WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaa1AEX5

เงินเฟ้อม.ค.64 ประเดิมใช้ปีฐานใหม่ ลดลง 0.34% เจอน้ำมัน-ค่าไฟฟ้าฉุด

    เงินเฟ้อม.ค.64 ประเดิมปีฐานและสินค้าในตะกร้าใหม่ ลดลง 0.34% เหตุเจอแรงฉุดจากราคาพลังงาน และค่าไฟฟ้าที่ลดลง ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทรงตัว ยกเว้นผักสด เครื่องประกอบอาหาร และน้ำมันพืช ที่เพิ่มขึ้น คาดเดือนก.พ.ยังลดอีก หลังฐานน้ำมันปีก่อนยังสูง ได้รับผลดีจากมาตรการรัฐลดค่าไฟฟ้า-ประปา และสินค้าทรงตัวจากมาตรการลดค่าครองชีพพาณิชย์ ทั้งปีคงเป้าเดิม 0.7-1.7% ค่ากลาง 1.2% 

      นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟิลด์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนม.ค.2564 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้ปีฐานใหม่ปี 2562 และเพิ่มรายการสินค้าในตะกร้าเป็น 430 รายการ จากเดิม 422 รายการ ลดลง 0.34% โดยมีปัจจัยสำคัญที่ดึงให้เงินเฟ้อลดลงมาจากราคาพลังงานที่ยังต่ำกว่าปีก่อน โดยลดลง 4.82% แม้ว่าตัวเลขเทียบกับเดือนธ.ค.2563 จะสูงขึ้น และยังมีแรงฉุดจากการปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ลง 15.32 สตางค์ต่อหน่วย ที่มีผลถึงเดือนเม.ย.2564 รวมถึงราคาข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ที่ยังคงลดลง

    “เงินเฟ้อเดือนม.ค.2564 ที่ลดลง หลักๆ มาจากการลดลงของน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ฐานปีก่อนยังสูง และค่าไฟฟ้า ที่รัฐบาลเข้ามาดูแล เพราะสัดส่วนค่าไฟฟ้าในการคำนวณเงินเฟ้ออยู่ในสัดส่วนที่สูง เลยดึงเงินเฟ้อลงมาได้มาก ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ราคาทรงตัว และลดลง ทำให้ไม่มีผลต่อเงินเฟ้อ ยกเว้นในกลุ่มผักสด ที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น พริกสด และยังมีกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร น้ำมันพืช ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่กระทบเงินเฟ้อในภาพรวม”

    ทั้งนี้ เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนม.ค.2564 ที่หักสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนออก  เพิ่มขึ้น 0.21%

     โดยรายละเอียดเงินเฟ้อม.ค.2564 ที่ลดลง 0.34% มาจากการลดลงของสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 0.83% โดยสินค้าที่ลดลง ได้แก่ การขนส่งและการสื่อสาร ลด 1.86% การบันเทิง การอ่าน การศึกษา ลด 0.4% เคหสถาน ลด 0.31% (ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า) เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลด 0.18% แต่การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล เพิ่ม 0.23% ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอกอฮอล์ เพิ่ม 0.05% ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 0.58% จากการสูงขึ้นของกลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่และสัตว์น้ำ 1.34% ผักสด เพิ่ม 11.19% เครื่องประกอบอาหาร เพิ่ม 3.11% อาหารบริโภคในบ้าน เพิ่ม 0.37% นอกบ้าน เพิ่ม 0.74% ส่วนข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลด 5.02% ผลไม้ ลด 1.46% ไข่และผลิตภัณฑ์นม ลด 0.07%

       นางพิมพ์ชนก กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนก.พ.2564 จะยังคงขยายตัวลดลง เพราะได้รับผลจากราคาพลังงานในปีที่แล้ว ที่ยังอยู่ในระดับสูง และยังได้รับผลดีจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐบาล ที่ลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปาเป็นเวลา 2 เดือน ส่วนสินค้าอื่นๆ ได้รับผลดีจากมาตรการช่วยลดค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ราคาสินค้าคงที่ ขณะที่มาตรการของรัฐ ทั้งคนละครึ่ง เราชนะ แม้จะมีส่วนกระตุ้นการบริโภค แต่ไม่ได้กดดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น

       อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินเฟ้อในไตรมาสแรกของปี 2564 จะยังขยายตัวติดลบ และจะเริ่มเป็นบวกได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 3 และ 4 ทำให้ทั้งปีเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมายเดิมที่ประเมินไว้ คือ 0.7-1.7% มีค่ากลางอยู่ที่ 1.2% โดยมีสมมตฐานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) อยู่ที่ 3.5-4.5% น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 40-50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 30-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่อาจจะมีการปรับฐานราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกำลังประเมินอยู่

สรุปสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนมกราคม 2564

ภาพรวม

          ในเดือนมกราคม 2564 สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ได้มีการปรับปีฐานของดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) และดัชนีราคาผู้ผลิต ซึ่งปกติแล้วจะมีการปรับทุก 4-5 ปี โดยดัชนีราคาผู้บริโภค ปรับเป็นปีฐาน 2562 ซึ่งเป็นปีที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนทั่วประเทศ และยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และดัชนีราคาผู้ผลิต ปรับเป็นปีฐาน 2558 ตามตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิต (Input-Output) ล่าสุดที่จัดทำโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

        ทั้งนี้ การปรับปีฐานของดัชนีทั้ง 2 ชุด มีการปรับปรุงที่สำคัญหลายมิติ ทั้งในเชิงโครงสร้าง ความครอบคลุม และวิธีการจัดทำ อีกทั้งยังคำนึงถึง การเชื่อมโยงและบูรณาการกับเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจของหน่วยงานอื่น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องชี้วัดเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ

          อัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคม 2564 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.34 (YoY) เป็นการหดตัวต่อเนื่องจากร้อยละ 0.27 ในเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาพลังงานที่ยังต่ำกว่าปีก่อน (ลดลงร้อยละ 4.82) การปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ลงอีกเป็น -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องจนถึงเดือนเมษายน และราคาข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียวที่ยังลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2563 ตามปริมาณผลผลิตที่กลับเข้าสู่ปกติและไม่ได้รับผลกระทบชจากภัยแล้งเหมือนปีก่อน ประกอบกับความต้องการของตลาดต่างประเทศยังทรงตัว

        สำหรับ ราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่นๆ ยังเคลื่อนไหวตามกลไกการตลาดของผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าในบางกลุ่ม โดยเฉพาะ ผักสด และเครื่องประกอบอาหาร ยังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเกิดอุทกภัยในภาคใต้ และน้ำมันพืชปรับตัวตามราคาผลปาล์มสดที่สูงขึ้นตามความต้องการใช้ในประเทศ ทั้งนี้ เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 0.21 (YoY)

          การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องของโลก และการระบาดระลอกใหม่ในประเทศในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง ส่งผลต่อการใช้จ่ายและการผลิตในเดือนนี้ สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดด้านอุปสงค์และอุปทาน ทั้งยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อัตราการใช้กำลังการผลิต และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้วัดสำคัญหลายตัวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

       โดยเฉพาะการส่งออก อัตราการว่างงาน และรายได้เกษตรกร ประกอบกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยที่มีศักยภาพ และความสามารถในการบริหารจัดการของบุคลากรสาธารณสุขภาครัฐหลายหน่วย รวมทั้งแนวโน้มการรักษาด้วยวัคซีนเริ่มเห็นผลในหลายประเทศ ทำให้สถานการณ์ในช่วงต่อไปมีโอกาสปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายและเงินเฟ้อให้กลับสู่ภาวะปกติได้ในไม่ช้า

สถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนมกราคม 2564

ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป)

          เดือนมกราคม 2564 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.34 (YoY) ตามการลดลงของสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 0.83 จากการลดลงของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้หมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร ลดลงร้อยละ 1.86 หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษาฯ ลดลงร้อยละ 0.4 (ค่าทัศนาจร เครื่องถวายพระ ค่าห้องพักโรงแรม) หมวดเคหสถาน ลดลงร้อยละ 0.31 (ก๊าซหุงต้ม ค่ากระแสไฟฟ้า) หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลดลงร้อยละ 0.18 (เสื้อยืดสตรี เสื้อยืดบุรุษ) ขณะที่หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สูงขึ้นร้อยละ 0.23 (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว โฟมล้างหน้า ค่าแต่งผมสตรี) หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 0.05 (สุรา เบียร์)

       สำหรับ หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 0.58 ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่และสัตว์น้ำ ร้อยละ 1.34 (เนื้อสุกร ปลาหมึกกล้วย ปลาทับทิม) ผักสด สูงขึ้นร้อยละ 11.19 (พริกสด หัวหอมแดง ผักบุ้ง) เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นร้อยละ 3.11 (น้ำมันพืช ซอสหอยนางรม กะทิสำเร็จรูป) อาหารบริโภคในบ้าน และนอกบ้าน สูงขึ้น ร้อยละ 0.37 และ 0.74 ตามลำดับ (อาหารเช้า ก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง ไก่ทอด พิซซ่า) ขณะที่ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลดลงร้อยละ 5.02 (ข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า) ผลไม้สด ลดลงร้อยละ 1.46 (ส้มเขียวหวาน มะม่วง มะละกอสุก) ไข่และผลิตภัณฑ์นม ลดลงร้อยละ 0.07 (นมถั่วเหลือง นมสด นมผง)

          ดัชนีราคาผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2563 สูงขึ้นร้อยละ 0.09 (MoM)

ดัชนีราคาผู้ผลิต

           เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.6 (YoY) จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลงร้อยละ 0.5 ตามการลดลงของหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยังคงหดตัว สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิต และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเป็นแรงกดดันที่สำคัญต่ออุปสงค์และอุปทาน โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 0.5 ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์   ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม (น้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์) กลุ่มไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ (ไม้ยางพารา) กลุ่มสิ่งทอ (สิ่งทอจากใยสังเคราะห์) กลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า (สายเคเบิล) กลุ่มเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 18.2 ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และก๊าซธรรมชาติ ขณะที่สินค้าในหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมงที่ยังขยายตัวได้ดี โดยสูงขึ้นร้อยละ 3.6 ตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า พืชผัก (ต้นหอม ผักชี หน่อไม้ฝรั่ง) ผลปาล์มสด ยางพารา กลุ่มสัตว์ (สุกรมีชีวิต ไข่ไก่ ไข่เป็ด) และกลุ่มผลิตภัณฑ์จากการประมง (ปลาทูสด ปลาทรายแดง ปลาสีกุน)

          ดัชนีราคาผู้ผลิต เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2563 สูงขึ้นร้อยละ 0.7 (MoM)

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง

          เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 3.7 (YoY) และสูงสุดในรอบ 2 ปี 6 เดือน จากการสูงขึ้นของสินค้าในหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ที่สูงขึ้นร้อยละ 19.1 (เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ) ตามความต้องการและราคาในตลาดโลกเป็นสำคัญ ประกอบกับมีการปิดเตาถลุงเหล็กหลายแห่งทั้งในยุโรปและญี่ปุ่นชั่วคราว สอดคล้องกับปริมาณการจำหน่ายเหล็ก และดัชนีการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น หมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 1.1 (ทรายละเอียด ทรายหยาบ) หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 0.4 (ท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์ PVC ท่อ PVC) หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 0.3 (บานประตู-หน้าต่าง วงกบประตู-หน้าต่าง) ขณะที่บางหมวดสินค้าราคาปรับลดลง ตามสภาพเศรษฐกิจ ภาคการก่อสร้าง และธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังคงซบเซา ได้แก่ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 2.7 (ปูนซีเมนต์ผสม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์) หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ลดลงร้อยละ 1.3 (ชีทไพล์คอนกรีต เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง) หมวดสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 0.4 (กระจกเงาฉากกั้นห้องอาบน้ำสำเร็จรูป) หมวดวัสดุฉาบผิว ลดลงร้อยละ 0.1 (สีทาถนนชนิดสะท้อนแสง ซิลิโคน)

          ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2563 สูงขึ้นร้อยละ 3.3 (MoM)

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม

           เดือนมกราคม 2564 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 43.2 จากระดับ 46.3 ในเดือนก่อนหน้า ปรับตัวลดลงทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวลดลงจากระดับ 39.3 มาอยู่ที่ระดับ 36.3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต ปรับตัวลดลงจากระดับ 50.9 มาอยู่ที่ระดับ 47.7 สาเหตุมาจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วประเทศ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่ารอบแรก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังคงดำเนินการได้ เพียงแต่ต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนทุกภาคส่วน อาจจะส่งผลดีต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในระยะต่อไป

แนวโน้มเงินเฟ้อ เดือนกุมภาพันธ์ 2564

          อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ยังคงได้รับอิทธิพลจากฐานราคาพลังงานในปีก่อนที่ยังสูงกว่าปีนี้ ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพเพิ่มเติม โดยการลดค่าใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาเป็นเวลา 2 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ขณะที่สินค้าอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ทำให้อัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ ยังมีแนวโน้มหดตัว กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในปี 2564 จะเคลื่อนไหวระหว่างร้อยละ 0.7 – 1.7 (ค่ากลางอยู่ที่ 1.2) ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง

โดย สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์

พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อทั่วไป ม.ค. 64 ติดลบ 0.34% ทั้งปีคาด 0.7-1.7%

  กระทรวงพาณิชย์ เผยเงินเฟ้อทั่วไป ม.ค. 64 ติดลบ 0.34% ด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน ม.ค.64 อยู่ที่ 0.21% ส่วนเงินเฟ้อทั้งปี 64 คาดเคลื่อนไหวระหว่าง 0.7 – 1.7%

  นางพิมพ์ชนก  พิตต์ฟีลด์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. 64  ลดลง 0.34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หดตัวต่อเนื่อง 0.27% จากเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาพลังงานที่ยังต่ำกว่าปีก่อน การปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ลงอีกเป็น -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องจนถึงเดือนเม.ย.นี้

  รวมทั้ง ราคาข้าวสารเจ้า และ ข้าวสารเหนียวที่ยังลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 63 ตามปริมาณผลผลิตที่กลับเข้าสู่ปกติ และ ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเหมือนปีก่อน ประกอบกับ ความต้องการของตลาดต่างประเทศยังทรงตัว สำหรับราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวตามกลไกการตลาดของผู้ประกอบการ

  อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าในบางกลุ่ม โดยเฉพาะ ผักสด และ เครื่องประกอบอาหารยังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเกิดอุทกภัยในภาคใต้ และ น้ำมันพืชปรับตัวตามราคาผลปาล์มสดที่สูงขึ้นตามความต้องการใช้ในประเทศ ทั้งนี้ เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวต่อเนื่องที่ 0.21%

  สำหรับ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องของโลก และ การระบาดระลอกใหม่ในประเทศในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาชะลอตัวอีกครั้งส่งผลต่อการใช้จ่าย และ การผลิตในเดือนนี้ สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดด้านอุปสงค์ และอุปทานทั้งยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อัตราการใช้กำลังการผลิต และ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ที่ปรับตัวลดลง

  อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้วัดสำคัญหลายตัวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการส่งออก อัตราการว่างงาน และ รายได้เกษตรกร ประกอบกับ พื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยที่มีศักยภาพ และความสามารถในการบริหารจัดการของบุคลากรสาธารณสุขภาครัฐหลายหน่วย รวมทั้งแนวโน้มการรักษาด้วยวัคซีนเริ่มเห็นผลในหลายประเทศ ทำให้สถานการณ์ในช่วงต่อไปมีโอกาสปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่าย และ เงินเฟ้อให้กลับสู่ภาวะปกติได้ในไม่ช้า

  ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนม.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 43.2 จากระดับ 46.3 ในเดือนก่อนหน้า ปรับตัวลดลงทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 39.3 มาอยู่ที่ระดับ 36.3 และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต ปรับตัวลดลงจากระดับ 50.9 มาอยู่ที่ระดับ 47.7 สาเหตุมาจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วประเทศ และ มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่ารอบแรก

  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสังคมในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังคงดำเนินการได้ เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ประกอบกับ มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง และ ครอบคลุมจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนทุกภาคส่วนอาจจะส่งผลดีต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในระยะต่อไป 

  สำหรับ แนวโน้มเงินเฟ้อ เดือนก.พ. 64  ยังคงได้รับอิทธิพลจากฐานราคาพลังงานในปีก่อนที่ยังสูงกว่าปีนี้ ประกอบกับ ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพเพิ่มเติม โดยการลดค่าใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาเป็นเวลา 2 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ขณะที่สินค้าอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ

  นางพิมพ์ชนก กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ทำให้อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ยังมีแนวโน้มหดตัว กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในปี 64 จะเคลื่อนไหวระหว่าง 0.7 – 1.7% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 1.2% ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสม และ ต่อเนื่อง

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!