- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 26 September 2020 16:42
- Hits: 21516
บอร์ด อคส. สั่งระงับสัญญาซื้อถุงมือยางฉาว ไม่หวั่นถูกเอกชนฟ้อง ชี้เป็นโมฆะตั้งแต่แรก
บอร์ด อคส. มีมติเห็นชอบให้ระงับสัญญาการซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท กับผู้ขายและผู้ซื้อรวม 8 ราย หลังถกเครียด 6 ชั่วโมง ผอ.อคส.รับลูกดำเนินการต่อทันที เตรียมส่งหนังสือแจ้งเอกชน ไม่หวั่นถูกฟ้อง เหตุสัญญาเป็นโมฆะตั้งแต่แรก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) ที่มีนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส. ได้ประชุมเพื่อพิจารณายกเลิกสัญญาจัดซื้อถุงมือยาง 8 สัญญา แบ่งเป็น อคส. ทำสัญญาซื้อจากบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ปริมาณ 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 230 บาท รวมมูลค่า 112,500 ล้านบาท และอีก 7 สัญญา อคส. ได้ทำกับผู้ซื้อ 7 ราย เพื่อนำไปส่งออกต่อ และอคส. ได้โอนเงินมัดจำค่าสินค้า 2,000 ล้านบาท ไปให้การ์เดียนโกลฟส์แล้ว โดยบอร์ด อคส. ได้พิจารณากันอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลานานเกือบ 6 ชั่วโมง ตั้งแต่ 14.00-19.00 น.
นายสุชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ระงับการดำเนินการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายดังกล่าว ที่ดำเนินการโดย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาราชการแทนผู้อำนวยการ อคส. เพราะถือว่าเป็นการกระทำโดยพลการ และมอบหมายให้ผู้อำนวยการ อคส. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับได้ทันที
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. กล่าวว่า สัปดาห์หน้า จะประชุมร่วมกับฝ่ายกฎหมาย เพื่อพิจารณาส่งหนังสือชี้แจงไปยังเอกชนทั้ง 8 ราย เพื่อดำเนินการต่อไป หลังจากบอร์ดมีมติให้ระงับการดำเนินการทั้งหมด และแม้ทั้ง 8 รายจะฟ้องร้อง อคส. ว่าทำให้เสียหาย ก็ดำเนินการได้ แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเสียหายจริงหรือไม่ เพราะในสัญญาเป็นการซื้อเงินสด แต่ขายเงินเชื่อ เหมือนกินส่วนต่างกำไร โดยที่บริษัทไม่ได้จ่ายเงินซื้อสินค้าจริง และเอกชนยังไม่มีการวางหลักประกันสัญญา แต่ อคส. กลับต้องจ่ายเงินมัดจำค่าสินค้าถึง 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ สัญญากับ อคส. ที่ดำเนินการกับทั้ง 8 ราย ถือว่าเป็นโมฆะตั้งแต่แรก เพราะพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไม่ดำเนินการตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ.ศ.2560 ไม่มีการเปิดประมูล เพื่อแข่งขันกันเสนอราคาขายและซื้อจาก อคส. และในส่วนของสัญญาที่ทำกับผู้ซื้อทั้ง 7 รายนั้น มี 5 ราย ที่ อคส. ขายแบบขาดทุน เพราะมีการเสนอราคาซื้อจาก อคส. เพียงกล่องละ 210-223 บาทเท่านั้น ขณะที่ อคส. ซื้อจากโรงงานผลิต คือ การ์เดียนโกลฟส์ กล่องละ 225 บาท
“มั่นใจว่า อคส. ชนะแน่นอน และเรื่องนี้จะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด”
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีผู้ซื้อจาก อคส. 2 รายใน 7 ราย ได้ยื่นหนังสือทวงถาม (โนติส) มายัง อคส. แล้ว เพื่อทวงถุงมือยาง โดยอ้างว่า เพื่อจะเอาไปส่งให้ลูกค้าในต่างประเทศ แต่เท่าที่ทราบเป็นการซื้อจาก อคส. แล้วไปขายต่อให้กับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว อีกหลายทอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นที่บอร์ดพิจารณากันอย่างเคร่งเครียด คือ ถ้อยคำที่จะใช้เพื่อส่งหนังสือไปแจ้งเอกชนทั้ง 8 ราย เพราะจะมีผลผูกพันทางกฎหมายกับ อคส. และผู้อำนวยการ อคส. จึงยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้คำใด ระหว่าง “ระงับสัญญา” ซึ่งจะมีผลเหมือนกับการยกเลิกสัญญา หรือ ‘ระงับการดำเนินการตามสัญญา’ ซึ่งตัวสัญญาไม่ได้ยกเลิก แต่ให้ชะลอดำเนินการตามสัญญา เช่น การส่งมอบถุงมือยางให้ อคส. เป็นต้น โดยนายสุชาติ ต้องการให้ใช้คำว่า ‘ระงับการดำเนินการตามสัญญา’ เพราะเกรงจะถูกทั้ง 8 รายฟ้องร้อง ทำให้เสียหาย แต่บอร์ดส่วนใหญ่ รวมถึงนายเกรียงศักดิ์ ต้องการให้ ‘ระงับสัญญา’ไปเลย ไม่เช่นนั้น อาจเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
สำหรับ กรณีจัดซื้อถุงมือยาง 112,500 ล้านบาท อคส. ได้ดำเนินการแจ้งความต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อกล่าวหา พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กับพวกว่าได้กระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด พร้อมกับร้องเรียนต่อสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่ออายัดเงิน 2,000 ล้านบาท และติดตามการฟอกเงิน
ส่วนบริษัทผู้ซื้อทั้ง 7 ราย ได้แก่ 1.บริษัท 24 คลีนเอเนอร์จี้ 2.บริษัท ไทยสไมล์เทรด 3.บริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส 4.บริษัท เดอะควีนเพาเวอร์ และ 5.บริษัท เอเอเมทิสต์ ซึ่งในสัญญาไม่มีการระบุ หลักประกันของสัญญาซื้อขาย , ไม่มีกำหนดส่งสินค้าเป็นงวดที่แน่นอน , ไม่มีหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ชื้อ และไม่มีการกำหนดการสิ้นสุดแห่งสัญญา ส่วนอีก 2 บริษัทที่เสนอซื้อถุงมือยางจาก อคส. เป็นบริษัทต่างชาติ
อคส.ฟ้อง ป.ป.ช. ดำเนินคดี 'พ.ต.อ.รุ่งโรจน์' ปมซื้อถุงมือยางฉาว 1.125 แสนล้าน ส่อทุจริต
องค์การคลังสินค้า (อคส.) ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินคดีกับ 'พ.ต.อ.รุ่งโรจน์' อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ เข้าข่ายทุจริต เอื้อประโยชน์เอกชนรายเดียว ปมซื้อถุงมือยางมูลค่า 1.125 แสนล้านบาท แถมไม่เสนอเรื่องขออนุมัติจากบอร์ด แต่ใช้อำนาจรักษาการสั่งจ่ายเงินทันที 2,000 ล้าน หลังเซ็นสัญญา เผยก่อนหน้า ได้ยื่นเรื่องต่อ ปปง.อายัดเงิน และฟ้องคดีต่อดีเอสไอแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วันที่ 23 ก.ย.2563 นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. อดีตรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ อคส. กับพวก โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช.เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
ในหนังสือร้องเรียน ระบุว่า พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ได้จัดซื้อและทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง (ไนไตร) กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งมีนายธณรัสย์ หัดศรี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจผูกพันบริษัท มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 112,500 ล้านบาท โดยในการจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎ ข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีพฤติกรรมในการกระทำที่รีบเร่ง ประกอบกับได้ร่วมสมคบกับนายธรรัสย์ ปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสถานะของบริษัท ที่เพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2563 ก่อนวันทำสัญญาไม่นาน และไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติความมั่นคง และความสามารถทางการเงินของบริษัทแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ไม่นำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. พิจารณา แต่กลับใช้อำนาจรักษาการผู้อำนวยการอคส. สั่งการให้ดำเนินการตามสัญญา และได้สั่งจ่ายเงินให้กับบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 รวม 2,000 ล้านบาท ภายหลังการทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 โดยนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซี นครปฐม ในชื่อของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตในหน้าที่ราชการ ทำให้ อคส. ได้รับความเสียหาย
ดังนั้น อคส. จึงมีหนังสือร้องเรียนมายัง ป.ป.ช. เพื่อร้องเรียนและกล่าวหาพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กับพวกว่าได้กระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ ในการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป
ทั้งนี้ อคส.ได้แจ้งสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และอายัดบัญชีเงินฝากธนาคาร และได้กล่าวทุกข์ร้องโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไว้แล้วชั้นหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหาร อคส. มองว่า กรณีดังกล่าว ถือเป็นการใช้อำนาจในทางไม่ชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียว เพราะในการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่องๆ ละ 225 บาท รวมมูลค่า 112,500 ล้านบาท ไม่มีการออกหลักเกณฑ์ เงื่อนไข (ทีโออาร์) การประมูล ไม่มีการตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ แต่กลับซื้อจากโรงงานผลิตเพียงรายเดียว อีกทั้งไม่มีการตรวจสอบความน่าเชื่อของบริษัท การ์เดียน ทั้งๆ ที่ผู้บริหาร เคยต้องคดีฉ้อโกงมาก่อน
ขณะเดียวกัน พบว่า สัญญาซื้อขายไม่รัดกุม ไม่มีการให้บริษัท การ์เดียน วางหลักประกันสัญญา แต่กลับให้มีสิทธิ์ได้รับเงินค่ามัดจำสินค้าจาก อคส. 2,000 ล้านบาท รวมถึงไม่เสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติเงิน ทั้งๆ ที่ตามระเบียบอคส. ระบุว่า ผู้อำนวยการ สามารถอนุมัติงบประมาณได้ไม่เกิน 25 ล้านบาท ถ้า 25-50 ล้านบาท ต้องเสนอให้ประธานบอร์ดอนุมัติ และเกิน 50 ล้านบาท ต้องเสนอให้บอร์ดอนุมัติ แต่กรณีนี้ อนุมัติเงิน อคส. สูงถึง 2,000 ล้านบาท กลับไม่เสนอให้บอร์ดอนุมัติ จึงเชื่อได้ว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายทุจริต และใช้อำนาจโดยมิชอบ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ