- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 23 October 2014 21:31
- Hits: 2806
แก๊สขึ้นไม่กระทบสินค้าพณ.เดินหน้าดันโครงการของดีราคาถูกรับปีใหม่
บ้านเมือง : พาณิชย์ ยันปรับราคาแก๊สขึ้นไม่กระทบต้นทุนสินค้า พร้อมผลักดันโครงการของดีราคาถูกเป็นของขวัญปีใหม่ เดินหน้าการค้าชายแดน เร่งขยายตลาดส่งออก ตั้งเป้าส่งออกปีหน้าโตร้อยละ 4-5 ขณะที่อดีตรองผู้ว่าแบงก์ชาติชี้เศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาฟื้นตัว
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้แต่ละกรมจัดทำรายละเอียดโครงการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนตามนโยบายรัฐบาล โดยกำหนดให้ส่งรายละเอียดวันที่ 24 ตุลาคมนี้ เพื่อรวบรวมนำเสนอและจัดทำโครงการต่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ตามกำหนดเริ่มโครงการวันที่ 15 ธันวาคม 2557 ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม 2558
ทั้งนี้ เบื้องต้นโครงการจะมีทั้งการจัดแคมเปญลดราคาสินค้าต่ำกว่าปกติ คัดเลือกสินค้าที่นิยมของผู้บริโภคจำหน่ายราคาพิเศษ ลดค่าธรรมเนียมการให้บริการต่างๆ รวมถึงขยายเวลาการให้บริการในช่วงปีใหม่ จัดอบรมฝึกอาชีพผู้ประกอบการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพประชาชนและมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชน และกระทรวงพาณิชย์จะยังคงอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2
ส่วนที่มีหลายฝ่ายกังวลเรื่องภาวะเงินฝืดและการปรับเพิ่มราคาแก๊สภาคครัวเรือนและค่าขนส่งนั้น มีผลต่อเงินเฟ้อขยับเพียงเล็กน้อย ไม่ถึงร้อยละ 0.001 เท่านั้น ดังนั้น ยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 2.2-2.8 อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า ซึ่งอยากย้ำให้ประชาชนอย่าได้ตระหนกเรื่องราคาสินค้าจะสูงขึ้น เพราะไม่มีเหตุผลที่ราคาจะปรับเพิ่มขึ้น
น.ส.ชุติมา กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกนาปี 2557/2558 หลังรัฐบาลใช้มาตรการต่างๆ จะช่วยพยุงราคาข้าวเปลือกหอมมะลิไม่ต่ำกว่าตันละ 15,400 บาท ตามเป้าหมายตันละ 15,000-16,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 12,000 บาท จากเป้าหมาย 13,000 บาท ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งหน้าจะเสนอขยายมาตรการช่วยเหลือชาวนาและพยุงราคาข้าว โดยขอให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขยายวงเงินสินเชื่อเงินกู้ระยะเวลา 4 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 จากร้อยละ 80 ของวงเงินกู้ เป็นร้อยละ 90 พร้อมให้ความสำคัญต่อการเจรจาขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และส่งออกเพิ่ม เป้าหมายคือ ตะวันออกกลาง จีน และแอฟริกา
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเป้าหมายการส่งออกปี 2558 ว่า ยังอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูลที่ได้รับจากทูตพาณิชย์และหารือกับภาคเอกชน ซึ่งต้นสัปดาห์หน้าจะหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ซึ่งน่าจะได้ความชัดเจนอีกระดับ อย่างไรก็ตาม ปี 2558 จะให้ความสำคัญกับการค้าชายแดน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักต่อการเพิ่มรายได้เข้าประเทศ โดยกำหนดเป้าหมายเพิ่มมูลค่าส่งออกให้ถึง 1.5 ล้านล้านบาท หรือขยายตัวเกือบร้อยละ 30 จากปีนี้มีมูลค่าประมาณ 990,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับพื้นที่ทำหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ เตรียมจัดกิจกรรมความร่วมมือระหว่างประเทศ จัดแสดงสินค้าชายแดน และโยกย้ายสำนักงานให้บริการไปอยู่ตามอำเภอชายแดน เพื่ออำนวยความสะดวก และเป้าหมายคาดการณ์การส่งออกปี 2558 ในยอดรวมตั้งเป้าหมายทำงานไว้ว่าจะเร่งผลักดันส่งออกให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4-5 หรือมีมูลค่ากว่า 220,000-230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลังจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะนำผลของการประชุมทูตพาณิชย์ไปประชุมร่วมกับภาคการส่งออกแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมต่อไป
ด้านนายบัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ซบเซา ว่า สะท้อนชัดเจนจากตัวเลขเศรษฐกิจเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่ยังไม่ดีขึ้น ทั้งการส่งออก การบริโภค การท่องเที่ยวและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต้องใช้เวลา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งมีผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ดังนั้น เมื่อปัจจัยต่างประเทศมีข้อจำกัดมากขึ้น และการบริโภคภายในประเทศยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน การดำเนินนโยบายควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง ซึ่งรัฐบาลได้เห็นข้อจำกัดในเรื่องนี้จึงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนดีขึ้น และเป็นการฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องติดตามว่าความเชื่อมั่นจะดีขึ้นตามที่คาดหวังหรือไม่ เนื่องจากอำนาจซื้อภาคครัวเรือนยังมีอยู่จำกัด จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ