- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 03 December 2020 22:55
- Hits: 7857
พาณิชย์ เคาะจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 4 ได้รับชดเชยลดลง หลังราคาขยับขึ้น
พาณิชย์ เคาะจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 4 มีข้าว 5 ชนิดได้รับเงิน เผยเป็นการจ่าย 4 งวดติดต่อกัน หลังราคายังต่ำกว่าเพดานประกัน แต่แนวโน้มจ่ายชดเชยลดลง หลังราคาข้าวปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากมาตรการเสริมที่รัฐนำมาใช้ในการชะลอผลผลิตเข้าสู่ตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า วันที่ 30 พ.ย.2563 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2563/64 รอบที่ 1 งวดที่ 4 โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 23-29 พ.ย.2563 จำนวน 5 ชนิด คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ซึ่งเป็นการจ่ายชดเชย 4 งวดติดต่อกัน เพราะทุกชนิดยังมีราคาต่ำกว่าราคาที่ประกันรายได้
โดยผลการพิจารณาราคาตลาดปัจจุบันกับราคาที่ประกันรายได้ พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 12,100.57 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายตันละ 2,899.43 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11,951.04 บาท มีส่วนต่างตันละ 2,048.96 บาท , ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 9,122.47 บาท มีส่วนต่างตันละ 877.53 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 9,960.97 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,039.03 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 11,066.61 บาท มีส่วนต่างตันละ 933.39 บาท
ทั้งนี้ เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างสำหรับงวดที่ 4 ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 40,592.02 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 32,783.36 บาท , ข้าวเปลือกเจ้า 26,325.90 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 25,975.75 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 14,934.24 บาท
สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาข้าวได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่มาตรการเสริมเพื่อชะลอผลผลิตข้าวเข้าสู่ตลาดเริ่มส่งผลดี ทั้งโครงการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ให้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สหกรณ์เสียดอกเบี้ยร้อยละ 1 เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการร้อยละ 3 เป้าหมาย 4 ล้านตัน
นบข.ไฟเขียว เพิ่มวงเงินประกันรายได้ข้าวอีก 28,711 ล้านบาท ดูแลรายได้ให้ชาวนา
บิ๊กตู่ เป็นประธานประชุม นบข. ไฟเขียวเพิ่มกรอบวงเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 เพิ่มอีก 28,711 ล้านบาท เพื่อดูแลรายได้ให้กับชาวนา พร้อมสั่งการทุกหน่วยงานคุมเข้มปิดช่องการทุจริต
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 เพิ่มอีก 28,711 ล้านบาท จาก 18,096 ล้านบาท เป็น 46,807 ล้านบาท เพื่อดูแลรายได้ให้กับเกษตรกร ที่จะได้รับการชดเชยกรณีราคาข้าวต่ำกว่าราคาที่ประกันรายได้
สำหรับ กรอบวงเงินที่เพิ่มขึ้นเป็น 46,807 ล้านบาท แยกเป็นค่าดำเนินการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 17,676 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 28,078 ล้านบาท เป็น 45,754 ล้านบาท , ค่าใช้จ่ายในการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. 397 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 631 ล้านบาท เป็น 1,029 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการ ธ.ก.ส. 21 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 1.09 ล้านบาท เป็น 22 ล้านบาท
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม โดยขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ รับผิดชอบในการจ่ายเงินให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ โดยกำชับว่าอย่าให้มีการทุจริตเกิดขึ้น พร้อมกับสั่งให้กระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่ตรวจสอบการรับมอบเงินส่วนต่างของเกษตรกรให้เป็นไปตามสิทธิที่ได้ ไม่ให้มีการทุจริต
ขณะเดียวกัน ขอให้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวในการประชุมครั้งหน้า และขอให้รายงานต่อไปทุกๆ 3 เดือน มอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบว่าการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เกินกว่า 2 ปี จะทำให้เมล็ดพันธุ์เสื่อมคุณภาพ ทำให้มีข้าวเมล็ดแดงปนมากับข้าวหอมมะลิมาก และให้หาทางแก้ไขปัญหาการที่ชาวนานำเมล็ดพันธุ์ที่เก่าและเสื่อมไปปลูก และขอให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ดูแลตัวเลขประมาณการผลผลิตของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่คลาดเคลื่อนทุกปี
จุรินทร์ แจ้งข่าวชาวนา เงินช่วยเหลืองวดแรก 500 บาทไม่เกิน 20 ไร่ เข้าบัญชี 1-5 ธ.ค.นี้
จุรินทร์ แจ้งข่าวดีชาวนา เงินสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าวไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือได้รับสูงสุดไม่เกินรายละ 20,000 บาท จะเริ่มจ่ายครึ่งหนึ่งไร่ละ 500 บาทหรือสูงสุด 10,000 บาท ตั้งแต่ 1-5 ธ.ค.นี้ มีชาวนาได้ประโยชน์ 4.35 ล้านครัวเรือน ส่วนมันสำปะหลังรับเงินส่วนต่างงวดแรกแล้ว ได้สูงสุด 26,000 บาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินช่วยเหลือตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2563/64 ไร่ละ 1,000 บาทสูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งเกษตรกรจะได้สูงสุดรายละ 20,000 บาทนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะจ่ายให้กับเกษตรกรครึ่งหนึ่งก่อน ซึ่งเป็นเงินไร่ละ 500 บาท โดยได้เริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 1-5 ธ.ค.2563 จึงขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชาวนาผู้ปลูกข้าวที่รออยู่ได้รับทราบ
สำหรับ โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนั้น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พ.ย.2563 ได้อนุมัติวงเงินไว้ 28,046 ล้านบาท โดยจะจ่ายผ่านบัญชีชาวนาโดยตรง มีจำนวนเกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 4.35 ล้านครัวเรือน
รายงานข่าวจาก ธ.ก.ส. แจ้งว่า ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ว โดยวันที่ 1 ธ.ค.2563 ได้โอนไปจำนวนกว่า 4 แสนครัวเรือน วงเงินกว่า 1,600 ล้านบาท และจะทยอยโอนต่อเนื่องทุกวันจนถึงวันที่ 5 ธ.ค.2563 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาข้าวให้มีคุณภาพดี เพื่อให้มีโอกาสขายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น และมีรายได้มากขึ้น
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ได้ลงนามนำเรื่องการขอเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอวงเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 28,711 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้จ่ายให้กับชาวนาไปแล้วจำนวน 18,096 ล้านบาท เริ่มจ่ายงวดแรกตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา และงวดต่อไปจะจ่ายทุกสัปดาห์ ดังนั้น รอบต่อไปจะเป็นวันที่ 7 ธ.ค.2563 ตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ทั้งนี้ ในส่วนของการดูแลราคาข้าวเปลือก ได้มีมาตรการคู่ขนาน เพื่อดูดซับผลผลิตข้าว โดยการจูงใจให้เกษตรกร สหกรณ์ สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการค้าข้าว เก็บสต็อก ผ่านโครงการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ให้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สหกรณ์เสียดอกเบี้ยร้อยละ 1 เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการร้อยละ 3 เป้าหมาย 4 ล้านตัน
ส่วนโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ได้มีการจ่ายเงินส่วนต่างวันแรก คือ วันที่ 1 ธ.ค.2563 โดย ธ.ก.ส. จะโอนเข้าบัญชีให้เกษตรกรมันสำปะหลังโดยตรง ซึ่งเงินส่วนต่างงวดนี้จะได้ 26 สตางค์ต่อกิโลกรัม และเกษตรกรที่ได้สูงสุด คือ ประมาณ 26,000 บาท เนื่องจากประกันรายได้ไว้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาทไม่เกิน 100 ตัน
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ