- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 31 January 2021 12:28
- Hits: 1307
จุรินทร์ สั่งเอาผิดให้ถึงที่สุดทุจริตซื้อถุงมือยางแสนล้าน วงในแฉไทม์ไลน์ทำกัน 2 เดือนจบ
จุรินทร์”สั่งการเอาผิดให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือใหญ่มาจากไหน หลังรับทราบผลสอบข้อเท็จจริง อคส. จัดซื้อถุงมือยาง 1.125 แสนล้านบาท ส่วนคณะกรรมการสอบวินัย “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์-เจ้าหน้าที่ อคส. 2 ราย” ที่มีเอี่ยว คาดสรุปผลได้ใน 15 วัน เร็วกว่าเส้นตาย 30 วัน พร้อมแฉไทม์ไลน์จัดซื้อ พบ “บิ๊ก อคส.” สั่งการจัดซื้อแบบเร่งด่วน ทำเสร็จภายใน 2 เดือน ก่อน ผอ.อคส.คนใหม่เข้ารับตำแหน่ง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. ดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ เพื่อเอาผิดทั้งทางวินัย อาญาและแพ่งกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใคร หรืออยู่ในระดับใดก็ตาม ภายหลังจากที่ได้รับทราบผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กรณีพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก จัดซื้อถุงมือยางไนไตร 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอคส.จ่ายเงินค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยาง
ส่วนความคืบหน้าการสอบความผิดทางวินัย ภายหลังจากที่นายเกรียงศักดิ์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้เริ่มสอบความผิดทางวินัย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และเจ้าหน้าที่ อคส. ระดับนักบริหาร 8 ทั้ง 2 คน ที่ผลสอบข้อเท็จจริงสรุปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยางแล้ว โดยคณะกรรมการฯ ตั้งเป้าจะสอบให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน เร็วกว่ากำหนดที่ให้ไว้ 30 วัน โดยผลสอบเบื้องต้น พบว่า ทั้ง 3 คน มีความผิดวินัยร้ายแรง คาดว่า อคส.จะสั่งให้พักงานไปก่อนจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น
นอกจากนี้ ในรายงานผลสอบข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่ อคส. ทั้ง 2 ราย ได้ให้ปากคำกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่า ได้ดำเนินการในกระบวนการจัดซื้อถุงมือยางตามคำสั่งของผู้สั่งการที่มีตำแหน่งใหญ่ใน อคส. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ วันที่ 1 ก.ค.2563 บุคคลรายนี้ ได้เรียก 1 ใน 2 เจ้าหน้าที่ไปพบที่ห้องทำงานใน อคส. และให้พบกับบุคคลอื่นอีก 3 ราย เพื่อพูดคุยถึงแผนการจัดซื้อถุงมือยาง , วันที่ 30 ก.ค.2563 เจ้าหน้าที่ อคส. คนเดิม ถูกเรียกมาพบที่ห้องทำงาน และให้พบกับบุคคลรายหนึ่ง ที่เป็นตัวกลางจัดหาผู้ที่จะมาซื้อถุงมือยางจาก อคส. และผู้ขายถุงมือยางให้ อคส. คือ บริษัท การ์เดียน โกลฟส์
ต่อมา วันที่ 17 ส.ค.2563 บุคคลรายนี้เรียกเจ้าหน้าที่ อคส. คนเดิม ให้ตรวจสอบโรงงานการ์เดียนโกลฟส์ , วันที่ 25 ส.ค.2563 เจ้าหน้าที่ อคส. รายเดิม ถูกเรียกมาพบ โดยมีผู้ที่จะขอซื้อถุงมือยางจาก อคส. 7 ราย มารอหารือ และสั่งการให้ร่างสัญญาซื้อขายถุงมือยาง , วันที่ 26 ส.ค.2563 เจ้าหน้าที่ อคส. คนเดิมถูกเรียกมาพบ และสั่งการให้ทำสัญญากับผู้ซื้อ 3 รายแรก , วันที่ 27 ส.ค.2563 ตัวกลางผู้จัดหาผู้ซื้อและขายถุงมือยางมาให้ อคส. ได้ส่งหนังสือเสนอราคาของการ์เดียน โกลฟส์มาให้ อคส. , วันที่ 28 ส.ค.2563 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ อคส. คนเดิม ทำสัญญากับการ์เดียน โกลฟส์ และเร่งโอนเงินมัดจำ 2,000 ล้านบาทให้การ์เดียน โกลฟส์ , วันที่ 31 ส.ค.2563 อคส. ทำสัญญากับการ์เดียน โกลฟส์ , วันที่ 2 ก.ย.2563 อคส. โอนเงินให้การ์เดียน โกลฟส์ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดดำเนินการในเวลาเพียง 2 เดือน ก่อนที่นายเกรียงศักดิ์ จะรับตำแหน่งผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ ในวันที่ 10 ก.ย.2563
ทางด้านการติดตามเงิน 2,000 ล้านบาทที่ อคส. จ่ายเป็นค่ามัดจำ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้อายัดได้เพียง 800 ล้านบาท เพราะหลังจาก อคส. โอนเงินให้การ์เดียน โกลฟส์แล้ว บริษัทได้รีบถอนออกจากบัญชีทันทีประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า บริษัทได้ทยอยถอนออกมากกว่า 140 ครั้ง โดยคาดว่า ป.ป.ช.จะปิดสำนวนการสืบสวนสอบสวนทุจริตซื้อถุงยางได้ในเร็วๆ นี้ และคาดว่า น่าจะชี้มูลความผิด ผู้สั่งการที่อยู่เบื้องหลัง และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ระบุว่า พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ทำผิดกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลายฉบับ ขณะที่เจ้าหน้าที่ อคส. ระดับนักบริหาร 8 ทั้ง 2 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ซึ่งเบื้องต้น มีความผิดทั้งวินัย อาญา และแพ่ง
สอบข้อเท็จจริง อคส.ซื้อถุงมือยางเสร็จแล้ว เจอเจ้าหน้าที่อีก 2 รายร่วมกระบวนการทุจริต
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สรุปผลตรวจสอบการจัดซื้อถุงมือยาง 1.12 แสนล้านบาทของ อคส. เสร็จแล้ว พบเจ้าหน้าที่อีก 2 รายมีเอี่ยวกับ “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์” อดีตรักษาการ ผอ.อคส. ที่มีพฤติกรรมกระทำความผิด ทั้งขัดระเบียบ ตีความกฎหมายเอื้อตนเอง ทำสัญญาหละหลวม เผยยังสาวไม่ถึงจอมบงการ เชื่อ ป.ป.ช. สาวถึงแน่ หลังส่งข้อมูลให้แล้ว “เกรียงศักดิ์” ผอ.ปัจจุบัน สั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ขีดเส้น 30 วันรู้ผล มีโทษทั้งทางแพ่ง-อาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้ตรวจสอบกรณีที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก จัดซื้อถุงมือยางไนไตร 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจ่ายเงินค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยาง เสร็จแล้ว และได้ส่งผลตรวจสอบให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. คนปัจจุบัน และ อคส.ได้ส่งผลตรวจสอบดังกล่าวให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบการพิจารณาคดี ที่ ป.ป.ช. อยู่ระหว่างดำเนินการ และยังได้ส่งให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ พิจารณาแล้ว
สำหรับ ผลการตรวจสอบ สรุปว่า มีเจ้าหน้าที่ อคส. ซึ่งอยู่ในระดับนักบริหาร 8 จำนวน 2 ราย เกี่ยวข้องกับการกระทำของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ที่มีพฤติกรรมใช้อำนาจพิจารณาอนุมัติโครงการจัดซื้อถุงมือยางโดยมิชอบ ทั้งๆ ที่ตามข้อบังคับ อคส. ว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆ เพื่อการค้าปกติพ.ศ.2526 ถ้าวงเงินที่จะจัดซื้อสินค้า เกินอำนาจที่ผู้อำนวยการ อคส. จะอนุมัติได้ หรือเกินกว่า 25 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอขออนุมัติต่อประธานกรรมการ อคส. (บอร์ดอคส.) แต่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไม่ได้เสนอให้พิจารณาอนุมัติ
ทั้งนี้ ยังพบว่าไม่มีการเสนอเรื่องการจัดซื้อให้บอร์ด อคส. พิจารณาอนุมัติ แต่กลับใช้ดุลพินิจตีความกฎหมาย เพื่อให้ตนเอง ซึ่งเป็นรักษาการผู้อำนวยการ มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติจัดซื้อและจ่ายเงินค่าถุงมือยางเอง และยังจงใจใช้อำนาจในฐานะผู้อำนวยการ ทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับการ์เดียนโกลฟส์ และทำสัญญาขายกับผู้ซื้อทั้ง 7 ราย โดยที่สัญญานั้น ไม่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ถือเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2535 เรื่องการปรับปรุงแก้ไขมติ ครม. เกี่ยวกับการส่งร่างสัญญาให้ อสส. ตรวจพิจารณา
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยังทำสัญญาให้ อคส. เสียเปรียบ โดยสัญญาที่ทำกับการ์เดียนโกลฟส์ กำหนดให้ อคส. ชำระเงินค่าสินค้าล่วงหน้าใน 3 วัน นับแต่วันลงนามในสัญญา แต่กลับกำหนดให้การ์เดียนโกลฟส์ ส่งมอบหลักประกันให้ อคส. ภายใน 7 วัน เป็นเหตุให้ อคส. ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาทก่อนได้รับวงเงินประกันสัญญา ทั้งที่โดยปกติ ต้องส่งมอบหลักประกันในวันทำสัญญา และยังไม่กำหนดงวดการส่งมอบถุงมือยาง รวมทั้งไม่ทำตามระเบียบ อคส. ว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติพ.ศ.2561 ซึ่งก่อนจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนงานที่รับผิดชอบต้องทำรายงานความจำเป็น และรายละเอียดต่างๆ ของการจัดซื้อเสนอให้ผู้อำนวยการพิจารณาอนุมัติ แต่กรณีนี้ ไม่มีการเสนอเรื่อง อีกทั้งยังไม่ออกประกาศเชิญชวนให้เสนอราคาจัดซื้อด้วย
สำหรับผลสอบดังกล่าว ยังสาวไม่ถึงตัวบุคคลสำคัญใน อคส. ที่เป็นผู้สั่งการให้ทั้ง 3 รายจัดซื้อถุงมือยาง ทั้งๆ ที่ เจ้าหน้าที่ อคส. ทั้ง 2 รายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ได้ซัดทอดไปแล้วว่าเป็นผู้สั่งการ แต่เชื่อว่า การพิจารณาของ ป.ป.ช. จะสาวถึง และน่าจะชี้มูลความผิดบุคคลสำคัญรายนี้ได้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ล่าสุด นายเกรียงศักดิ์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยทั้งหมดแล้ว โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากพบว่า มีความผิดจริง จะตั้งคณะกรรมการขึ้นอีก 1 ชุด เพื่อพิจารณาลงโทษ แต่ในเบื้องต้น ทั้ง 3 ราย เข้าข่ายมีความผิดวินัยร้ายแรง แต่อคส. อาจมีคำสั่งให้พักงานไปก่อน
สำหรับโทษของทั้ง 3 ราย หากพบว่ามีความผิดจริง กรณีทางแพ่ง จะมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502 มาตรา 11 ผู้ใดเป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนกรณีทางอาญา จะมีความผิดตามพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญาพ.ศ.2499 มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท รวมถึงมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ