- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 16 November 2020 14:45
- Hits: 2159
จุรินทร์ ยันรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ย้ำจ่ายส่วนต่างเข้าบัญชีชาวนา
จุรินทร์ ชี้แจงกลางสภาผู้แทนราษฎร ยันรัฐบาลมีมาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ทั้งการชะลอขายข้าวช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ให้สินเชื่อโรงสีกู้เงินซื้อข้าว ส่วนชาวนาที่ขายข้าวได้ลดลง มีโครงการประกันรายได้ช่วย เตรียมจ่ายเงินส่วนต่างเข้าบัญชี 16 พ.ย.นี้ พร้อมย้ำยังมีเงินช่วยพิเศษค่าพัฒนาคุณภาพข้าวอีกไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ จ่าย 2 งวด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องข้าวราคาตกต่ำ ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการในการช่วยดึงราคาข้าวเปลือกในตลาด โดยมีโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก โดยเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกร ชะลอการขายข้าว มีเงินช่วยเหลือสนับสนุน ตันละ 1,500 บาท ถ้าเป็นสหกรณ์และโรงสีเก็บข้าวไว้ รัฐบาลจะช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3 และธ.ก.ส.มีมาตรการในการให้สินเชื่อกับโรงสีเป็นกรณีพิเศษตั้งแต่ 1 พ.ย.2563 เพื่อซื้อข้าวมาเก็บไว้ ลดปริมาณข้าวในตลาด โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 และรัฐบาลมีสินเชื่อ SMEs ด้านการเกษตร โดยให้โรงสีสามารถกู้ในวงเงินถึงรายละ 20 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน จะเชิญธนาคารพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาหารือในการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ในการปล่อยสินเชื่อให้กับโรงสี ในการที่จะไปเร่งรับซื้อข้าวจากเกษตรกรด้วย
“รัฐบาลชุดนี้ ให้ความสำคัญกับเกษตรกร รวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าว อยากเห็นข้าวราคาดี แต่ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ขึ้นกับปริมาณผลผลิต ความต้องการในแต่ละปี และในปีที่ผ่านมา เป็นยุคหนึ่งในรอบ 10 ปี ที่ราคาข้าวสูงเป็นประวัติการณ์ถึงตันละ 10,000 บาทสำหรับข้าวเปลือกเจ้า เพราะหลายมาตรการของรัฐบาล ประกอบกับกลไกตลาดช่วงนั้นดี แต่ปี 2563/64 ผลผลิตมากกว่าปีก่อนร้อยละ 6 และราคาข้าวอ่อนลง เพราะเดือนพ.ย.-ธ.ค.ของทุกปี ผลผลิตข้าวออกมามาก ส่วนโรงสีซื้อข้าวเก่าเก็บไว้ในราคาสูง ยังไม่สามารถระบายออกได้ จึงขาดสภาพคล่อง แต่รัฐบาลก็ได้เข้าไปช่วยแล้ว”นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับเกษตรกร แม้ราคาข้าวลดลง แต่จะได้รับส่วนต่าง โดยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้เคาะส่วนต่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนต่างที่เกษตรกรจะได้รับนั้น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ประกันรายได้ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 2,911 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ประกันรายได้ตันละ 14,000 บาท ส่วนต่างตันละ 2,137 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ประกันรายได้ตันละ 10,000 บาท ส่วนต่างตันละ 1,222 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ประกันรายได้ตันละ 11,000 บาทส่วนต่างตันละ 1,066 บาท ข้าวเหนียวประกันรายได้ตันละ 12,000 บาท ส่วนต่างตันละ 2,084 บาท
โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแต่ละชนิดรับเงินส่วนต่าง คือ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี จะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุดถึง 26,674 บาท ข้าวเหนียวจะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 33,349 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 36,670 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 34,199 บาท และข้าวหอมมะลิจะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุดถึง 40,756 บาท ต่อครัวเรือน โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะจ่ายเงินเข้าบัญชีเกสรกรในวันที่ 16 พ.ย.2563
นอกจากนี้ รัฐบาลมีเงินช่วยพิเศษสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เรียกว่า เงินค่าพัฒนาคุณภาพข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 20 ไร่ จะได้รับครัวละไม่เกิน 20,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 งวด งวดที่ 1 ได้รับ 500 บาท งวดต่อไป 500 บาท จะช่วยชาวนาเพื่อลดปัญหารายได้ลดลง ถ้าอยู่ในช่วงที่ราคาข้าวตกต่ำ
ส่วนมาตรการระยะยาวรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการเข้าไปดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยใช้ยุทธศาสตร์ข้าวไทย 5 ปี ตั้งแต่ปี 2563-67 โดยยุทธศาสตร์ข้าวกำหนดยุทธศาสตร์วิสัยทัศน์ไว้ชัดเจนว่า ใน 5 ปี จะทำให้ไทยเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าว และผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยเน้นข้าว 7 ชนิด ประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย ข้าวขาวพื้นนุ่ม ข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวนึ่ง ข้าวเหนียว ข้าวสี และข้าวคุณลักษณะพิเศษ โดยเน้นตลาด 3 ตลาด คือ ตลาดพรีเมียม ตลาดทั่วไป และตลาดเฉพาะ และที่สำคัญถ้าการผลิตมีเป้าหมายชัดเจนใน 5 ปี จะลดต้นทุนการผลิตให้ข้าวจากไร่ละ 6,000 บาท เป็นไม่เกิน 3,000 บาทต่อไร่ และจะมีเป้าหมายเพิ่มผลผลิตจากไร่ละ 465 กิโลกรัม เป็นไร่ละ 600 กิโลกรัมต่อไร่ ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนช่วยให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น และจะมุ่งเน้นในการเพิ่มพันธุ์ข้าวใหม่ให้ได้ 12 พันธุ์ ภายใน 5 ปี และมุ่งเน้นในการประกวดพันธุ์ข้าวไม่น้อยกว่าปีละ 1 ครั้ง เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ไปแข่งกับประเทศอื่นในตลาดโลกได้ต่อไป
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ