- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 17 September 2020 18:31
- Hits: 12015
‘พาณิชย์’ เดินหน้าแนะชาวสงขลาเตรียมใช้ประโยชน์และปรับตัวรับความตกลงการค้าฉบับใหม่ ‘อาร์เซ็ป’
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าแนะทุกภาคส่วนเตรียมใช้ประโยชน์และปรับตัวรับความตกลงการค้าฉบับใหม่ทั่วภูมิภาคต่อเนื่อง ถึงคิวจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดเวทีสัมมนาประชาพิจารณ์ ‘ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป’ ปลื้มผู้ประกอบการและเกษตรกรภาคใต้ตื่นตัว พร้อมนำความรู้ต่อยอดใช้ประโยชน์ และปรับตัวรับผลกระทบกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563 กรมฯ จัดสัมมนาประชาพิจารณ์ ‘ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป’ ณ โรงแรม ที อาร์ ร็อคฮิล อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ เกษตรกร ผู้ประกอบการ SME นักวิชาการ และภาคประชาสังคมกว่า 100 คน ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นและมุมมองประสบการณ์เพื่อเตรียมปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมรับฟังข้อมูลอาร์เซ็ปและโอกาสการค้าการลงทุนในประเทศสมาชิก รวมถึงแนวทางการรับมือกับวิกฤตโควิด-19
นางอรมน กล่าวว่า การลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ในเดือนพฤศจิกายน 2563 จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะเมื่อความตกลงอาร์เซ็ปมีผลใช้บังคับ จะกลายเป็นความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีประชากรเกือบ 3,600 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรโลก มีมูลค่า GDP กว่า 28.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 3 ของ GDP โลก รวมถึงจะเป็นเอฟทีเอฉบับที่ 14 ของไทย ซึ่งผู้ประกอบการและเกษตรกรของไทยควรเตรียมความพร้อมในการใช้ประโยชน์จากความตกลงที่สร้างโอกาสการส่งออกสินค้าเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่แห่งนี้
โดยสินค้าไทยที่คาดว่าจะมีโอกาสขยายตลาดเพิ่มขึ้น เช่น ส่วนประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติก และเคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เส้นใย เครื่องแต่งกาย กระดาษ ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ำมันพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืชและแป้ง แป้งมันสำปะหลัง แป้งสาคู สินค้าประมง อาหารแปรรูป และน้ำผลไม้ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน จะช่วยให้ผู้ผลิตเพื่อส่งออกไทยสามารถนำเข้าวัตถุดิบการผลิตที่หลากหลายและมีราคาที่ต่ำลงอีกด้วย อีกทั้งยังจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในไทยมากขึ้น และจะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และบันเทิง ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้ นั้น กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุน FTA เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงโครงการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก FTA ที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกรมฯ อยู่ระหว่างศึกษาและรวบรวมความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเรื่องการจัดตั้งกองทุน FTA และตั้งเป้าที่จะเสนอความเห็นเรื่องการดำเนินการต่อไปในเรื่องนี้ต่อระดับนโยบายในช่วงต้นปี 2564
ผู้สนใจสามารถรับชมการสัมมนาย้อนหลังได้ที่ Facebook ‘กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ’ รวมถึงสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความตกลงอาร์เซ็ปอย่างต่อเนื่อง ได้ทาง www.dtn.go.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูล FTA (FTA Center) โทร 0-2507-7555
‘พาณิชย์’ เดินหน้าแนะชาวสงขลาเตรียมใช้ประโยชน์และปรับตัวรับความตกลงการค้าฉบับใหม่ ‘อาร์เซ็ป’
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าแนะทุกภาคส่วนเตรียมใช้ประโยชน์และปรับตัวรับความตกลงการค้าฉบับใหม่ทั่วภูมิภาคต่อเนื่อง ถึงคิวจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดเวทีสัมมนาประชาพิจารณ์ ‘ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป’ ปลื้มผู้ประกอบการและเกษตรกรภาคใต้ตื่นตัว พร้อมนำความรู้ต่อยอดใช้ประโยชน์ และปรับตัวรับผลกระทบกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563 กรมฯ จัดสัมมนาประชาพิจารณ์ ‘ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป’ ณ โรงแรม ที อาร์ ร็อคฮิล อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ เกษตรกร ผู้ประกอบการ SME นักวิชาการ และภาคประชาสังคมกว่า 100 คน ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นและมุมมองประสบการณ์เพื่อเตรียมปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมรับฟังข้อมูลอาร์เซ็ปและโอกาสการค้าการลงทุนในประเทศสมาชิก รวมถึงแนวทางการรับมือกับวิกฤตโควิด-19
นางอรมน กล่าวว่า การลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ในเดือนพฤศจิกายน 2563 จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะเมื่อความตกลงอาร์เซ็ปมีผลใช้บังคับ จะกลายเป็นความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีประชากรเกือบ 3,600 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรโลก มีมูลค่า GDP กว่า 28.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 3 ของ GDP โลก รวมถึงจะเป็นเอฟทีเอฉบับที่ 14 ของไทย ซึ่งผู้ประกอบการและเกษตรกรของไทยควรเตรียมความพร้อมในการใช้ประโยชน์จากความตกลงที่สร้างโอกาสการส่งออกสินค้าเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่แห่งนี้
โดยสินค้าไทยที่คาดว่าจะมีโอกาสขยายตลาดเพิ่มขึ้น เช่น ส่วนประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติก และเคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เส้นใย เครื่องแต่งกาย กระดาษ ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ำมันพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืชและแป้ง แป้งมันสำปะหลัง แป้งสาคู สินค้าประมง อาหารแปรรูป และน้ำผลไม้ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน จะช่วยให้ผู้ผลิตเพื่อส่งออกไทยสามารถนำเข้าวัตถุดิบการผลิตที่หลากหลายและมีราคาที่ต่ำลงอีกด้วย อีกทั้งยังจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในไทยมากขึ้น และจะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และบันเทิง ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้ นั้น กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุน FTA เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงโครงการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก FTA ที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกรมฯ อยู่ระหว่างศึกษาและรวบรวมความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเรื่องการจัดตั้งกองทุน FTA และตั้งเป้าที่จะเสนอความเห็นเรื่องการดำเนินการต่อไปในเรื่องนี้ต่อระดับนโยบายในช่วงต้นปี 2564
ผู้สนใจสามารถรับชมการสัมมนาย้อนหลังได้ที่ Facebook ‘กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ’ รวมถึงสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความตกลงอาร์เซ็ปอย่างต่อเนื่อง ได้ทาง www.dtn.go.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูล FTA (FTA Center) โทร 0-2507-7555
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ