WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1AA1A3A1FTA EAEU

จุรินทร์ ถกยูเรเซีย ร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล เกษตร เดินหน้าทำ FTA ไทย-EAEU

          จุรินทร์ หารือทางไกลกับคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย เดินหน้ายกระดับความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร ดันร่วมมือยางพารา มอบคณะทำงานหาทางทำ FTA ระหว่างกัน ด้านยูเรเซียเล็งใช้ไทยเป็นประตูสู่อาเซียน ชวนไทยร่วมมือธุรกิจเพิ่มขึ้น

            นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEC) ครั้งที่ 2 ร่วมกับนาย Sergey GLAZIEV รัฐมนตรีด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ผ่านระบบการประชุมทางไกล วันที่ 27 ก.ย.2564 ว่า ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 2 ระหว่าง ไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) หลังจากครั้งแรกประชุมเมื่อปี 2562 และครั้งต่อไปยูเรเซียจะเป็นเจ้าภาพที่มอสโก โดยไทยได้เน้นย้ำความร่วมมือที่สำคัญใน 4 ประเด็น เพื่อเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน

            สำหรับ รายละเอียดของ 4 ประเด็น ได้แก่ 1.การมุ่งเน้นการกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล หรืออีคอมเมิร์ซ 2.ไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วย ซึ่งยูเรเซียมีความเชี่ยวชาญในสาขาดังกล่าว รวมถึงต้องการให้เกิดการร่วมมือด้านกฎระเบียบทางการค้าระหว่าง 2 ฝ่ายด้วย 3.ไทยต้องการให้ 2 ฝ่าย มีความร่วมมือด้านยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง เนื่องจากสหภาพยูเรเซียเป็นตลาดยางพาราที่มีขนาดใหญ่และมีการเจริญเติบโตสูงมากในช่วงที่ผ่านมา และ 4.ไทยแสดงความสนใจจะทำ FTA กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยมอบหมายให้คณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้ง 2 ฝ่าย เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

       ด้านยูเรเซีย มีประเด็นสำคัญที่ขอให้ไทยพิจารณา 4 ประเด็น ได้แก่ 1.ยูเรเซียให้ความสนใจไทย เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในกลุ่มอาเซียน และต้องการให้ไทยเป็นประตูสู่อาเซียน เพื่อสร้างความร่วมมือ ตลอดจนขยายการค้าการลงทุนกับอาเซียนต่อไป 2.ยูเรเซียให้ความเห็นว่าการค้าระหว่างไทยกับยูเรเซียมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากมูลค่าการค้าในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม 3.ยูเรเซียให้ความสำคัญกับ 3 สาขาหลัก คือ ไอที การวิจัยพัฒนา และอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน โดย 2 ฝ่าย อาจมีการยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต และ 4.ยูเรียเซียเชิญชวนนักธุรกิจไทยร่วมกิจกรรมทางธุรกิจกับยูเรเซียเพิ่มขึ้น

      “จะมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานกับภาคเอกชน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าผ่านเวทีการประชุมสำคัญที่ยูเรเซียจะจัดขึ้น เพื่อหาช่องทางใหม่ในการขยายการค้าการลงทุนร่วมกัน เพราะนโยบายสำคัญประการหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ คือ การมุ่งเจาะตลาดใหม่ เพื่อขยายตัวเลขการค้าและการส่งออก สร้างรายได้เข้าประเทศให้มากขึ้น โดยยูเรเซียนับเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพสูง จึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายการค้าการลงทุนได้ต่อไปในอนาคต”นายจุรินทร์กล่าว

     ทั้งนี้ ยูเรเซียประกอบด้วย 5 ประเทศ ได้แก่ รัสเชีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน เบลารุส และอาร์เมเนีย มีประชากรรวมกัน 180 ล้านคน โดยในช่วง 8 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ส.ค.) การค้าระหว่างไทย-ยูเรเซีย มีมูลค่ารวม 2,140.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 66,000 ล้านบาท) เพิ่ม 29.45% โดยไทยส่งออกไปยูเรเซีย 664.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 20,000 ล้านบาท) เพิ่ม 30.26% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ยางพารา เพิ่ม 101.05% รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 50.69% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่ม 31.08% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เพิ่ม 49.82% เม็ดพลาสติก เพิ่ม 90.63% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 33.53% สิ่งปรุงรสอาหาร เพิ่ม 82.91% เป็นต้น และนำเข้าสินค้าจากยูเรเซีย 1,476.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 46,000 ล้านบาท) เพิ่ม 29.09% สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น น้ำมัน เพิ่ม 10.54% ปุ๋ย เพิ่ม 23.43% เหล็ก เพิ่ม 38.08% สินแร่โลหะอื่นๆ เพิ่ม 98.64% เป็นต้น โดยประเทศในยูเรเซียที่มีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด คือ รัสเซีย

1AA1A3A1FTAEAEU

จุรินทร์ ลุยตลาดใหม่ ยูเรเซีย หารือรัฐมนตรีเซอร์เกย์ ด้านความร่วมมือ 4 เรื่อง

      จุรินทร์ หารือทางไกลกับคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ยกระดับความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร ชี้ เป็นตลาดใหม่มีศักยภาพ พร้อมชวนทำ FTA ร่วมกันในอนาคต ด้านยูเรเซียเล็งใช้ไทยเป็นประตูสู่อาเซียน

       นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEC) ครั้งที่ 2 ร่วมกับรัฐมนตรีด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (นาย Sergey GLAZIEV) ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 เพื่อหารือแนวทางการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) มุ่งยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน และการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในอนาคต

       นายจุรินทร์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้นับเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ระหว่าง ไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย โดยไทยเน้นย้ำประเด็นหารือที่สำคัญ 4 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ 1 การมุ่งเน้นการกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ อีคอมเมิร์ซ ประเด็นที่ 2 ไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรโดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วย ซึ่งยูเรเซียมีความเชี่ยวชาญในสาขาดังกล่าว รวมถึงต้องการให้เกิดการร่วมมือด้านกฎระเบียบทางการค้าระหว่าง 2 ฝ่ายด้วย ประเด็นที่ 3 ไทยต้องการให้ 2 ฝ่าย มีความร่วมมือด้านยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง เนื่องจากสหภาพยูเรเซียเป็นตลาดยางพาราที่มีขนาดใหญ่และมีการเจริญเติบโตสูงมากในช่วงที่ผ่านมา และประเด็นที่ 4 ไทยแสดงความสนใจจะทำเอฟทีเอกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยมอบหมายให้คณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้ง 2 ฝ่าย เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

       ด้านยูเรเซีย มีประเด็นสำคัญที่ขอให้ไทยพิจารณา 4 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ 1 ยูเรเซียให้ความสนใจกับประเทศไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากไทยมีบทบาทสำคัญในกลุ่มประเทศอาเซียน และต้องการให้ไทยเป็นประตูสู่อาเซียนเพื่อสร้างความร่วมมือ ตลอดจนขยายการค้าการลงทุนกับอาเซียนต่อไป ประเด็นที่ 2 ยูเรเซียให้ความเห็นว่าการค้าระหว่างไทยกับยูเรเซียมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากมูลค่าการค้าในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ประเด็นที่ 3 ยูเรเซียให้ความสำคัญกับ 3 สาขาหลัก คือ 1) สาขาไอที (Information Technology: IT) 2) การวิจัยพัฒนา (Research – Development: R&D) และ 3) อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน โดย 2 ฝ่าย อาจมีการยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต และประเด็นที่ 4 เชิญชวนนักธุรกิจไทยร่วมกิจกรรมทางธุรกิจกับยูเรเซียเพิ่มขึ้น นายจุรินทร์ กล่าวเสริม

      นายจุรินทร์ เพิ่มเติมว่า จะมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานกับภาคเอกชนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าผ่านเวทีการประชุมสำคัญที่ยูเรเซียจะจัดขึ้นเพื่อหาช่องทางใหม่ในการขยายการค้าการลงทุนร่วมกัน ทั้งนี้ นโยบายสำคัญประการหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ คือ การมุ่งเจาะตลาดใหม่เพื่อขยายตัวเลขการค้าและการส่งออก สร้างรายได้เข้าประเทศให้มากขึ้น โดยยูเรเซียนับเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพสูง จึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายการค้าการลงทุนต่อไปได้ในอนาคต

      ทั้งนี้ ยูเรเซียประกอบด้วยห้าประเทศ ได้แก่ 1) รัสเชีย 2) คาซัคสถาน 3) คีร์กีซสถาน 4) เบลารุส และ5) อาร์เมเนีย มีประชากรรวมกัน 180 ล้านคน ซึ่งในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-สิงหาคม) การค้าระหว่างไทย-ยูเรเซีย มีมูลค่ารวม 2,140.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 66,000 ล้านบาท) ขยายตัว 29.45% โดยไทยส่งออกไปยูเรเซีย 664.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 20,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 30.26% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ยางพารา (+101.05%) รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+50.69%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (+31.08%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (+49.82%) เม็ดพลาสติก (+90.63%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+33.53%) สิ่งปรุงรสอาหาร (+82.91%) เป็นต้น และนำเข้าสินค้าจากยูเรเซีย 1,476.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 46,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 29.09% สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น น้ำมัน (+10.54%) ปุ๋ย (+ 23.43%) เหล็ก (+38.08%) สินแร่โลหะอื่นๆ (+98.64%) เป็นต้น โดยประเทศในยูเรเซียที่มีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด คือ รัสเซีย

      กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!