- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 29 September 2020 23:09
- Hits: 15689
กรมเจรจาฯ เตรียมนำทีมกูรูชี้ช่องผู้ประกอบการเจาะตลาดจีน ในงานสัมมนา '1 ทศวรรษ เอฟทีเอ อาเซียน – จีน … ก้าวต่อไปของเอกชนไทยในแดนมังกร'
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมนำทีมกูรูด้านตลาดจีน ชี้ช่องโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้ผู้ประกอบการ โดยใช้ประโยชน์จาก FTA อาเซียน-จีน พร้อมแนะเคล็ดคลับเจาะตลาดจีนหลังวิกฤตโควิด-19 ในงานสัมมนา ‘1 ทศวรรษ เอฟทีเอ อาเซียน – จีน … ก้าวต่อไปของเอกชนไทยในแดนมังกร’ ชมกันสดๆ ผ่านทางเฟสบุ๊คกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ วันที่ 29 ก.ย. นี้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมจัดงานสัมมนา ‘1 ทศวรรษ เอฟทีเอ อาเซียน – จีน … ก้าวต่อไปของเอกชนไทยในแดนมังกร’ ในวันที่ 29 กันยายน 2563 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ด้านตลาดจีน มาให้ข้อมูลโอกาสทางการค้าและการลงทุน โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – จีน หรือ ACFTA ให้กับผู้ส่งออกที่จะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN EXPO: CAEXPO) ครั้งที่ 17 ณ นครหนานหนิง และงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China-International Import Expo: CIIE) ครั้งที่ 3 ณ นครเซี่ยงไฮ้ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยที่สนใจดำเนินธุรกิจในจีน ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมฉลองในโอกาสครบรอบ 10 ปี การมีผลบังคับใช้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – จีน ในปี 2563 อีกด้วย
นางอรมน กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ต้องการไปเจาะตลาดจีนได้ทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเทศจีน พฤติกรรมการบริโภคของชาวจีนในแต่ละภูมิภาค รวมถึงแนวโน้มทางการตลาดหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะเคล็ดลับการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนธุรกิจและทำตลาดในจีนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
นางอรมน เพิ่มเติมว่า สำหรับการค้าระหว่างไทยกับจีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี เป็นผลจากการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ที่ปัจจุบันไทยและจีนได้ยกเลิกการเก็บภาษีสินค้าระหว่างกันกว่าร้อยละ 90 ของรายการสินค้าทั้งหมดแล้ว โดยในปี 2562 การค้าระหว่างอาเซียน-จีน มีมูลค่า 641,470 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 จากปี 2561 โดยจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอาเซียน เป็นเวลา 10 ปีติดต่อกัน ในขณะที่อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีน เป็นครั้งแรกในปี 2563
นอกจากนี้ ในปี 2562 จีนยังเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย การค้าระหว่างไทยกับจีนมีมูลค่า 79,500 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 16.46% ของการค้าไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปจีนมูลค่า 29,200 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนไทยนำเข้าจากจีนมูลค่า 50,300 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก และเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
กระทรวงพาณิชย์ติดอาวุธผู้ประกอบการไทยพร้อมลุยตลาดจีน ในงานสัมมนา“1 ทศวรรษ เอฟทีเอ อาเซียน-จีน...ก้าวต่อไปของเอกชนไทยในแดนมังกร”
กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ขับเคลื่อนผู้ประกอบการไทยลุยตลาดจีน หลังจีนลดภาษีสินค้าเหลือ 0% กว่าร้อยละ 90 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทาบทามไหหน่านร่วมเป็นพันธมิตร เน้นสนับสนุนภาคธุรกิจใช้สื่อออนไลน์
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว หลังร่วมเป็นประธานเปิดงานสัมมนา ‘หนึ่งทศวรรษ เอฟทีเอ อาเซียน จีน ก้าวต่อไปของเอกชนไทยในแดนมังกร’ จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศว่า งานของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นงานที่ต้องทำควบคู่กัน เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถมีโอกาสเข้าถึงตลาดอย่างเต็มที่ ซึ่งตลาดจีนถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น และมีสัญญาณการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ประเทศอื่นยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19
การสัมมนาที่จัดขึ้นครั้งนี้ มีเรื่องสำคัญที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบคือ ทิศทางที่กรมจะขับเคลื่อนใน 5 เรื่องสำคัญ เริ่มจากการเร่งสร้างหุ้นส่วนพันธมิตรกับมณฑลไห่หนาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ที่เร่งผลักดันความร่วมมือเชิงลึกกับมณฑลสำคัญ โดยกรมฯเห็นว่า รัฐบาลจีนมีนโยบายที่จะผลักดันในมณฑลไห่หนานเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือการค้าเสรีระดับโลก การร่วมเป็นพันธมิตรกับมณฑลไห่หนานเชิงลึกจะทำให้ประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร เศรษฐกิจทางทะเล การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอื่นๆ การดำเนินงานครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนจากสมาคมใหหนำแห่งประเทศไทย ที่จะจัดคณะร่วมเดินทางไปเจรจาธุรกิจ คาดว่า ปลายปีหน้าจะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม
นอกจากสร้างหุ้นส่วนพันธมิตรทางการค้าแล้ว กรมฯยังคงมอบให้สำนักงานในต่างประเทศจัดกิจกรรมในตลาดเมืองรองในจีน ซึ่งปีนี้ มีกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้ไทยทั่วจีน ภายใต้กิจกรรม Thai fruits golden months ควบคู่กับการส่งเสริมการขายสินค้าศักยภาพอื่นๆในห้างสรรพสินค้าของเมืองรอง และในช่วงปลายปี ที่จะนำภาคเอกชนและผู้ประกอบการได้ทดลองและแสวงหาโอกาสจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศจีน ซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะมาถึง มีงานแสดงสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของจีน เช่น งานแสดงสินค้านำเข้าจีน (CIIE) ที่นครเซี่ยงไฮ้ และงานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน (CAEXPO) ที่นครหนานหนิง ซึ่งทั้งสองงาน กรมได้เตรียมจัดนิทรรศการแสดงศักยภาพสินค้าไทยภายใต้คอนเซ็ป ‘คิดถึงความปลอดภัยและrefinement คิดถึงประเทศไทย’ ด้วย
สำหรับกิจกรรมช่วงวิกฤตโควิด กรมจะผลักดันตลาดสินค้าและบริการยุคนิวนอร์มอล (New normal) โดยเน้นย้ำกลุ่มสินค้าด้านอาหารปลอดภัยและอาหารเพื่อสุขภาพ (Food Safety & Functional Food) กลุ่มสินค้าเกษตร ผ่านกิจกรรม sourcing และจับคู่การค้าออนไลน์ รวมทั้งเจาะตลาดผ่านการค้าออนไลน์ ทั้งแพลตฟอร์มพันธมิตร การเจรจาธุรกิจแบบออนไลน์ รวมทั้งใช้ KOL ในการแนะนำสินค้าไทย
“ช่วงต้นเดือนตุลาคม กรมจะมีการประชุมกับทูตพาณิชย์เพื่อนำแผนข้างต้นไปจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการ พร้อมรับมอบนโยบายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์”นายสมเด็จกล่าวปิดท้าย
สำหรับ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169
พาณิชย์ ชี้ช่องเจาะตลาดจีน แนะใช้เอฟทีเอส่งออก บุกเมืองรอง รุกช่องทางออนไลน์
2 หน่วยงานพาณิชย์ ผนึกกำลังชี้โอกาสเจาะตลาดแดนมังกร กรมเจรจาฯ หนุนใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายการส่งออก หลังจีนลดภาษีให้ไทยแล้วกว่า 95% ด้านกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเตรียมพาผู้ประกอบการลุยเจาะเมืองรองจีน จับมือเป็นพันธมิตรรายมณฑล ใช้ออนไลน์ขยายตลาด และนำสินค้าไทยโชว์ใน 2 งานแสดงสินค้าใหญ่ของจีนปลายปีนี้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดงานสัมมนา’1 ทศวรรษ เอฟทีเอ อาเซียน–จีน … ก้าวต่อไปของเอกชนไทยในแดนมังกร’ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเห็นถึงโอกาสในการขยายการค้ากับจีน โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) เพราะปัจจุบัน จีนได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าให้ไทยแล้วกว่า 95% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น ผัก ผลไม้ เม็ดพลาสติก สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม สตาร์ชมันสำปะหลัง เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และน้ำยางธรรมชาติและสังเคราะห์ เป็นต้น ส่วนไทยได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าให้กับสินค้าจากจีนแล้ว 89% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น ผัก ผลไม้ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล และเม็ดพลาสติก เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดภาษี ทำให้การค้าสองฝ่ายเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน นับตั้งแต่ก่อนมี FTA ในปี 2547 จนถึงปี 2562 เพิ่มขึ้นถึง 420% โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่ได้ประโยชน์จาก FTA ฉบับนี้ เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง ทุเรียน ฝรั่ง มะม่วง มังคุด รถยนต์เอสยูวี และสตาร์ชมันสำปะหลัง เป็นต้น
สำหรับ การค้าระหว่างอาเซียน-จีน มีมูลค่า 641,470 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.1% จากปี 2561 โดยจีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอาเซียนเป็นเวลา 10 ปีติดต่อกัน ขณะที่อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีน เป็นครั้งแรกในปี 2563 ขณะที่การค้าระหว่างไทย-จีน มีมูลค่า 79,440 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 16.46% ของการค้าไทยกับโลก โดยจีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย และไทยส่งออกไปจีนมูลค่า 29,169.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่ไทยนำเข้าจากจีน 50,270.6 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก และเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
ส่วนการค้าไทย-จีนในช่วง 8 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 51,723.89 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.26% โดยไทยส่งออกไปจีน 19,625.27 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากจีน 32,098.63 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า แผนการทำตลาดจีน กรมฯ ได้มอบให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ เน้นจัดกิจกรรมในตลาดเมืองรองของจีนให้เพิ่มมากขึ้น เพราะหลายเมือง หลายมณฑลมีศักยภาพที่ไทยจะผลักดันการส่งออกได้เพิ่มขึ้น และจะเดินหน้าการสร้างหุ้นส่วนพันธมิตรเป็นรายมณฑล โดยกำลังผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับมณฑลไห่หนาน ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือการค้าเสรีระดับโลก โดยไทยจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร เศรษฐกิจทางทะเล การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยจะมีการจัดคณะนักธุรกิจเดินทางไปเจรจาการค้าต่อไป
นอกจากนี้ กรมฯ ได้ผลักดันตลาดสินค้าและบริการยุค New normal เพื่อสร้างโอกาสในการส่งออก โดยเน้นกลุ่มสินค้าด้านอาหารปลอดภัยและอาหารเพื่อสุขภาพ กลุ่มสินค้าเกษตร ผ่านกิจกรรม Sourcing และจับคู่การค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก และยังขยายตลาดการค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มพันธมิตร การเจรจาธุรกิจแบบออนไลน์ รวมทั้งใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิด มาช่วยในการแนะนำสินค้าไทย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเจาะตลาดจีน
ขณะเดียวกัน จะนำภาคเอกชนและผู้ประกอบการไทย เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศจีน โดยในเดือนพ.ย.2563 จะมีงานแสดงสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของจีน เช่น งานแสดงสินค้านำเข้าจีน (CIIE) ที่นครเซี่ยงไฮ้ และงานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน (CAEXPO) ที่นครหนานหนิง ซึ่งทั้ง 2 งาน กรมฯ ได้เตรียมจัดนิทรรศการแสดงศักยภาพสินค้าไทยภายใต้คอนเซ็ป “คิดถึงความปลอดภัย และ Refinement คิดถึงประเทศไทย” ด้วย
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ