- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 27 October 2014 19:20
- Hits: 2427
ยอดส่งออกกุ้ง 8 เดือนแรก วูบลงกว่า 32% ผู้เลี้ยงมึนปัญหาโรค EMS
แนวหน้า : นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย เปิดเผยสถานการณ์การส่งออกกุ้งแช่แข็งของไทยปีนี้ว่า ในภาพรวมยังไม่ดีขึ้น หลังเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งประสบกับปัญหาโรคตายด่วน(Early Mortality Syndrome-EMS)ระบาดในฟาร์ม ทำให้ผลผลิตกุ้งของไทยปีนี้ลดลงไปอย่างมาก โดยคาดว่า ทั้งปีจะมีผลผลิตออกมาเพียง 200,000 ตัน ซึ่งจะทำให้การส่งออกกุ้งของไทยในปีนี้มีปริมาณลดลง 25% ส่วนมูลค่าการส่งออกคาดจะลดลง 12% จากปีก่อนที่ส่งออกได้กว่า 200,000 ตัน มูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท
"ในปีที่ผ่านมาผลผลิตกุ้งไทยอยู่ที่ ประมาณ 250,000 ตัน ลดลง 54% จากปี 2555 ที่เคยผลิตได้ถึง 540,000 ตัน"
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ก็อยู่ระหว่างการรอผลการเพาะเลี้ยงลูกกุ้ง ที่กรมการประมงได้นำเข้าพ่อแม่พันธุ์กุ้งมาจากต่างประเทศ คาดว่าจะเริ่มกระจายลูกกุ้งให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงได้ในช่วงต้นเดือนหน้า ซึ่งหากประสบความสำเร็จก็จะส่งผลทำให้การเพาะเลี้ยงกุ้งของไทยดีขึ้น และการส่งออกกุ้งจะกลับมาดีขึ้นด้วย ทำให้เริ่มคาดหวังได้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า สถานการณ์การส่งออกจะดีขึ้น
ในส่วนของอุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งนั้น ปัจจัยเสี่ยงของการส่งออกกุ้งแช่แข็งในปี 2558 เรื่องหลักยังมาจากผลของพันธุ์กุ้งที่จะนำมาเลี้ยงใหม่ ว่าจะสามารถแก้ปัญหาโรคตายด่วนได้หรือไม่ และต่อมาคือเรื่องของแรงงานในเรือประมงที่ถูกกล่าวหาจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(อียู) และอีกส่วนคือกรณีที่กุ้งไทยถูกตัดจีเอสพีจากอียูซึ่งจะต้องกลับมาเสียภาษีนำเข้า ในอัตรา 12 - 20%
"ในปี 2557 ทางผู้ส่งออกได้มีการแก้ไขปัญหา โดยการนำเข้ากุ้งมาจากแหล่งผลิตอื่น มาผลิตแปรรูปเพื่อส่งออก เช่น นำเข้ากุ้งจากอินเดีย เวียดนาม และเอกวาดอร์ โดยนำเข้ามาเพียง 30,000 ตัน เนื่องจากยังติดปัญหาเรื่องระบบการตรวจสอบแบบย้อนกลับ"
สำหรับ ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ ไทยส่งออกกุ้งแช่แข็ง ไปแล้วจำนวน 89,462 ตัน ลดลง 32.15% และมูลค่า 1,116 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 16.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ตลาดหลักยังเป็นสหรัฐฯ ส่งออกไปจำนวน 35,000 ตัน ลดลง 23.9% มูลค่า 454 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5.57%, ตลาดอียูส่งออกปริมาณ 11,034 ลดลง 39.5% มูลค่า 156 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 19.43%, ญี่ปุ่น ส่งออกมีปริมาณ 23,670 ตัน ลดลง 38.24% มูลค่า 283 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 30.46% ที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา