- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 08 October 2020 22:28
- Hits: 17394
กรมเจรจาฯ เตรียมนำผู้ประกอบการโคนมไทย ใช้เอฟทีเอเปิดทางเจาะตลาดจีน
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เตรียมนำทัพผู้ประกอบการโคนมไทย จำนวน 20 ราย บุกตลาดจีน ที่กวางโจว โดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอในการขยายตลาด หลังก่อนหน้านำไปเจาะที่เซี่ยงไฮ้และสิงคโปร์ประสบความสำเร็จมาแล้ว ระบุผลการลงพื้นที่พบไทยพร้อมรับมือเปิดเสรีโคนมในปี 64 และ 68 ด้าน อ.ส.ค.มั่นใจสู้เปิดเสรีได้แน่ หลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มความหลากกลาย ชูจุดขายนมโคแท้ 100%
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะนำเกษตรกรสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการโคนมและนมโคแปรรูปของไทย จำนวน 20 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกจากจำนวนทั้งสิ้น 81 ราย เดินทางไปขยายตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ โดยปีนี้กำหนดจะไปขยายตลาดที่นครกวางโจว ประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีโอกาสที่จะส่งออกได้ หลังจากที่ 2 ปีก่อนหน้านี้ ได้นำผู้ประกอบการไปบุกตลาดที่เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์มาแล้ว และประสบความสำเร็จสามารถขยายตลาดสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทยได้เพิ่มขึ้น
“กำลังประเมินสถานการณ์โควิด-19 อยู่ ถ้าไปได้ก็จะไป แต่ถ้าไปไม่ได้ ก็ต้องปรับรูปแบบ โดยอาจจะต้องปรับเป็นการเจรจาธุรกิจออนไลน์แทน แต่เชื่อว่าสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทย จะขยายเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบัน สินค้ามีการพัฒนาทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และมีการนำนวัตกรรมมาใช้ เช่น นมอัดเม็ด กินแล้วฟันไม่ผุ หรือนมเม็ดผสมผลไม้ หรือนมพาสเจอร์ไรซ์ที่เก็บได้ 40-45 วัน ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้”
นางอรมน กล่าวว่า ในส่วนของการเปิดเสรีสินค้านม ไทยได้ลดภาษีเป็น 0% เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ยังเหลือสินค้าบางรายการที่จะลดภาษีในปี 2564 และ 2568 ให้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้แก่ สินค้านมผงที่มีไขมันเกิน 1.5% (ไม่ใช้เลี้ยงทารก) ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม หางนม (เวย์) เนย ไขมันเนย (AMF) และกลุ่มสินค้าเนยแข็ง จะเปิดตลาดในปี 2564 และสินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง นมผงขาดมันเนย จะเปิดตลาดในปี 2568 ซึ่งจากการลงพื้นที่ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย มีความพร้อมในการรับมือการเปิดเสรี และหลายกลุ่ม ก็มีการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอในการขยายตลาด สินค้าไทยได้รับการยอมรับในคุณภาพและมาตรฐาน และยังมีความได้เปรียบในการส่งออก โดยเฉพาะตลาดอาเซียนและจีน ที่อยู่ใกล้
ก่อนหน้านี้ กรมฯ ได้จัดทำโครงการ 'โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วยเอฟทีเอ' ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 สามารถขยายการส่งออกสินค้านม UHT นมอัดเม็ด ไอศกรีม และโยเกิร์ต ไปตลาดคู่ค้าเจรจาเอฟทีเอ โดยเฉพาะจีน และอาเซียน เช่น สิงคโปร์ กัมพูชา เมียนมาร์ ซึ่งปัจจุบันได้มีการลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคและนมโคแปรรูปให้ไทยแล้ว
สำหรับ การส่งออกในช่วง 8 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ส.ค.) ไทยส่งออกสินค้านมโคและนมโคแปรรูปไปตลาดโลก 382 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.9% โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ นมพร้อมดื่ม UHT นมเปรี้ยว โยเกิร์ต และนมจืด ตลาดส่งออกหลัก คือ อาเซียน (กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา สปป.ลาว และสิงคโปร์) สัดส่วน 82.7% จีน 5.4% และฮ่องกง 3.4%
นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศ (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตนมไทย-เดนมาร์ก หรือนมวัวแดง กล่าวว่า อ.ส.ค.ได้ปรับตัวรองรับการแข่งขันการเปิดเสรีนม และผลิตภัณฑ์ภายใต้เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ มาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ได้ออกผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งนมสดพร้อมดื่ม ทั้งพาสเจอร์ไรซ์ UHT รวมถึงนมเปรี้ยวพร้อมดื่ม นมสำหรับเด็ก และกำลังจะออกนมอัดเม็ดในช่วงปลายปีนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม ที่สำคัญ ทุกผลิตภัณฑ์ล้วนผลิตจากนมโคสดแท้ 100% ไม่ได้ใช้นมผงผสม
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ