- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 06 February 2021 14:05
- Hits: 9845
วีรศักดิ์ ลงพื้นที่อุบลราชธานี-ศรีสะเกษ หารือแผนช่วยเหลือประชาชน-ภาคธุรกิจ
วีรศักดิ์ ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษ 4-5 ก.พ.นี้ ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด ติดตามปัญหา รับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อทำแผนช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่ ทั้งการดูแลสินค้าเกษตร การรับมือภัยแล้ง การค้าชายแดน
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้กำหนดลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 4-5 ก.พ.2564 และจะเข้าร่วมการประชุมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด เพื่อติดตามปัญหาความเดือดร้อน รับฟังข้อเสนอแนะ และหาแนวทางในการแก้ปัญหา ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลปัญหา แก้ปัญหา ให้กับประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้ จะเป็นการไปติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษว่าเป็นอย่างไร และต้องการให้กระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลให้ความช่วยเหลือในด้านไหน ทั้งการได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกรณีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น โครงการคนละครึ่ง สถานการณ์พืชผลทางการเกษตรและปศุสัตว์ การบริหารจัดการภัยแล้งปี 2564 และปัญหาการค้าชายแดน เป็นต้น รวมถึงจะมีการติดตามปัญหาและแนวทางการป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดน และประเด็นอื่นๆ ที่ต้องการให้ช่วยเหลือและผลักดัน
นอกจากนี้ จะติดตามประเด็นปัญหาเดิมที่เคยได้มีการหยิบยกขึ้นมาหารือว่ามีการแก้ไขปัญหาคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน ทั้งในด้านสินค้าเกษตร แรงงาน ค่าครองชีพ การทำธุรกิจ การขนส่งและโลจิสติสก์ รวมถึงปัญหาด้านภัยแล้ง และอื่นๆ
“หลังจากที่ผมได้รับการมอบหมายให้ดูแลพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ ได้มาประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด กับคณะทำงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน กระทรวงพาณิชย์ มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยได้มีการนำเสนอประเด็นปัญหาต่างๆ หลายเรื่อง ทั้งปัญหาด้านเกษตร แรงงานถูกเลิกจ้าง ปัญหาการค้าขาย เส้นทางคมนาคมและขนส่งที่คับแคบ ปัญหาภัยแล้ง ความมั่งคงตามแนวชายแดน ซึ่งได้นำทุกเรื่องเสนอ ให้ครม. รับทราบ และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการแล้ว”นายวีรศักดิ์กล่าว
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด เพื่อกำกับ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ โดยเริ่มจากปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วน ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วทันเหตุการณ์ และยังได้แต่งตั้งรัฐมนตรีให้กับกำกับดูแลในแต่ละจังหวัด โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบจังหวัดอุบลราชธานีกับศรีสะเกษ
ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงพาณิชย์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน กระทรวงพาณิชย์ 1 คณะ มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีทุกกรม และมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ เป็นคณะทำงาน เพื่อติดตามปัญหา ให้ข้อเสนอแนะ ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ
วีรศักดิ์ ช่วยแก้ปัญหาค้าชายแดนอุบลฯ ไปสปป.ลาว ดันศรีสะเกษลดต้นทุนผลิตโคเนื้อ
วีรศักดิ์”เผยผลประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด เดินหน้าช่วยผู้ประกอบการจังหวัดอุบลราชธานีแก้ปัญหาการค้าชายแดน เพื่อให้ขายสินค้าเกษตรและประมงไปสปป.ลาวได้ ส่วนศรีสะเกษให้เหาทางลดต้นทุนการผลิตโคเนื้อ แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ หวั่นกระทบภาคเกษตร พร้อมช่วยสร้างอัตลักษณ์สินค้า พัฒนานวัตกรรม เพิ่มรายได้ให้ชุมชน
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 4-5 ก.พ.2564 ว่า ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด เพื่อติดตามปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี พบว่า มีการปิดทำการด่านชายแดน จุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้าทุกจุดเป็นการชั่วคราว ยกเว้นจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็กเพียงจุดเดียว ที่ยังคงสามารถเปิดทำการเพื่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าได้ ซึ่งก็มีปัญหาผู้ประกอบการไม่สามารถส่งออกสินค้าเกษตรและประมงออกไปจำหน่ายได้ ทำให้ได้รับผลกระทบ
“ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเร่งประสานงานไปยังฝ่าย สปป.ลาว เพื่อพูดคุยแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ก่อน หากไม่สามารถแก้ไขได้ในระดับจังหวัด และต้องการการสนับสนุนในระดับกระทรวงหรือระดับรัฐบาล ก็ขอให้เสนอเข้ามาเพื่อนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาแก้ไขปัญหาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป”
ทั้งนี้ ยังสั่งการให้ทำแผนจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ รวมถึงเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐให้เร็วขึ้น หลังพบว่าจังหวัดอุบลราชธานียังเบิกจ่ายงบประมาณไปใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ล่าช้า
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดศรีสะเกษ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดยุทธศาสตร์ให้จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดต้นแบบในการนำร่องลดต้นทุนการผลิตภาคเกษตร โดยเฉพาะการเลี้ยงโคเนื้อลงให้ได้ 40% หลังพบว่าเกษตรกรยังมีปัญหาต้นทุนสูง ขาดความรู้ในการปรับปรุงพันธุ์ การเลี้ยง การจัดการ การป้องกันโรค และที่สำคัญ คือ ขาดแคลนพืชอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ ทำให้ได้ผลผลิตที่ได้จากการเลี้ยงโคลดลง และยังพบว่า มีปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ซึ่งทางจังหวัดได้เสนอแผนการแก้ไขปัญหาไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว
“ได้รับปากจะเร่งผลักดันการแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำของจังหวัดศรีสะเกษในระดับนโยบาย เพราะน้ำเป็นต้นทุนของทุกชีวิต โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง หากไม่มีน้ำเพียงพอหล่อเลี้ยงต้นทุเรียน หอมแดง และพืชเกษตรอื่นๆ จะกระทบกับรายได้เกษตร และภาคอุตสาหกรรม จึงต้องเร่งรัดผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม”นายวีรศักดิ์กล่าว
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ยังได้กำชับที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยระดับจังหวัด ทั้งจ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษว่าจะต้องดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดในทุกๆ มิติ เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาโควิด-19 ระบาดระลอก 2 พร้อมต้องทำแผนช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เศรษฐกิจของจังหวัดฟื้นตัวอย่างชัดเจน เช่น การลดต้นทุนการผลิต การสร้างอัตลักษณ์สินค้าชุมชน และการสร้างนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และยังสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค New Normal และ Next Normal ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอนามัยมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด เพื่อกำกับ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ โดยเริ่มจากปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วน ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วทันเหตุการณ์ และยังได้แต่งตั้งรัฐมนตรีให้กับกำกับดูแลในแต่ละจังหวัด โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบจังหวัดอุบลราชธานีกับศรีสะเกษ
วีรศักดิ์ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษ ย้ำที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยต้องป้องกันไม่ให้มีปัญหาโควิดระบาดระลอก 2 พร้อมสั่งเร่งรัดเจรจาแก้ปัญหาการค้าชายแดนเพื่อให้เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตได้ดีขึ้น และต้องทำแผนช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่อย่างชัดเจน เน้นสร้างอัตลักษณ์สินค้าชุมชน
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังได้ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 4-5 ก.พ.2564 ว่า จากการประชุมร่วมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด เพื่อติดตามปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 ในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ขณะนี้จังหวัดอุบลราชธานีได้ประกาศปิดทำการด่านชายแดน จุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้าทุกจุดเป็นการชั่วคราว ยกเว้นจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็กเพียงจุดเดียว ที่ยังคงสามารถเปิดทำการเพื่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าได้ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 ซึ่งก็มีปัญหาผู้ประกอบการไม่สามารถส่งออกสินค้าเกษตรออกไปจำหน่ายได้ โดยเฉพาะสินค้าประมง
จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเร่งประสานงานไปยังฝ่าย สปป.ลาว เพื่อพูดคุยแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ก่อน หากไม่สามารถแก้ไขได้ในระดับจังหวัด และต้องการการสนับสนุนในระดับกระทรวงหรือระดับรัฐบาล ก็ขอให้เสนอเข้ามาเพื่อนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาแก้ไขปัญหาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ยังสั่งการให้ทำแผนจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ รวมถึงเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐให้เร็วขึ้น หลังพบว่าจังหวัดอุบลราชธานียังเบิกจ่ายงบประมาณไปใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ล่าช้า
ในส่วนของจังหวัดศรีสะเกษ รมช.พาณิชย์ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดยุทธศาสตร์ให้จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดต้นแบบในการนำร่องลดต้นทุนการผลิตภาคเกษตรโดยเฉพาะการเลี้ยงโคเนื้อลงให้ได้ 40 เปอร์เซ็นต์ หลังพบว่าเกษตรกรยังมีปัญหาต้นทุนสูง ขาดความรู้ในการปรับปรุงพันธุ์ การเลี้ยงการจัดการ การป้องกันโรค และที่สำคัญคือขสดแคลนพืชอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ ทำให้ได้ผลผลิตที่ได้จากการเลี้ยงโคลดลง นอกจากนี้ จ.ศรีสะเกษ ยังมีปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ซึ่งทางจังหวัดได้เสนอแผนการแก้ไขปัญหาไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว
"ผมรับปากจะเร่งผลักดันการแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำของจังวัดศรีสะเกษในระดับนโยบาย เพราะน้ำเป็นต้นทุนของทุกชีวิต โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง หากไม่มีน้ำเพียงพอหล่อเลี้ยงต้นทุเรียน หอมแดง และพืชเกษตรอื่นๆ จะกระทบกับรายได้เกษตร และภาคอุตสาหกรรม จึงต้องเร่งรัดผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม" นายวีรศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ รมช.พาณิชย์ยังได้กำชับที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยระดับจังหวัด ทั้งจ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษ ว่าจะต้องดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดในทุกๆ มิติ เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาโควิดระบาดระลอก 2 พร้อมทั้งต้องทำแผนช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เศรษฐกิจของจ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษ ฟื้นตัวอย่างชัดเจน เช่น การลดต้นทุนการผลิต และสร้างอัตลักษณ์สินค้าชุมชนผ่านงานวิจัยพืชพันธุ์ใหม่ และสร้างนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค New Normal และ Next Normal ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอนามัยมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด เพื่อกำกับ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ โดยเริ่มจากปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วน ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วทันเหตุการณ์ และยังได้แต่งตั้งรัฐมนตรีให้กับกำกับดูแลในแต่ละจังหวัด โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบจังหวัดอุบลราชธานีกับศรีสะเกษ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ