- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 30 December 2020 17:39
- Hits: 16122
พาณิชย์ แบ่งตลาด 3 กลุ่ม ดันส่งออกปี 64 โฟกัสตามศักยภาพการนำเข้าของคู่ค้า
พาณิชย์ วิเคราะห์ศักยภาพการนำเข้าของคู่ค้า 100 ประเทศ พบมี 3 กลุ่มที่ไทยต้องวางแผนเจาะตลาดในปี 64 เพื่อเร่งเพิ่มยอดการส่งออกของไทย พร้อมประเมินปี 64 ส่งออกฟื้นตัวแน่ หลังเศรษฐกิจ การค้าโลกดีขึ้น แต่ต้องระวังโควิด-19 ระบาดซ้ำสอง ระบุอาหาร สินค้าทำงานที่บ้าน และป้องกันติดเชื้อยังโตดี แต่สินค้าคงทนและฟุ่มเฟือยมีแนวโน้มหดตัว
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้วิเคราะห์ศักยภาพการนำเข้าของประเทศคู่ค้า 100 ประเทศจากทุกภูมิภาค และนำประเทศที่มีศักยภาพการนำเข้าสูงมาคัดเลือกหาประเทศคู่ค้าที่ไทยควรมีนโยบายขยายความสัมพันธ์ทางการค้า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ที่ไทยต้องวางแผนในการเจาะตลาด เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกของไทยในปี 2564 ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับ กลุ่มแรก เป็นประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพการนำเข้าสูง ความต้องการสินค้านำเข้าเป็นสินค้าประเภทเดียวกับที่ไทยส่งออกหลายรายการ และไทยส่งออกไปยังประเทศนั้นได้สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศคู่ค้าแล้ว ซึ่งไทยต้องรักษาฐานลูกค้าและสร้างความจงรักภักดี (Loyalty) ต่อสินค้าไทย และหากสามารถเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อให้ไทยมีแต้มต่อได้ จะเป็นผลดีอย่างยิ่ง ได้แก่ อเมริกาเหนือ (สหรัฐฯ แคนาดา) ยุโรปตะวันตก (เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส) โอเชียเนีย (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย
กลุ่มที่ 2 เป็นประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพการนำเข้าสูง แต่ไทยส่งออกไปยังประเทศคู่ค้านั้นในระดับปานกลาง สามารถพัฒนาให้เป็นประเทศคู่ค้าที่มีการค้าในระดับสูงได้ โดยไทยต้องมุ่งทำตลาดเชิงรุก เร่งเจรจาแก้ไขปัญหาและอุปสรรค เพื่อขยายส่วนแบ่งตลาด หรือหากเจรจาจัดทำ FTA จะทำให้ไทยมีแต้มต่อหรือได้รับประโยชน์มากขึ้น โดยกลุ่มที่ไทยควรให้ความสำคัญลำดับแรก ส่วนใหญ่เป็นประเทศในยุโรปเหนือหรือสแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์ เดนมาร์ก สวีเดน ฟินแลนด์) ยุโรปตะวันออก (สโลวีเนีย เช็ก ออสเตรีย ฮังการี โปแลนด์) และบางประเทศตะวันออกกลาง (กาตาร์ และอิสราเอล) ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่ประชาชนมีรายได้ต่อหัวสูง
ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพการนำเข้าสูง แต่ไทยส่งออกไปยังประเทศคู่ค้านั้นน้อย กลุ่มประเทศเหล่านี้เป็นประเทศที่ไทยควรเร่งศึกษาตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม ได้แก่ ไอซ์แลนด์ เอสโตเนีย ลิทัวเนีย และคาซัคสถาน
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า การส่งออกในปี 2564 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยสนับสนุน คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น นโยบายของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ มีแนวโน้มจะผ่อนคลายความตึงเครียดของสงครามการค้าและฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน และสหรัฐฯ-ยุโรป ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ และการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 นโยบายของนายโจ ไบเดน อาจกระทบการส่งออกสินค้าไทยบางรายการ เช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงาน สิ่งแวดล้อม และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
สำหรับ สินค้าไทยที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ยังคงเป็น 3 กลุ่มสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตและพฤติกรรมใหม่ ได้แก่ 1.สินค้าอาหาร 2.สินค้าสำหรับใช้ทำงานที่บ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า และ 3.สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด ส่วนกลุ่มสินค้าคงทนและฟุ่มเฟือย มีแนวโน้มหดตัวจากการชะลอตัวของการผลิตและการบริโภค เช่น ยานยนต์ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องสำอาง นาฬิกาและส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น
ดูรายละเอียดตลาดและสินค้าที่มีศักยภาพของแต่ละกลุ่ม