WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1AA1A3A5553

โควิด-19 ฉุดตั้งบริษัท ส.ค.ยอด 5,553 ราย คาดหลังคลายล็อกดาวน์ จดใหม่ฟื้นตัว

     กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยบริษัทตั้งใหม่เดือนส.ค.64 มีจำนวน 5,553 ราย ลด 2% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์ และจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนยอดเลิกมีจำนวน 1,176 ราย จับตาช่วงที่เหลือของปีนี้ มีลุ้นฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ ฉีดวัคซีนเพิ่ม และรัฐเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

       นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือนส.ค.2564 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,553 ราย เทียบกับก.ค.2564 ลดลง 2% และเทียบกับส.ค.2563 เพิ่มขึ้น 0.3% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 11,833.29 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร ที่ติดอันดับ 3 ต่อเนื่องมาแล้ว 4 เดือนติดต่อกัน ตามการขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์และการค้าออนไลน์         

      ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,176 ราย เทียบกับก.ค.2564 เพิ่ม 3% และเทียบกับส.ค.2563 ลดลง 12% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 4,832.30 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการให้คำปรึกษาด้านบริหารจัดการ

      สำหรับ ยอดรวมธุรกิจตั้งใหม่ในช่วง 8 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ส.ค.) มีจำนวน 52,236 ราย เพิ่มขึ้น 17% ทุนจดทะเบียน 158,584.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ 7,246 ราย ลดลง 18% ทุนจดทะเบียน 39,443.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.04%

      นายทศพล กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้การจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ในเดือนส.ค.2564 ลดลง เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังเข้มข้นต่อเนื่อง และยังมีการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น การงดรับประทานอาหารในร้านอาหาร และมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 31 ส.ค.2564 ส่งผลให้การจดทะเบียนตั้งใหม่ชะลอตัวลง

       ทั้งนี้ การลดลงของการจดตั้งบริษัทใหม่ ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย ในเดือนส.ค.2564 ซึ่งอยู่ที่ 40 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าถึง 4% เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบธุรกิจที่มีการชะลอตัว เพื่อติดตามสถานการณ์

       อย่างไรก็ตาม จากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2564 และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และวัคซีนมีเพียงพอ จะเป็นปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งการฟื้นตัวของการส่งออก และมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะเป็นปัจจัยเสริมช่วยให้ความเชื่อมั่นในการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

      ปัจจุบัน มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ส.ค.2564) จำนวน 807,531 ราย  มูลค่าทุน 19.31 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 197,063 ราย คิดเป็น 24.40% บริษัทจำกัด จำนวน 609,161 ราย คิดเป็น 75.43% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,307 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนสิงหาคม 2564

      นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบหมายให้ นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนสิงหาคม 2564 โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

ผลการจดทะเบียนธุรกิจ

ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนสิงหาคม 2564

       - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2564 จำนวน 5,553 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 11,833.29 ล้านบาท

       - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 656 ราย คิดเป็น 12% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 237 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร จำนวน 203 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ

       - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,135 ราย คิดเป็น 74.46% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,344 ราย คิดเป็น 24.20% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 67 ราย คิดเป็น 1.21% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 7 ราย คิดเป็น 0.13% ตามลำดับ    

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนสิงหาคม 2564

      - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนสิงหาคม 2564 มีจำนวน 1,176 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 4,832.30 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

       - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 103 ราย  คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 68 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจการให้คำปรึษาด้านบริหารจัดการ จำนวน 37 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

      - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 834 ราย คิดเป็น 70.92% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5  ล้านบาท จำนวน 282 ราย คิดเป็น 23.98% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 53 ราย คิดเป็น 4.51% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 7 ราย คิดเป็น 0.60% ตามลำดับ 

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนสิงหาคม 2564

       - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ส.ค. 64) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 807,531  ราย  มูลค่าทุน 19.31 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 197,063 ราย คิดเป็น 24.40% บริษัทจำกัด จำนวน 609,161 ราย คิดเป็น 75.43% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,307 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

       - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน  ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 479,243 ราย  คิดเป็น 59.35% รวมมูลค่าทุน 0.42 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.18% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 237,968 ราย คิดเป็น 29.47% รวมมูลค่าทุน 0.80 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.13% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 73,886 ราย คิดเป็น 9.15% รวมมูลค่าทุน 2.01 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.41%  และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16,434 ราย คิดเป็น 2.03% รวมมูลค่าทุน 16.08 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.28% ตามลำดับ 

การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว

เดือนสิงหาคม 2564

     - เดือนสิงหาคม 2564 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 52 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 24 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 28 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,416 ล้านบาท

     - นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 20 ราย เงินลงทุน 1,646 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 9 ราย เงินลงทุน 2,132 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 145 ล้านบาท ตามลำดับ

ปี 2564 (มกราคม - สิงหาคม)

     - เดือนมกราคม - สิงหาคม 2564 คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 316 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 45,738 ล้านบาท

การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือนสิงหาคม 2564

       กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรม เรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา             

การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์

      กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์  โดยในปี 2564 (ม.ค. - ส.ค.)  มีจำนวนขอรับข้อมูล 1,848,668 ราย  ซึ่งผ่านช่องทาง Self Pick up มีจำนวน 841,884 ราย EMS จำนวน 281,980 ราย  Delivery จำนวน 5,606 ราย และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) จำนวน 719,198 ราย

       และรองรับการให้บริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ IOS

      การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) มาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563

      กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสารการขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทลง 50% สำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตพัฒนาเฉพาะกิจ (พื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ให้ขยายไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ 

      การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2563 ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2564 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 733,989 ราย คิดเป็น 79% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงินโดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 574,047 ราย คิดเป็น 99% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 3,971 ราย คิดเป็น 1% ทั้งนี้ การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse หรือ DBD Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว

        กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ สมาคมการค้า หอการค้า ที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2564 ให้นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เป็นหลัก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ DBD e-Filing จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การค้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม

e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร

      กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 9 ธนาคาร จำนวน 3,231 สาขา

e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์

     กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผ่านเว็ปไซต์ www.dbd.go.th และ Application : DBD e-service  ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผ่านเว็ปไซต์ Biz Portal ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.)

      ทั้งนี้ ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 627,064 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 11,554,267 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน

       สำหรับ เดือนสิงหาคม 2564 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 6,828 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 149,682 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 68.98 (มูลค่า 103,257 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 31.01 (มูลค่า 46,415 ล้านบาท)

      กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.01 (มูลค่า 9 ล้านบาท) ไม้ยืนต้น คิดเป็นร้อยละ 0.0002 (มูลค่า 0.36 ล้านบาท)  ทั้งนี้ มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 1,210 คำขอ และจดทะเบียนยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 2,659 คำขอ  โดยมีผู้รับหลักประกัน จำนวนทั้งสิ้น 333 ราย

e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์

        การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 31 สิงหาคม 2564 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 101,878 ราย รับจดทะเบียน 50,540 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น  ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยง  เพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration

DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)

       กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงินในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องคีย์ข้อมูลงบการเงินซ้ำ

      การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs) และ e-Accounting for SMEs

      นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี 'โปรแกรม e-Accounting for SMEs'ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น  มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android

DBD Data Warehouse

      กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในปี 2564 (ม.ค.-ส.ค.) มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 6,582,792 ครั้ง

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!