- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 26 September 2020 13:09
- Hits: 16253
จุรินทร์ ดึง 4 กระทรวงลงนาม MOU สร้างระบบป้องกัน การันตีอาหารไทยปลอดโควิด-19
จุรินทร์ เป็นประธานในพิธีลงนาม MOU มาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ในการผลิตอาหาร ร่วม 4 กระทรวง ในช่วงการจัดงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX มั่นใจสร้างความเชื่อมั่นอาหารไทยต่อชาวโลก เผยปีนี้ ได้นำรูปแบบไฮบริด จัดงานผสมผสานทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ที่จัดแสดงสินค้าเสมือนจริง สามารถเข้าชมได้ เจรจาธุรกิจได้ คาดเป็นต้นแบบการจัดงานให้โลก ประเมินยอดขายทะลุ 6,000 ล้านบาทแน่
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าอาหาร 2563 THAIFEX – ANUGA ASIA 2020 ‘The Hybrid Edition’ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้โอกาสในการจัดงานครั้งนี้ จัดให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) การปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ในกระบวนการผลิตอาหารส่งออก ร่วมกับ 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นอาหารไทยสู่สายตาชาวโลกว่าเป็นสินค้าอาหารที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดเชื้อโควิด-19
“ปัจจุบันเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ระบบตรวจสอบย้อนกลับอาหารปลอดภัย จึงมีความสำคัญ และเป็นเรื่องใหญ่ทางการตลาดของอาหารของทุกประเทศ รวมทั้งไทย ซึ่งผมได้มอบนโยบายให้ไปดำเนินการให้เกิดความร่วมมือในการกำกับดูแลการผลิตอาหารให้เดินหน้าไปสู่อาหารปลอดภัยระหว่าง 4 กระทรวงหลัก แล้วออกหนังสือรับรองกระบวนการผลิต ที่ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เพื่อให้ผู้ผลิตนำไปแสดงกับผู้ซื้อ ผู้นำเข้า เพื่อสร้างความมั่นใจในอาหารไทยว่าปลอดโควิด-19”
ทั้งนี้ การสร้างความเชื่อมั่นดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าอาหารของไทย และยังจะช่วยผลักดันให้อาหารไทย เป็นอาหารโลก ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารโลก และก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในการผลิตอาหารของโลกต่อไปในอนาคต
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับการจัดงานในปีนี้ ถือเป็นปีแรกที่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้เป็นแบบไฮบริด เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ เป็นการผสมผสานการจัดงานระหว่างออฟไลน์ และเทคโนโลยีออนไลน์ โดยการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง หรือ Virtual Trade Show ที่ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ จะสามารถเข้าชมงาน ชมสินค้า และเจรจาธุรกิจกับผู้จัดแสดงสินค้าได้ และจะกลายเป็นงานต้นแบบการจัดงานรูปแบบใหม่ของโลกต่อไป
“มั่นใจว่างานนี้ จะช่วยกระตุ้นการส่งออก ตั้งแต่สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยให้ฟื้นตัวกลับมาได้ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประเมินไว้ แต่มองว่าน่าจะถึง 7,000 ล้านบาท”นายจุรินทร์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า การจัดงานแสดงสินค้าอาหาร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 ก.ย.2563 ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี มีผู้เข้าร่วมงาน 708 บริษัท 1,747 คูหา โดยในส่วนของงานออฟไลน์ ผู้เข้าชมงานประกอบด้วยนักธุรกิจในวงการอาหารและเครื่องดื่มในไทย ตัวแทนผู้ซื้อจากต่างประเทศที่มีสำนักงานในไทย และออนไลน์ จะเป็นการเจรจาธุรกิจออนไลน์ ระหว่างผู้ซื้อ ผู้นำเข้า กับผู้ประกอบการไทย 519 บริษัท และตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยของผู้ประกอบการต่างชาติจาก 12 ประเทศ ได้แก่ บราซิล แคนาดา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี นอร์เวย์ โปแลนด์ ไต้หวัน อเมริกา และเวียดนาม รวม 189 บริษัท
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ