WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

พณ.เร่งส่งออกโค้งสุดท้ายลุ้นแตะ 2 หมื่นล้านดอลล์/เดือนดันทั้งปีเป็นบวก

    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้(ต.ค.-ธ.ค.57) กระทรวงพาณิชย์จะเร่งส่งเสริมและผลักดันการส่งออกสินค้าไทย เพื่อให้มูลค่าส่งออกในแต่ละเดือนอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 630,000-650,000 ล้านบาท เพราะหากเป็นไปได้จะทำให้การส่งออกของไทยทั้งปี 57 จะขยายตัวเป็นบวกได้อย่างแน่นอน

    ส่วนในปี 58 ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกในเบื้องต้นว่าจะขยายตัวได้ราว 4% จากปีนี้ เพราะคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น ต่างชาติมีความเชื่อมั่นรัฐบาลไทยมากขึ้น โดยขณะนี้ภาคเอกชนมีการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบเพื่อเตรียมผลิตสินค้าเพื่อส่งออกมากขึ้น ไทยมีกลยุทธ์ในการบุกเจาะตลาดและเปิดตลาดใหม่ๆ มากขึ้น ส่งเสริมการค้าชายแดนและผ่านแดนมากขึ้น รวมถึงภาครัฐและเอกชนไทยร่วมกันทำตลาดมากขึ้น

    "3 เดือนที่เหลือของปีนี้ มูลค่าการส่งออกแต่ละเดือนเฉลี่ยที่ 630,000-650,000 ล้านบาท น่าจะเป็นไปได้ เพราะล่าสุดเดือนก.ย.ได้กว่า 630,000 ล้านบาท จากเดือนส.ค.ที่ได้ 600,000 ล้านบาท แสดงว่าการส่งออกกำลังฟื้นตัว อีกทั้งการนำเข้าเดือนก.ย.ก็มากขึ้นด้วยมาอยู่ที่กว่า 695,000 ล้านบาท หมายความว่า ภาคเอกชนนำเข้าสินค้ามาผลิตเพื่อส่งออกมากขึ้น ถ้ามูลค่าส่งออก 3 เดือนได้ตามเป้าหมาย การขยายตัวทั้งปีน่าจะเป็นบวกได้"รมว.พาณิชย์ กล่าว

    สำหรับ กลยุทธ์ที่จะใช้ส่งเสริมและผลักดันการส่งออกในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะมีทั้งการรักษาตลาดเก่าและการบุกเจาะตลาดใหม่ โดยเน้นตลาดอาเซียน ตะวันออกกลาง รัสเซียและ CIS (ประเทศที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต) ลาตินอเมริกา และแอฟริกา โดยเน้นให้ภาคเอกชนผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้น เช่น สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ,สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนสินค้าเกษตรได้เน้นให้ผลิตสินค้าคุณภาพดี และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามากขึ้น และเพิ่มการค้าขายสินค้าบนอินเตอร์เน็ตผ่านเว็บ Thaitrade.com ให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและกว้างขวางกว่าเดิม

    รมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ได้กำหนดยุทธศาสตร์ผลักดันการส่งออกเป็นรายประเทศด้วย เช่น อินเดีย ผลักดันโครงการเมืองคู่แฝด ระหว่างเมืองสุรัต รัฐคุชราต กับจังหวัดสุราษฏร์ธานี โดยเน้นสินค้าผลไม้ ธุรกิจบริการการท่องเที่ยว, ส่วนกัมพูชา เน้นธุรกิจ ภาพยนตร์ เพื่อเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์และต่อยอดการส่งออกสินค้าไทยอื่นๆ ควบคู่ไปกับการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปลงทุนด้านธุรกิจบริการโรงแรม โรงพยาบาล, ส่วนเมียนมาร์ ส่งเสริมการค้าชายแดนตามนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจก่อสร้าง การส่งออกวัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจบริการแฟรนไชส์ เป็นต้น

   "เราต้องกระจายความเสี่ยงไปตลาดใหม่ๆ มากขึ้น เพราะตลาดหลักทั้งสหรัฐฯ และยุโรปเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตลาดใหม่ๆ อย่างอาเซียน อินเดีย ตะวันออกกลาง เศรษฐกิจยังดีอยู่ อย่างบาร์เรน ตอนนี้บริษัท ซี.พี.สามารถเจรจาขายข้าวได้แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ซี.พี.ส่งออกข้าวไปขายที่นี่ และในอนาคตก็มีโอกาสขายสินค้าอื่นๆ ของไทยได้มากขึ้น ส่วนตลาดเก่าก็ยังให้ความสนใจอยู่ ทิ้งไม่ได้"รมว.พาณิชย์ กล่าว

  อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!