- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 14 September 2020 08:53
- Hits: 1740
‘พาณิชย์’ คาดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำความต้องการเข็มฉีดยาทั่วโลกพุ่ง แนะผู้ประกอบการปรับแผนการผลิต และใช้เอฟทีเอช่วยขยายตลาด
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าความต้องการสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ในกลุ่มเข็มและหลอดฉีดยาทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้น หลังคิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำเร็จ แนะผู้ประกอบการไทยเตรียมพร้อมปรับแผนการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งในและต่างประเทศ และใช้เอฟทีเอช่วยขยายตลาดไปต่างประเทศ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า เมื่อการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 สำเร็จ ความต้องการสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์กลุ่มที่ใช้ในการฉีดวัคซีน เช่น เข็มฉีดยา หลอดฉีดยา ทั่วโลกจะเพิ่มสูงยิ่งขึ้น เห็นได้จากสถิติการนำเข้าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย. 63) พบว่าหลายประเทศเริ่มสำรองและเพิ่มการนำเข้าเข็มฉีดยา อาทิ สหรัฐอเมริกา นำเข้า 403 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4% ญี่ปุ่น นำเข้า 97 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6% ฝรั่งเศส นำเข้า 67 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 0.4% รัสเซีย นำเข้า 28 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 11% เกาหลีใต้ นำเข้า 24 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4% ชิลี นำเข้า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 31% เช่นเดียวกับการนำเข้าหลอดฉีดยาที่เพิ่มขึ้น อาทิ สหรัฐอเมริกา นำเข้า 382 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4% ฝรั่งเศส นำเข้า 377 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6% ญี่ปุ่น นำเข้า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 23%) ฮ่องกง นำเข้า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 0.4% ชิลี นำเข้า 11 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 44% เปรู นำเข้า 11 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 30% เป็นต้น ซึ่งเป็นมูลค่าเมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2562
นางอรมน กล่าวว่า ไทย มีศักยภาพในการผลิตและส่งออกเข็มฉีดยาทำด้วยโลหะเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 6 ของโลก ขณะที่ในภาพรวมของการส่งออกเข็มและหลอดฉีดยา ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 11 ของโลก ผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสนี้ในการเตรียมความพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการ
ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมขยายการส่งออกไปประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย ซึ่งประเทศคู่เอฟทีเอของไทยทั้ง 18 ประเทศ ไม่เก็บภาษีศุลกากรจากไทยในสินค้าเข็มและหลอดฉีดยา รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกรายการ ส่งผลให้สินค้าของไทยได้เปรียบด้านราคาเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ประเทศต่างๆ จะทยอยลดเลิกอุปสรรคด้านภาษีในสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ในระยะยาวอีกด้วย
“ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย. 63) ไทยส่งออกสินค้าเข็มฉีดยาและหลอดฉีดยาสู่ตลาดโลก รวม 199.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 10.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 แบ่งเป็นการส่งออกเข็มฉีดยาทำด้วยโลหะ 62.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วนการส่งออก 31.5%) ขยายตัว 4% เข็มฉีดยาอื่นๆ 134.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วนการส่งออก 67.1%) ขยายตัว 14% และหลอดฉีดยาแบบมีหรือไม่มีเข็ม 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วนการส่งออก 1.4%) ขยายตัว 6% ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี และจีน สำหรับการส่งออกไปประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอด้วยรวม 86.3 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 43% ของการส่งออกเข็มและหลอดฉีดยาทั้งหมดของไทย ขยายตัว 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562” นางอรมน เสริม
หากต้องการตรวจสอบข้อมูลอัตราภาษีศุลกากร และกฎระเบียบทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับคู่เอฟทีเอ สามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ http://ftacenter.dtn.go.th หรือ FTA Center ชั้น 3 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โทร. 0 2507 7555
วัคซีนโควิด-19 ทำความต้องการ'เข็ม-หลอดฉีดยา'พุ่ง แนะใช้เอฟทีเอช่วยขยายตลาด
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศติดตามตลาด 'เข็มและหลอดฉีดยา'พบแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้น หลังการคิดค้นวัคซีนโควิด-19 เห็นแววสำเร็จ แนะผู้ประกอบการไทยเตรียมพร้อมปรับแผนการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการทั้งในและต่างประเทศ และใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอเป็นใบเบิกทางขยายตลาดต่างประเทศ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามตลาดสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์กลุ่มที่ใช้ในการฉีดวัคซีน เช่น เข็มฉีดยา และหลอดฉีดยา พบว่ามีแนวโน้มการขยายตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้ที่จะเพิ่มสูงขึ้น ตามการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใกล้จะประสบความสำเร็จ ซึ่งเห็นได้จากสถิติการนำเข้าสินค้าในกลุ่มดังกล่าวของทั่วโลกในช่วง 6 เดือนปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) ที่หลายประเทศเริ่มสำรองและเพิ่มการนำเข้า
โดยเข้มฉีดยา สหรัฐฯ นำเข้า 403 เหรียญสหรัฐ เพิ่ม 4% ญี่ปุ่น นำเข้า 97 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 6% ฝรั่งเศส นำเข้า 67 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 0.4% รัสเซีย นำเข้า 28 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 11% เกาหลีใต้ นำเข้า 24 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 4% ชิลี นำเข้า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 31% และหลอดฉีดยา สหรัฐฯ นำเข้า 382 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 4% ฝรั่งเศส นำเข้า 377 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 6% ญี่ปุ่น นำเข้า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 23% ฮ่องกง นำเข้า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 0.4% ชิลี นำเข้า 11 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 44% เปรู นำเข้า 11 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 30% เป็นต้น
นางอรมน กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกเข็มฉีดยาทำด้วยโลหะเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และในภาพรวมของการส่งออกเข็มและหลอดฉีดยา ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 11 ของโลก ผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสนี้ในการเตรียมความพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมขยายการส่งออกไปประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย ซึ่งประเทศคู่เอฟทีเอของไทยทั้ง 18 ประเทศ ไม่เก็บภาษีศุลกากรจากไทยในสินค้าเข็มและหลอดฉีดยา รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกรายการ ส่งผลให้สินค้าของไทยได้เปรียบด้านราคาเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง และยังมีแนวโน้มที่ประเทศต่างๆ จะทยอยลดเลิกอุปสรรคด้านภาษีในสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ในระยะยาวอีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) ไทยส่งออกสินค้าเข็มฉีดยาและหลอดฉีดยาสู่ตลาดโลก รวม 199.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.6% แบ่งเป็นการส่งออกเข็มฉีดยาทำด้วยโลหะ 62.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% คิดเป็นสัดส่วน 31.5% ของการส่งออกทั้งหมด เข็มฉีดยาอื่นๆ 134.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 14% สัดส่วน 67.1% และหลอดฉีดยาแบบมีหรือไม่มีเข็ม 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 6% สัดส่วน 1.4% โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ฝรั่งเศส เยอรมนี และจีน
ส่วนการการส่งออกไปยังประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอด้วยมีมูลค่ารวม 86.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 8% คิดเป็นสัดส่วน 43% ของการส่งออกเข็มและหลอดฉีดยาทั้งหมดของไทย โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น มูลค่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 9.48% จีน มูลค่า 10.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 8.72% เกาหลีใต้ มูลค่า 4.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 2.03% อาเซียน มูลค่า 4.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 77.07% และออสเตรเลีย มูลค่า 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 41.70%
ดูสถิติการส่งออก นำเข้า
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ