- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 23 October 2014 21:30
- Hits: 2736
‘ฉัตรชัย’สั่งพาณิชย์จว.ดูแลสินค้าเกษตร
แนวหน้า : ‘ฉัตรชัย’สั่งพาณิชย์จว.ดูแลสินค้าเกษตร วางแผนจัดระบบผลิตตั้งแต่ต้นทาง ป้องกันราคาตกเกษตรกรเดือดร้อน
'ฉัตรชัย'สั่งพาณิชย์จังหวัดจับมือเกษตรจังหวัด วางแผนจัดระบบราคาสินค้าเกษตรไม่ให้เกษตรกรเดือดร้อน เตรียมชงนบข.ปรับมาตรการช่วยเหลือชาวนาขยายสินเชื่อวงเงินกู้ จาก 80% เป็น 90% จัดทำแผนขายของถูกลดค่าครองชีพให้ประชาชน
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่าได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดไปทำงานร่วมกับเกษตรจังหวัดจากเดิมที่ดูแลเฉพาะปลายทางโดยขอให้ร่วมกันวางแผนสินค้าเกษตรตั้งแต่เริ่มปลูกสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพดี, การเข้าไปกำกับดูแลราคาสินค้าให้มีความเหมาะสม มีการตรวจสอบตลอดเวลา, ให้ข้าราชการทุกคนนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการยึดถือปฏิบัติ และได้มอบหมายให้พาณิชย์แต่ละจังหวัดคิดแนวทางในการรักษาราคาสินค้าเกษตรในจังหวัด ว่ามีวิธีการอย่างไร ควรมีมาตรการใดมารองรับ ควรช่วยเหลือดูแลอย่างไร ก่อนนำมาเสนอให้ตนอีกครั้ง ในการประชุมครั้งต่อไปที่จะจัดทุกเดือนเช่นที่เชียงใหม่มีลำไยควรต้องดูแลอย่างไรให้เหมาะสมไม่ให้เกษตรกรเดือดร้อน
สำหรับ ราคาข้าวขณะนี้ พบว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในวันที่ 24 ตุลาคมนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอมาตรการให้โรงสีรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด 100-200 บาท ต่อตันไปเก็บไว้ในคลังของโรงสี และนำมาหมุนเวียนในตลาด ซึ่งภาครัฐจะชดเชยดอกเบี้ยให้โรงสี 3%, มาตรการให้เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง ชะลอการขายไว้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)จะให้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 4 เดือนซึ่งจะเก็บดอกเบี้ยตามปกติในเดือนที่ 5 และในการประชุม นบข. ครั้งนี้กระทรวงจะเสนอให้ขยายมาตรการช่วยเหลือชาวนาและพยุงราคาข้าว โดยขยายสินเชื่อวงเงินกู้จากเดิม 80% เป็น 90% ของมูลค่าข้าว
ส่วนการระบายข้าวนั้นกระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะระบายโดยวิธีการต่างๆอยู่แล้ว แต่การระบายต้องไม่กระทบต่อกลไกตลาด ต้องระบายอย่างระมัดระวัง และยอมรับว่าขณะนี้มีความต้องการข้าวจากหลายๆ ที่ รวมถึงความต้องการจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน ซึ่งในเร็วๆนี้อาจมีการเซ็นสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ขึ้น โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดข้อตกลงต่างๆ รวมถึงปริมาณด้วย
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงการประชุมติดตามผลการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ว่าเรื่องที่หารือประกอบด้วย การบริหารจัดการสินค้าเกษตรเชิงรุก โดยเน้นดูแลสินค้าเกษตรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ โดยเฉพาะการรักษาระดับราคาข้าว ซึ่งข้าวขาวต้องไม่ต่ำกว่า 8,500 บาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิไม่ต่ำกว่า 15,000-16,000 บาท ต่อตัน และราคาข้าวเหนียวไม่ต่ำกว่า 13,000 บาทต่อตัน เป็นต้น อีกทั้งจะเร่งผลักดันการส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะการขายแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ไปยังประเทศแถบแอฟริกา ตะวันออกกลาง และจีน
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการดูแลค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งได้ให้แต่ละกรมไปจัด โครงการมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล โดยให้นำเสนอแผนรายละเอียดภายในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ก่อนที่จะเสนอต่อรมว.พาณิชย์ เพื่อให้ทันการจัดงานช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ พร้อมกันนี้จะขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้า ร้านค้าและโมเดิร์นเทรดจัดมหกรรมลดราคาสินค้าทั่วไทยรวมถึงยังมีแผนจะให้ยกเว้นค่าใช้จ่ายในการอบรมของกรมต่างๆ และการเพิ่มช่วงเวลาการให้บริการของกรม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว
ส่วนการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง และเอ็นจีวีพบว่า มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อน้อยมากและไม่น่าเป็นสาเหตุให้นำมาปรับขึ้นราคาสินค้าในขณะนี้ซึ่งประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะกระทรวงพาณิชย์จะติดตามดูแลราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยจะยังคงอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ไม่ต่ำกว่า 2% ยังอยู่ในกรอบ 2.2-2.8% และไม่น่าจะอยู่ในภาวะเงินฝืด
สำหรับ ในปี 2558 จะส่งเสริมการส่งออกโดยเฉพาะการค้าชายแดนมากขึ้น โดยตั้งเป้าให้มีมูลค่าถึง 1.5 ล้านล้านบาทจากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 9 แสนล้านบาท หรือให้เติบโตกว่า 20-30%
ฉัตรชัย สั่ง'เข้มงวด'ราคาสินค้า ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน หาทางแก้'พืชเกษตร'ตก
ไทยโพสต์ : พาณิชย์ * พล.อ.ฉัตรชัยกำชับพาณิชย์จังหวัด ค้าภายในจังหวัด กำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค-สินค้าเกษตรในพื้นที่อย่างเข้มงวด อย่าให้ประชาชน เกษตรกรเดือดร้อน สั่งหาแนวทางป้องกันสินค้าเกษตรตกต่ำ 'ชุติมา'ขีดเส้น 24 ต.ค.นี้ ให้ทุกกรมยื่นแผนมอบของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ก่อนดีเดย์ 15 ธ.ค.
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลัง การมอบนโยบายให้กับพาณิชย์จังหวัด และการค้าภายในจัง หวัด ว่า ได้กำชับให้กำกับดูแลราคาสินค้า ทั้งสินค้าอุปโภคบริ โภค และสินค้าเกษตรในพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด ไม่ให้ประชาชนและเกษตรกรเดือด ร้อน โดยต้องออกไปสำรวจสถาน การณ์การผลิต การค้าอย่างใกล้ชิด ไม่มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า จนประชาชนเดือดร้อน
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการบ้าน ให้พาณิชย์จังหวัด คิดหาวิธีการผลักดันราคาสินค้าเกษตรในพื้นที่ไม่ให้ตกต่ำ และต้องทำ งานร่วมกับทุกภาคส่วนในจัง หวัด โดยเฉพาะเกษตรจังหวัด ในการวางแผนการผลิตสินค้าเกษตร และการขาย เพื่อไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด จนเกิดปัญหาราคาตกต่ำ โดยจากนี้ไปจะมี การประชุมร่วมกับพาณิชย์จัง หวัด และการค้าภายในจังหวัดเดือนละครั้ง เพื่อกวดขันการทำ งานให้ได้ตามนโยบายที่ให้ไป
ส่วนราคาข้าวเปลือก ขณะนี้ได้รับรายงานว่า บางชนิดราคา สูงกว่าเป้าหมาย และบางชนิดใกล้ชิดราคาเป้าหมาย เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ขณะนี้ตันละ 8,200-8,600 บาท จากราคาเป้าหมายตันละ 8,500 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิใกล้เคียงเป้าหมายที่ตันละ 15,000-16,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดข้าว (นบข.) วันที่ 24 ต.ค.นี้ จะมีการเสนอมาตรการเสริมอื่นๆ ในการพยุงราคาข้าวเปลือกในประเทศให้ไม่ต่ำกว่าราคาเป้าหมาย
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว ภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหาร ระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้มอบหมายให้แต่ละกรมไปดำเนินการพิจารณาว่าจะทำ อะไรเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับ ประชาชน เพื่อมาจัดทำเป็นแพ็ก เกจของขวัญปีใหม่ในนามกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป้าหมายจะเน้นการลดค่าครองชีพ ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งทุกกรมจะต้องส่งรายละเอียดภายในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ก่อนที่จะเสนอให้ พล.อ.ฉัตรชัยพิจารณา
ทั้งนี้ รายละเอียดของแพ็ก เกจของขวัญปีใหม่ จะเน้นการลดราคาสินค้าให้ต่ำกว่าปกติ โดยเฉพาะรายการที่ประชาชนนิยมใช้สอยมากในชีวิตประจำวัน โดยจะร่วมมือกับผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ ในการลดราคา การร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า และร้าน ค้าต่างๆ ในการจัดมหกรรมลดราคาพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไป จนถึงเดือน ม.ค.2558 ขณะเดียวกันจะลดหรือไม่เก็บค่าเข้าร่วมงานฝึกอบรมหรืองานสัมม นาต่างๆ ที่เดิมอาจมีค่าใช้จ่าย รวมทั้งจะขยายระยะเวลาการให้บริการงานต่างๆ และลดขั้นตอนการให้บริการ เป็นต้น
น.ส.ชุติมา กล่าวถึงการส่งออก เบื้องต้นปี 2558 ประเมินว่าจะขยายตัว 4-5% ซึ่งจะนำตัวเลขนี้ไปหารือกับภาคเอกชนอีกครั้ง ก่อนสรุปตัวเลขอย่างเป็นทางการ.
