ โรงพยาบาลเอกชนด้วยมาตรการแจ้งค่ายา-ค่าบริการก่อนการรักษา โดยแสดงผลผ่านระบบ QR Code เพื่อเปิดเผยให้ประชาชนทราบก่อนการรักษา เน้นความเป็นธรรมในการรับบริการ
- MOC Online One Stop Service ลดขั้นตอนการให้บริการ ในด้านต่างๆ ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ด้วยระบบออนไลน์ 85 บริการ ทั้งกระทรวง โดยสามารถเข้าใช้บริการได้ที่ www.moc.go.th
- ดันทุกจังหวัดมีสินค้า GI เพิ่มมูลค่าและรายได้ให้ชุมชนด้วยการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ตอนนี้ครบ 77 จังหวัดแล้ว และมีสินค้า GI ของไทยขึ้นทะเบียนแล้ว 152 รายการ สร้างมูลค่าที่เกิดขึ้นในประเทศกว่า 39,000 ล้านบาท
- พัฒนาส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยโดยใช้ประโยชน์จากสิทธิบัตร ลดระยะเวลาการจดทะเบียน
- สร้างฮับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์/ภาพยนตร์พัฒนาผู้ประกอบการไทย ในกลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์และภาพยนตร์ เพื่อเร่งสร้างโอกาสพร้อมทั้งขยายตลาดไปทุกช่องทาง สร้างมูลค่าแล้วกว่า 8,852 ล้านบาท โดยในประเทศผ่านโครงการ/กิจกรรมสำคัญ สร้างมูลค่า 6,377.25 ล้านบาท ต่างประเทศผ่านโครงการ/กิจกรรมสำคัญ อาทิ งานแสดงสินค้า American Film Market & Conference สร้างมูลค่า 2,474.73 ล้านบาท
- ส่งเสริมศิลปาชีพของคนไทย ปฏิรูปองค์กร อย่างเป็นรูปธรรม และเปลี่ยนชื่อจาก “ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)” เป็น “สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)” ส่งเสริมให้ครูศิลปาชีพ ช่างศิลปาชีพ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ถ่ายทอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม ต่อยอดเชิงพาณิชย์ ได้ส่งเสริมสนับสนุนพัฒนางานศิลปหัตถกรรมไทยในทุกมิติอย่างยั่งยืน รายได้เฉลี่ยของชุมชน ช่างฝีมือและผู้ประกอบการงานหัตถกรรม เพิ่มขึ้น 5.28%
โดยการนำของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ผลักดันนรวมทั้งติดตามนโยบายยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันให้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าติดตามภารกิจทั้งหมด 27 ภารกิจนี้ รายงานความคืบหน้าทุก 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ จะยังมีนโยบายเดินหน้าภารกิจปีที่ 3 จะทำต่อไป 'ทำได้ไว ทำได้จริง' เชื่อมประสานกับทุกภาคส่วนของสังคมและประเทศในการให้บริการประชาชนและผลักดันนโยบายต่อไป
สำหรับ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169