- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 24 October 2020 14:11
- Hits: 3082
จุรินทร์ นัดประชุมทางไกลกับรัสเซีย เดินหน้าขยายความร่วมมือการค้า การลงทุน
จุรินทร์ เตรียมประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-รัสเซีย ผ่านทางไกล 22 ต.ค.นี้ หารือแนวทางขยายความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน หวังเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามเป้าหมายผู้นำ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ 4 ร่วมกับนายวลาดิมีร์ อิลลิโชฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย ในวันที่ 22 ต.ค.2563 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) เพื่อหารือแนวทางขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ระหว่างไทยและรัสเซีย
ในการหารือครั้งนี้ ยังจะมีการพิจารณาปรับปรุงบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย ที่เคยลงนามกันตั้งแต่ปี 2559 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายเป็น 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่ผู้นำทั้งสองประเทศเคยตั้งเป้าหมายไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า การประชุมในครั้งนี้ จะมีการหารือความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและรัสเซีย มุ่งขยายความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันโดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 , การส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าการลงทุนและความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ เช่น การเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร เศรษฐกิจดิจิทัล เป็นต้น รวมทั้งหาแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน , การขยายความร่วมมือในระดับพหุภาคีและภูมิภาค โดยเพิ่มความร่วมมือและผลักดันการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ASEAN และ APEC ซึ่งมีสมาชิก 21 ประเทศ เป็นต้น พร้อมทั้งจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) ซึ่งมีสมาชิก 5 ประเทศ คือรัสเซีย เบลารุส อาร์เมเนีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน เน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ รวมถึงจัดกิจกรรมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทยและกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซีย โดยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงและสินค้าเกษตร รวมทั้งช่วยเหลือภาคธุรกิจ ในการแสวงหาสินค้าเฉพาะกลุ่มและตลาดใหม่ , สร้างสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันที่เท่าเทียมกันระหว่างผู้ส่งออกและนำเข้า พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาดของทั้งสองฝ่าย และอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเศรษฐกิจ เช่น กฎหมาย มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ โอกาสการทำวิจัยและพัฒนาร่วมกัน เป็นต้น
ในปี 2562 รัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 30 ของไทย การค้าระหว่างไทยและรัสเซีย มีมูลค่า 3,130.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออกไปรัสเซียมูลค่า 958.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ยางพารา และไทยนำเข้าจากรัสเซียมูลค่า 2,172.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็ก ยุทโธปกรณ์ และปุ๋ย
สำหรับ ในช่วง 8 เดือน ปี 2563 (ม.ค.–ส.ค.) รัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 28 ของไทย การค้าระหว่างไทยและรัสเซีย มีมูลค่า 1,592.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปรัสเซียมูลค่า 472.54 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และไทยนำเข้าจากรัสเซียมูลค่า 1,119.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ น้ำมันดิบ ปุ๋ย และเหล็ก
จุรินทร์ ถกรัสเซีย เห็นพ้องเพิ่มการค้า 3 แสนล้านใน 3 ปี พร้อมขอให้นำเข้าข้าว ไก่ กุ้ง
จุรินทร์ เจรจารัสเซียผ่านทางไกล เห็นพ้องตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี พร้อมขอช่วยเพิ่มการนำเข้าข้าว ไก่ กุ้ง และยางพารา ร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การค้าออนไลน์ เจรจาเอฟทีเอไทย-ยูเรเซีย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทย-รัสเซีย ครั้งที่ 4 ผ่านทางระบบประชุมทางไกล กับนายวลาดิมีร์ อิลลิโชฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซีย ว่า ทั้งสองฝ่ายได้เห็นตรงกันที่จะผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับรัสเซียให้เพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 300,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2564-66) หรือตกประมาณปีละ 100,000 ล้านบาท และเห็นชอบให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกัน เพื่อยกระดับความร่วมมือและผลักดันการค้าให้เป็นไปตามเป้าหมาย
โดยไทยยังได้ขอให้รัสเซียเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทย เพราะสินค้าเกษตรของไทยมีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับโลกและเป็นที่ยอมรับว่ามีความปลอดภัย โดยเฉพาะจากโควิด-19 ทั้งข้าว เนื้อสัตว์และประมง โดยเฉพาะไก่และกุ้ง และให้เพิ่มการนำเข้ายางพารา ซึ่งยางพาราไทยถือว่ามีคุณภาพสูง ทั้งยางแผ่น ยางแท่ง หรือน้ำยางข้น เพื่อเข้าไปช่วยเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และยุทโธปกรณ์ ที่เป็นสินค้าสำคัญของรัสเซีย และขอให้ Rostec ของรัสเซีย ซึ่งเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับยางได้เร่งจัดทำ MOU กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) โดยเร็ว โดยไทยได้ยกร่าง MOU เสร็จแล้ว
นอกจากนี้ ไทยและรัสเซียจะร่วมมือกันในการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 หรือในช่วงโควิด-19 ที่จะมีการผ่อนปรน เพราะแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวรัสเซียมาไทยสูงถึงปีละ 1.5 ล้านคน , ร่วมมือส่งเสริมการค้าในรูปแบบอีคอมเมิร์ซหรือในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น ทั้งการจับคู่เจรจาทางธุรกิจ หรือการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบเสมือนจริง , ผลักดันให้มีการร่วมมือในระดับพหุภาคี ในกรอบอาเซียน-รัสเซีย และเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) รวมทั้งสนับสนุนให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขกระชับความร่วมมือในการแก้ปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาวัคซีน ที่รัสเซียมีความคืบหน้า
ในปี 2562 รัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 30 ของไทย การค้าไทยและรัสเซียมีมูลค่า 3.130.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปรัสเซียมูลค่า 958.1 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางพารา และนำเข้าจากรัสเซียมูลค่า 2,172.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ คือ น้ำมันดิบ เหล็ก ยุทโธปกรณ์ และปุ๋ย
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ