WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1a4DB4พันธกิจ

ตลาดนำการผลิต! จุรินทร์ นำลุย 4 พันธกิจ จัดทำ 'ยุทธศาสตร์ข้าวไทย' ให้เป็นผู้นำการผลิต การตลาด และผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก

       นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทํายุทธศาสตร์ข้าวไทย ครั้งที่ 2/2563 ณ ห้องประชุมกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายกสมาคมค้าข้าวไทย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย นายกสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว  นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย พร้อมหน่วนงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

        หลังการประชุม นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีข้อสรุปเรื่องยุทธศาสตร์ข้าวไทย ดังนี้ วิสัยทัศน์ซึ่งเป็นภาพใหญ่ที่สุดต้องการทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านการผลิตการตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” และมีพันธกิจสำคัญทั้งหมด 4 ด้าน 1.ด้านตลาดต่างประเทศ 2.ด้านตลาดในประเทศ 3.ด้านการผลิต 4.ด้านการแปรรูปและนวัตกรรม ได้แบ่งข้าวออกเป็น 7 ชนิด ประกอบด้วย 1.ข้าวหอมมะลิ 2.ข้าวหอมไทย 3.ข้าวพันธุ์พื้นนุ่ม 4.ข้าวพันธุ์พื้นแข็ง 5.ข้าวนึ่ง 6.ข้าวเหนียว และ 7.ข้าวที่มีตลาดเฉพาะข้าวสี โดยตลาดแบ่งออกเป็น 3 ตลาด 1.ตลาดพรีเมียม 2.ตลาดทั่วไป 3.ตลาดเฉพาะ

        สำหรับ 4 พันธกิจที่จะต้องดำเนินการ คือ 1. ตลาดต่างประเทศ จะมุ่งเน้นในเรื่องการสนองต่อความหลากหลายของตลาดข้าวซึ่งมีความต้องการข้าวที่หลากหลายชนิดที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวพื้นนุ่มที่เป็นความต้องการของตลาดในปัจจุบันรวมทั้งการลดต้นทุนทางการตลาด

  1. ตลาดในประเทศ จะดำเนินการในการสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของการบริโภคในประเทศและการผลิตในประเทศ
  2.       ด้านการผลิตที่ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องใช้สนองตอบต่อความต้องการของตลาดจะดำเนินการ เช่น ประการที่หนึ่ง ลดต้นทุนการผลิตให้เหลือไม่เกินไร่ละ 3,000 บาท จากปัจจุบันเฉลี่ยที่ไร่ละ 6,000 บาท ประการที่สอง จะดำเนินการในเรื่องของการเพิ่มข้าวพันธุ์ใหม่ให้ได้ไม่น้อยกว่า 12 พันธุ์ ในช่วงระยะเวลา 5 ปี โดยมุ่งเน้นเป้าหมายที่จะได้พันธุ์ข้าวที่มีลักษณะ สั้น เตี้ย ดก ดี โดย 12 พันธุ์ จะประกอบด้วยข้าวนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวหอมไทย 2 พันธุ์ และข้าวที่มีโภชนาการสูง 2 พันธุ์  และจะดำเนินการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อส่งเสริมให้มีการวิจัยพัฒนาพันธุ์เพื่อนำไปสู่การแข่งขันในตลาดข้าวโลกได้ต่อไป สำหรับปี 2564 จะเป็นกรณีพิเศษจะมีการจัดประกวด 2 ครั้ง คือ ในต้นปี และปลายปี
  3.         เรื่องของการแปรรูปและนวัตกรรม จะมุ่งเน้นการวิจัยและการคิดค้นนวัตกรรมจากข้าวเพื่อสนองความต้องการของตลาด และประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นได้แต่ละชนิดทำจากข้าวชนิดใดบ้างและมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมมีผลิตภัณฑ์ชนิดใดอย่างไร และเน้นในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้กับผู้วิจัยและผู้ประกอบการที่คิดค้นนวัตกรรมจากข้าว การปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอนและการอนุมัติอนุญาตและแหล่งทุน เป็นต้น สุดท้ายจะดำเนินการในการช่วยหาช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กับสินค้าแปรรูปและสินค้านวัตกรรมที่ทำจากข้าว

       “ถัดจากนี้จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ต่อไป เพื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ” นายจุรินทร์กล่าว

1a4DB4พันธกิจ63 67

จุรินทร์ ดันยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี โฟกัส 7 ชนิด พร้อมทำแผนตลาด ผลิต พัฒนานวัตกรรม

      จุรินทร์ นั่งหัวโต๊ะ เคาะยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 63-67 ชูเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก แบ่งกลุ่มข้าว 7 ชนิดตามที่ตลาดต้องการ ก่อนทำแผนลุย ทั้งทำตลาดต่างประเทศ ตลาดในประเทศ การลดต้นทุนการผลิต และการพัฒนานวัตกรรมข้าว เตรียมสรุปชง นบข. พิจารณา และนำเข้า ครม.เห็นชอบต่อไป

      นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการกำหนดวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ซึ่งได้จัดกลุ่มข้าวไทยออกเป็น 7 ชนิดตามความต้องการของตลาด คือ ตลาดพรีเมียม ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิไทย ตลาดทั่วไป ข้าวขาวพื้นนุ่ม ข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวนึ่ง และตลาดเฉพาะ ข้าวเหนียว ข้าวสีและข้าวคุณลักษณะพิเศษ

                ทั้งนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ดังกล่าว ได้กำหนดยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2563-67 โดยจะดำเนินการใน 4 ด้าน คือ ด้านการตลาดต่างประเทศ ตลาดการตลาดในประเทศ ด้านการผลิต และด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ซึ่งแต่ละด้านจะมีแผนงานที่ชัดเจน โดยจากนี้จะเร่งสรุปแผนเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เพื่อพิจารณา และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบในขั้นสุดท้ายต่อไป

                สำหรับ แผนการทำงานด้านการตลาดต่างประเทศ จะมุ่งเน้นการพัฒนาข้าวที่จะสนองตอบต่อความหลากหลายของตลาดข้าว ซึ่งมีความต้องการหลายชนิด โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่มที่ตลาดต้องการในปัจจุบัน แต่ต้องมีคุณภาพสูง และจะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนให้กับการส่งออกข้าวไทย เพื่อให้แข่งได้

      ด้านตลาดในประเทศ จะสร้างความสมดุลของความต้องการบริโภคในประเทศและการผลิตให้สอดคล้องกัน โดยใช้การตลาดนำการผลิต ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการส่งเสริมการปลูกข้าวที่ตลาดต้องการ และจะช่วยบริหารจัดการข้าว ทั้งการเชื่อมโยงการซื้อขายข้าว และการจำหน่าย

         ด้านการผลิต จะดำเนินการลดต้นทุนการผลิตให้เหลือไม่เกินไร่ละ 3,000 บาท ภายใน 5 ปี , เร่งเพิ่มพันธุ์ข้าวใหม่ไม่น้อยกว่า 12 พันธุ์ มุ่งเน้นพันธุ์ข้าวที่มีลักษณะ สั้น เตี้ย ดก ดี โดยมีข้าวพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวหอมไทย 2 พันธุ์ และข้าวโภชนาการสูง 2 พันธุ์ และจะเร่งเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเฉลี่ย 450 กิโลกรัม (กก.)ต่อไร่ เพิ่มเป็นเฉลี่ย 600 กก.ต่อไร่ ภายใน 5 ปี และบางชนิดน่าจะเพิ่มเป็น 1,000 กก.ต่อไร่ได้

     ด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม จะมุ่งเน้นการวิจัย คิดค้นนวัตกรรมข้าว เพื่อตอบสนองความต้องการ และจะเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ผลิตภัณฑ์ข้าวที่ผลิตได้และนำออกจำหน่ายทำมาจากอะไร เช่น เครื่องสำอาง ทำมาจากข้าว ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ เป็นต้น และยังจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ โดยจะปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอน และช่วยเหลือด้านแหล่งเงินทุน รวมทั้งช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

      นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวที่ได้จัดทำขึ้นนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ข้าวไทยแข่งขันได้ และเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ และช่วยให้เกษตรกรขายข้าวได้คุ้มกันต้นทุนการผลิต ส่วนการส่งออกจะเป็นที่ 1 หรือไม่ใช่ที่ 1 ไม่สำคัญ เพราะคู่แข่งของไทย ทั้งจีน อินเดีย มีพื้นที่เพาะปลูก มีผลผลิตข้าวมากกว่าไทย ส่วนไทยมีพื้นที่เพาะปลูกจำกัด หากจะอยู่ในลำดับที่ 2 หรือ 3 ไม่เสียหาย ขอให้ข้าวไทยเป็นที่ต้องการ และราคาข้าวในประเทศไม่ตกต่ำดีกว่า

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!