- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 29 September 2020 21:28
- Hits: 6090
จุรินทร์ เซ็นตั้ง วิชัย เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต
วิชัย โภชนกิจ มีงานทำต่อหลังเกษียณ 'จุรินทร์'เซ็นตั้งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการร่วมเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ช่วยขับเคลื่อน 4 ภารกิจสำคัญ สร้าง Big Data แพลตฟอร์มกลาง สร้างความเชื่อมั่นสินค้าเกษตร และพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เซ็นคำสั่งร่วม 2 กระทรวง คือ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรไทยไปสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลกแล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าว มีภารกิจต้องขับเคลื่อนใน 4 ด้าน คือ การสร้าง Single Big Data เพื่อใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน ซึ่งจะทำให้สามารถติดตามปริมาณผลผลิต และวางแผนด้านการตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น การสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายให้กับผลผลิตทางการเกษตรของไทย การสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัย และการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสินค้าเกษตรของไทย และการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“กรรมการชุดนี้ มีปลัด 2 กระทรวง คือ พาณิชย์และเกษตร เป็นประธานร่วมกัน มีกรรมการจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ และเกษตร รวมทั้งผู้ว่าแบงก์ชาติ เอ็มดีแบงก์รัฐ ทั้งธนาคารเอสเอ็มอี เอ็กซ์ซิมแบงก์ ธ.ก.ส. และผู้แทนภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นกรรมการ ที่สำคัญ จะมีนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.2563 เข้าไปเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการด้วย รวมแล้วกรรมการชุดนี้จะมีจำนวนรวม 43 คน”นางมัลลิกากล่าว
นางมัลลิกา กล่าวว่า นายจุรินทร์ให้ความสำคัญกับนโยบายตลาดนำการผลิตมาก ไม่อยากให้สินค้าเกษตรมีปัญหาด้านราคาเหมือนที่ผ่านมา จึงได้ผลักดันให้มีการร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง 2 กระทรวง ซึ่งการทำงานใกล้ชิดแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมั่นใจว่าเมื่อทุกฝ่ายมีข้อมูลตรงกัน สอดคล้องกัน จะทำให้กระทรวงเกษตร ในฐานะฝ่ายผลิต จะผลักดันให้มีการผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาด ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ก็จะทำตลาดได้ง่าย เพราะปัจจุบันได้มีการวางช่องทางการตลาดไว้แล้ว ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
โดยช่องทางออฟไลน์ มีแผนที่จะผลักดันสินค้าเกษตรเข้าไปจำหน่ายในช่องทางต่างๆ ได้แก่ โมเดิร์นเทรด สมาร์ทโชวห่วย ร้านธงฟ้า ตลาดกลาง ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดต้องชม และช่องทางออนไลน์ จะทำแพลตฟอร์มกลางที่จะต้องสร้างให้เกิดขึ้นและเป็นช่องทางระบายสินค้าเกษตร และช่องทางออนไลน์อื่นๆ ทั้งแพลตฟอร์ม Thaitrade.com หรือแพลตฟอร์มของภาคเอกชนที่จะดึงเข้ามาร่วมทำงานกับกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งจะมีช่องทางการทำเกษตรพันธสัญญา การเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเคาน์เตอร์เทรด เข้ามาช่วยเสริม และยังได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์เป็นเซลส์แมนหาตลาดในต่างประเทศ และพาณิชย์จังหวัดเป็นเซลส์แมนทำตลาดในต่างจังหวัด
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ