- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 02 October 2020 15:24
- Hits: 11104
จุรินทร์ ปลื้ม จัดเจรจาซื้อขายยางออนไลน์ยอดทะลุเป้า 23,000 ตัน มูลค่า 1,450 ล้าน
จุรินทร์ เผยผลการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจซื้อขายยางพาราออนไลน์ 23-30 ก.ย.63 ยอดทะลุเป้า 23,000 ตัน มูลค่า 1,450 ล้านบาท สั่งจัดเพิ่ม 2 วัน หลังผู้ซื้อ ผู้นำเข้ายังมีความต้องการ ระบุราคายางไทยขยับเพิ่มขึ้นทั้งกระดาน จากความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ทั้งยางรถยนต์ ถุงมือยาง และยังได้รับผลดีจากมาตรการเชิงรุกของรัฐ ที่ส่งเสริมนำยางไปผลิตสินค้า เสาหลักกิโล และการส่งมอบยางตามสัญญาซื้อขายที่ทำไว้ก่อนโควิด-19
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมชมจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์สินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง และประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นจากสหกรณ์ ผู้ผลิตยางพาราว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และภาคเอกชนจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาทางธุรกิจ เพื่อเร่งรัดการส่งออกยางของไทย ตั้งแต่วันที่ 23-30 ก.ย.2563 โดยสามารถจับคู่ธุรกิจได้แล้วถึง 69 คู่ ระหว่างผู้ประกอบการไทย 42 ราย และผู้ซื้อจาก 20 ประเทศ คือ จีน เกาหลี ไต้หวัน อินเดีย เยอรมนี เช็ก ฝรั่งเศส ฮังการี รัสเซีย สหราชอาณาจักร มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย ตุรกี อียิปต์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐฯ และอาร์เจนตินา โดยมียอดขายทะลุ 23,000 ตัน มูลค่าประมาณ 1,450 ล้านบาท
ทั้งนี้ ได้ขยายการจัดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ออกไปอีก 2 วัน คือ วันที่ 1-2 ต.ค.2563 คาดว่าจะทำยอดขายได้เพิ่มอีก เพราะยังมีความต้องการซื้อจากผู้ซื้อต่างประเทศเพิ่มขึ้น
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความต้องการยางพาราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการของตลาดโลกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้มีการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น มีการใช้ยางรถยนต์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีความต้องการถุงมือยางเพิ่มขึ้น มีการใช้น้ำยางไปผลิตเพิ่มขึ้นตาม และยังมีการเร่งซื้อยางจากมาตรการเชิงรุกของรัฐบาล ทั้งการส่งเสริมให้หน่วยงานราชการนำยางไปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ และการนำไปทำเสาหลักกิโลและแผ่นครอบกันชน รวมถึงมีการเร่งรัดการส่งมอบตามสัญญาให้กับผู้ซื้อต่างประเทศ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อที่ได้มาในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด จากการที่ตนนำคณะภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเจรจาขายในหลายประเทศ ปริมาณรวม 500,000 ตัน มูลค่ากว่า 48,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีการเร่งซื้อยางเพื่อส่งมอบ
โดยผลจากความต้องการยางพาราที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด ยางแผ่นรมควัน กิโลกรัม (กก.) ละ 58-59 บาท ยางแผ่นดิบ กก.ละ 56 บาท น้ำยางข้น กก.ละ 50 บาท ยางก้อนถ้วย กก.ละ 19-20 บาท ส่วนราคาส่งออก (เอฟโอบี) ยางแผ่นรมควัน กก.ละ 63.15 บาท ยางแผ่นดิบ กก.ละ 56.31 บาท น้ำยางข้นกก.ละ 51.50 บาท ยางก้อนถ้วยกก.ละ 20 บาท
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้ กยท. ไปเร่งประชาสัมพันธ์คุณภาพยางพาราของไทยว่าดีกว่าคู่แข่งยังไง เพื่อให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าได้รับทราบ และซื้อยางพาราไทยเพิ่มขึ้น และให้ส่งเสริมให้มีการนำน้ำยางมาผลิตเป็นยางรถยนต์ เพราะในอดีตจะใช้ยางแท่ง ยางแผ่นมาผลิต และกว่าจะได้ยางแท่ง ยางแผ่น ต้องผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน หากนำน้ำยางมาใช้เลย ก็จะลดขั้นตอน และลดต้นทุนได้เยอะ
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ทางธุรกิจสินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ครั้งต่อไปจะมีประมาณต้นปี 2564 และจะจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจภายในงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับชิ้นส่วนยานยนต์ (TAPA) และงานแสดงสินเครื่องทำความเย็น (RHVAC) ด้วย รวมทั้งมีแผนจะนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าท็อป ไทย แบรนด์ ที่จะจัดที่ประเทศเพื่อนบ้าน จัดคณะผู้แทนการค้าเจรจาการค้าที่จีน แอฟริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง และเดือนธ.ค.2563 จะจัดงานรับเบอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าสำหรับยางพาราและผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะด้วย
สำหรับ ปี 2563 ไทยตั้งเป้าหมายส่งออกยางพาราธรรมชาติ 122,089 ล้านบาท ลดลง 5% จากปี 2562 และผลิตภัณฑ์ยาง 358,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% โดยในช่วง 8 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ส.ค.) ส่งออกแล้วกว่า 310,000 ล้านบาท แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยางกว่า 253,000 ล้านบาท และยางธรรมชาติ 65,728 ล้านบาท โดยในส่วนผลิตภัณฑ์ เป็นยางล้อรถยนต์ 106,576 ล้านบาท ลด 11% ถุงมือยาง มูลค่า 37,188 ล้านบาท เพิ่ม 49.2% ที่เหลือเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ