- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 01 November 2020 20:43
- Hits: 10718
พาณิชย์ ยันสหรัฐฯ ตัด GSP กระทบแค่ 147 สินค้า ต้องเสียภาษีเพิ่ม แต่ยังส่งออกได้ปกติ
พาณิชย์ เผยสหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยเพิ่มเติมอีก 231 รายการ อ้างไทยไม่เปิดตลาดเนื้อสุกรที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง มีผล 30 ธ.ค.63 ยันไทยยังส่งออกได้ปกติ แค่ภาษีเพิ่มขึ้น ระบุมีผลกระทบต่อไทยจริงแค่ 147 รายการ คิดเป็นภาษีที่จะต้องเสียเพิ่ม 19 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 600 ล้านบาท ย้ำก่อนหน้าที่ถูกตัดไป 573 รายการ ก็กระทบจริง 315 รายการ ส่วนการติดตามผล พบสินค้ายังส่งออกได้ดีทั้งในสหรัฐฯ และตลาดอื่น
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับแจ้งจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ถึงประกาศประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้พิจารณาตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) เป็นรายประเทศ โดยได้ตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยรวม 231 รายการ เนื่องจากสหรัฐฯ เห็นว่าการเปิดตลาดสินค้าไทยไม่อยู่ในระดับที่เท่าเทียมและสมเหตุสมผล โดยเฉพาะการเปิดตลาดสินค้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง (แรคโตพามีน) โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2563 เป็นต้นไป ทำให้สินค้าไทยต้องถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าสินค้าไทยจะส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ได้
ทั้งนี้ ผลจากการตรวจสอบการตัดสิทธิ GSP ดังกล่าว พบว่า มีสินค้าไทยที่ใช้สิทธิจริงจำนวน 147 รายการ มีมูลค่าการนำเข้าในสหรัฐฯ ประมาณ 604 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นภาษีที่ต้องกลับไปเสียในอัตราปกติประมาณ 3-4% มูลค่าประมาณ 19 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 600 ล้านบาท โดยมีสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น อุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ พวงมาลัยรถยนต์ ล้อรถยนต์ กระปุกเกียร์ กรอบโครงสร้างแว่นตาทำด้วยพลาสติก เคมีภัณฑ์ เกลือฟลูออรีน ที่นอนและฟูกทำด้วยยางหรือพลาสติก หลอดและท่อทำด้วยยางวัลแคไนซ์ อะลูมิเนียมเจือแผ่นบาง เป็นต้น
“การถูกตัดสิทธิ GSP ในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าสินค้าไทยจะถูกห้ามส่งออกไปสหรัฐฯ ไทยยังส่งออกไปได้ปกติ แต่ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ และผลกระทบก็ไม่ใช่ 604 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท เพราะตัวเลขนี้ เป็นตัวเลขที่สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจำนวน 147 รายการจากไทย แต่ที่กระทบจริง ก็แค่ต้องเสียภาษีเพิ่ม 19 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 600 ล้านบาท ซึ่งหากสินค้าไทย มีการเน้นคุณภาพ มาตรฐาน สร้างการยอมรับ เชื่อว่า แม้ภาษีจะสูงขึ้น แต่คงไม่มีผลต่อการส่งออก และผู้นำเข้าสหรัฐฯ ก็จะยังต้องการสินค้าไทยเหมือนเดิม”นายกีรติกล่าว
นายกีรติ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากการระงับสิทธิ GSP เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยแล้ว โดยได้มีแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างหลากหลาย เช่น Online Business Matching สำหรับสินค้าที่มีความต้องการในตลาดสหรัฐฯ และตลาดใหม่ การจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าไทยในงานแสดงสินค้าในสหรัฐฯ และตลาดใหม่ การส่งเสริมสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยใช้ช่องทางออนไลน์ข้ามพรมแดนเข้าสู่ผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ และตลาดใหม่โดยตรง
นอกจากนี้ ได้มีการประสานสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ให้ความช่วยเหลือด้านการส่งออก สินเชื่อ และการเสริมสภาพคล่อง รวมทั้งได้เปิดช่องทางในการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับแจ้งเรื่องผลกระทบจากผู้ประกอบการผ่านไลน์แอปพลิเคชั่นชื่อบัญชี “GSP_helper” หรือสายด่วน 1385
นายกีรติ กล่าวว่า กรมฯ ยังได้มีการติดตามผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยในช่วงปลายปี 2562 และมีผลเม.ย.2563 ที่ผ่านมา จำนวน 573 รายการ ซึ่งมีสินค้าที่ได้รับผลกระทบจริง 315 รายการ โดยพบว่าการส่งออกสินค้ากลุ่มที่ถูกตัดสิทธิไปสหรัฐฯ ลดลงประมาณ 10% แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเกิดจากการถูกตัด GSP หรือผลกระทบจากโควิด-19 เพราะจากการตามดูสินค้า 1 ใน 20 รายการ ที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้น มี 10 รายการจาก 315 รายการที่ถูกตัดสิทธิ ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องสุขภัณฑ์ ผ้าผืน ธงชาติ เครื่องล้างจาน ผลไม้ เช่น ลิ้นจี้ ลำไย และหัวเทียน เป็นต้น แสดงว่าผลจาก GSP ไม่ได้รุนแรง แต่เมื่อดูรายการที่ลดลงของ 315 รายการ พบว่า มีการส่งออกไปประเทศอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น เช่น แว่นตา ตะปู พัดลม แผงสวิชต์และควบคุมไฟฟ้า เครื่องจักรสาน น้ำผลไม้ โดยส่งออกไปยุโรป จีน ฮ่องกง และเอเชียเพิ่มขึ้น แสดงว่าผู้ส่งออกมีการปรับตัวหันไปพึ่งพาตลาดอื่นได้ดีขึ้น
ปัจจุบัน สหรัฐฯ ให้สิทธิ GSP แก่ทุกประเทศประมาณ 3,500 รายการ มีเงื่อนไขการตัดสิทธิ คือ ระดับการพัฒนามีรายได้ประชาชาติต่อหัวไม่เกิน 12,375 เหรียญสหรัฐ , การเปิดตลาดสินค้าและบริการ , การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา , การคุ้มครองสิทธิแรงงาน , การกำหนดนโยบายลงทุนที่ชัดเจนและลดข้อจำกัดทางการค้า และการสนับสนุนสหรัฐฯ ในการต่อต้านการก่อการร้าย โดยในส่วนของไทยมีการใช้สิทธิประมาณ 1,100 รายการ ถูกตัดสิทธิไปแล้ว 315 รายการ จากกรณีสหรัฐฯ กล่าวหาไทยไม่คุ้มครองแรงงาน และ 147 รายการ กรณีไม่เปิดตลาดสินค้าและบริการ รวม 462 รายการ คงเหลือ 638 รายการ ที่ยังไม่ถูกตัดสิทธิ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ