- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 25 October 2014 12:53
- Hits: 2985
'พาณิชย์'ลุ้นหากไม่เลวร้ายถึงขั้นมีสงคราม
แนวหน้า : ‘พาณิชย์’ลุ้นหากไม่เลวร้ายถึงขั้นมีสงคราม ส่งออกไทยปีหน้าโต 4%
ส่งออกเสื้อผ้า 8 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 1 พิษเศรษฐกิจในกลุ่มอียู ฟื้นตัวช้า ขณะที่ตลาดสหรัฐทรุดหนักถึง ร้อยละ 34.78 ด้าน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังมั่นใจส่งออกไทยโดยรวมปีหน้าขยายตัวร้อยละ 4
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2557 กระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดงานแสดงสินค้า “เสื้อผ้าส่งออกแฟร์” หรือ EXPORT GARMENT FAIR ครั้งที่ 32
นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า งานนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ต.ค. ถึง 2 พ.ย. 2557 ณ อาคารแสดง สินค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่าง ประเทศ (รัชดา) ตั้งแต่เวลา 09.30-11.00 น. เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้มีโอกาสใช้สินค้าคุณภาพสูง ที่ผลิตโดยคนไทย และเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าต่างประเทศในราคาที่ไม่แพง อีกทั้งยังหวังว่างานดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้อีกทางหนึ่ง โดยคาดว่าตลอดการจัดงานจะมีเงินสะพัดประมาณ 40-50 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 3% และในปีหน้าก็คาดว่าจะขยายตัวได้ในระดับเดียวกัน เพราะต้องยอมรับว่าจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมีผลต่อการ นำเข้าและส่งออกสินค้าของหลายประเทศ ผู้บริโภคมีการระมัดวังการซื้อสินค้ามากขึ้น อีกทั้งในด้านของราคาสินค้า
การแข่งขันมีสูงขึ้น ดังนั้นในอนาคตอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยต้องมีการยกระดับสินค้าให้เป็นสินค้าที่ยังคงมีคุณภาพ แต่ราคาไม่สูงมาก มีการเน้นการสร้างแบรนด์ สร้างความแตกต่างในตลาด โดยเฉพาะการออกแบบสินค้าให้โดดเด่น มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม
“ทางกรม ได้มีการหารือกับสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยแล้วว่า จากนี้สินค้าเครื่องนุ่งห่มของไทยต้องมีปรับพื้นฐานของสินค้าให้ดีขึ้น เราต้องไม่เป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าเท่านั้น แต่ต้องมีการคิดค้น พัฒนาสินค้าให้มีความแตกต่าง มีความพิเศษ และมีการปรับเรื่องวัสดุพื้นฐานที่ดีด้วย เพราะเมื่อพื้นฐานสินค้าเราดี ก็จะมีความแตกต่างขึ้น”
สำหรับ ภาพรวมการส่งออกสิ่งทอรวมของไทย ทั้ง เครื่องนุ่งห่ม ผ้าผืนและด้าย และสิ่งทออื่นๆ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 7,483 ล้านเหรียญสหรัฐขยายตัวเพิ่ม 3.61% เมื่อเทียบในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม จะประสบกับปัญหาต่างๆ มากมาย ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราแรงงานขั้นต่ำ ภาวะเศรษฐกิจของตลาดส่งออกหลักที่ตกต่ำ เช่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศคู่แข่งที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ผลิตของไทยก็สามารถปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้ยืนอยู่ได้
นางดวงกมล กล่าวถึงการส่งออกโดยรวมในปีหน้าว่า จากการประชุมทูตพาณิชย์สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประเมินว่าสถานการณ์ส่งออกปี 2558 หากไม่เลวร้ายถึงขั้นมีสงคราม ประกอบกับ เศรษฐกิจสหรัฐ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) กลับมาฟื้นตัวจะทำให้ภาพรวมการส่งออกของไทยปีหน้าเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ซึ่งปีนี้คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะเกินกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น โอกาสที่ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ตามที่คาดการณ์ไว้จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกปีหน้าเกินกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน
นายถาวร กนกวลีวงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 ไทยจะถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี(จีเอสพี) จึงน่าจะส่งผลให้การส่งออกเพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้ ไปจนถึงปลายเดือนพ.ย.และจะทำให้ปีนี้ทั้งปีการส่งออกเสื้อผ้าของไทยขยายตัวได้ 2% มีมูลค่า ประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในปีหน้าแนวโน้มการส่งออกเสื้อผ้าคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 3% และหากสถานการณ์ดีจริงมาก ก็อาจส่งผลดีให้อัตราขยายตัวได้ถึง 5% แต่ถ้าภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัว และแย่ลงก็มีโอกาสที่การส่งออกเสื้อผ้าของไทยขยายตัวได้ 0%
“การส่งออกเสื้อผ้าช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกับปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจในกลุ่มอียู ฟื้นตัวช้า ทำให้การส่งออกตลาดหลักลดลง โดยสหรัฐอเมริกาลดลงร้อยละ 34.78 ตลาดอียู ลดลงร้อยละ 24.26 ญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 13.42 และกลุ่มอาเซียน 9 ประเทศ ร้อยละ 5.22 จีนและฮ่องกงลดลงร้อยละ 4.15 โดยประเมินว่าการส่งออกเสื้อผ้าทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 2 มูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ผู้ส่งออกจะเร่งส่งออกไปยังตลาดอียู เพราะจะถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือจีเอสพี วันที่ 1 มกราคม 2558” นายถาวร กล่าว
พณ.ฟุ้งส่งออกไทยปีหน้าโต 4%
บ้านเมือง : นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเปิดงานแสดงสินค้าเสื้อผ้าส่งออกแฟร์ ครั้งที่ 32 หรือ EXPORT GARMENT FAIR ครั้งที่ 32 ว่า จากการประชุมทูตพาณิชย์สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประเมินว่าสถานการณ์ส่งออกปี 2558 หากไม่เลวร้ายถึงขั้นมีสงคราม ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) กลับมาฟื้นตัวจะทำให้ภาพรวมการส่งออกของไทยปีหน้าเติบโตไม่ต่ำกว่าประมาณ 4% ซึ่งปีนี้คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะเกินกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นโอกาสที่ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าประมาณ 4% ตามที่คาดการณ์ไว้จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกปีหน้าเกินกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน
ขณะที่การส่งออกเครื่องนุ่งห่มไทยปีหน้า คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 3% และจะเห็นการแข่งขันด้านราคามากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องเน้นการสร้างแบรนด์เพื่อรองรับต่อการแข่งขัน เพราะภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวจะทำให้ผู้บริโภคพิจารณาซื้อโดยเน้นที่คุณภาพและราคา
สำหรับ ภาพรวมการส่งออกสิ่งทอรวมของไทยทั้งเครื่องนุ่งห่ม ผ้าผืนและด้าย และสิ่งทออื่นๆ ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่า 7,483 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มร้อยละ 3.61 เมื่อเทียบในช่วงเดียวกันของปี 2556 แม้ว่าที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มจะประสบกับปัญหาต่างๆ มากมาย ได้แก่ การปรับขึ้นแรงงานขั้นต่ำ ภาวะเศรษฐกิจตลาดส่งออกหลักตกต่ำ เช่น อียูและสหรัฐอเมริกา รวมถึงความสามารถการแข่งขันของประเทศคู่แข่งที่สูงขึ้น แต่ผู้ผลิตของไทยสามารถปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้ยืนอยู่ได้
ด้านนายถาวร กนกวลีวงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกเสื้อผ้าช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกับปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจในกลุ่มอียูฟื้นตัวช้า ทำให้การส่งออกตลาดหลักลดลง โดยสหรัฐอเมริกาลดลงร้อยละ 34.78 ตลาดอียูลดลงร้อยละ 24.26 ญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 13.42 และกลุ่มอาเซียน 9 ประเทศร้อยละ 5.22 จีนและฮ่องกงลดลงร้อยละ 4.15 โดยประเมินว่าการส่งออกเสื้อผ้าทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 2 มูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ผู้ส่งออกจะเร่งส่งออกไปยังตลาดอียู เพราะจะถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือจีเอสพี วันที่ 1 มกราคม 2558
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศคาดหวังว่า การจัดงานแสดงสินค้าเสื้อผ้าส่งออกแฟร์ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และเป็นโอกาสให้คนไทยได้ใช้สินค้าคุณภาพสูง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าต่างประเทศด้วยราคาถูกกว่าท้องตลาด
