- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 01 August 2020 22:28
- Hits: 8672
อาเซียน-ญี่ปุ่นทำแผนสู้วิกฤตโควิด-19 ยินดีความตกลง AJCEP ดีเดย์บังคับใช้ 1 ส.ค.นี้
อาเซียน-ญี่ปุ่น ทำแผนปฏิบัติการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 เห็นพ้องเดินหน้าลงนามความตกลง “อาร์เซ็ป” เพิ่มความร่วมมือยานยนต์และเคมีภัณฑ์ ยกระดับฝีมือแรงงาน การพัฒนาการค้าดิจิทัล และผลักดันใช้เทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพ MSMEs พร้อมยินดีที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่นฉบับใหม่ จะมีผลบังคับ 1 ส.ค.นี้ เผยไทยมีโอกาสเข้าไปทำธุรกิจบริการในญี่ปุ่นได้เพียบ
นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2563 ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ว่าด้วยการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยได้หารือและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค และเห็นร่วมกันที่จะเดินหน้ารักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดระหว่างกัน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19
โดยกิจกรรมที่จะเร่งดำเนินการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจมีกว่า 50 โครงการ เช่น การลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ภายในปีนี้ เร่งส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมยานยนต์และเคมีภัณฑ์ ยกระดับทักษะฝีมือแรงงานในภาคอุตสาหกรรมให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี พัฒนาการค้าดิจิทัลระดับภูมิภาค ผลักดันการใช้เทคโนโลยีในการเสริมสร้างประสิทธิภาพและศักยภาพของธุรกิจ MSMEs เป็นต้น
“มั่นใจว่า การดําเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว ที่ผ่านการรับรองของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย และจะช่วยบรรเทาผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งยกระดับความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างแน่นอน”นายสรรเสริญกล่าว
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายร่วมแสดงความยินดีที่พิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.2563 เพราะจะเป็นการยกระดับความตกลง AJCEP ให้ครอบคลุมครบทั้งการค้าสินค้าและบริการ การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และการลงทุน อันจะเสริมสร้างความเชื่อมั่น แก่นักธุรกิจและนักลงทุนญี่ปุ่นในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ ภายใต้ AJCEP ญี่ปุ่นได้ตกลงที่จะเปิดตลาดการค้าบริการให้ไทย ในสาขาที่ไทยสนใจและมีศักยภาพ และเปิดมากกว่าที่ญี่ปุ่นเคยให้ไทยในองค์การการค้าโลก (WTO) และในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย–ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยสามารถถือหุ้นได้ 100% ในสาขาบริการ เช่น โฆษณา ร้านอาหาร จัดประชุม จัดทัวร์และนำเที่ยว สปา โรงแรม จัดเลี้ยง บริการด้านการแพทย์และทันตกรรม วิชาชีพพยาบาล บริการคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น และบริการอื่นๆ เช่น บริการซักล้างทำความสะอาด บริการซักผ้า รีดผ้า บริการทำผมและเสริมสวย รวมถึงการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา หรือการเข้าไปทำงานในญี่ปุ่น ได้อนุญาตเป็นการชั่วคราวกับผู้ให้บริการ นักลงทุน และคู่สมรส รวมถึงบุตร จากอาเซียน เข้าไปให้บริการในกลุ่มสาขาและประเภทที่ระบุไว้ได้ยาวนานสูงสุดถึง 5 ปี
ส่วนไทยได้เปิดตลาดให้ญี่ปุ่น เช่น ด้านพยากรณ์อากาศและอุตุนิยมวิทยา บริการด้านการวิจัยและพัฒนา บริการล่ามและแปลเอกสาร บริการให้คำปรึกษาทางวิทยาศาสตร์โดยนักวิทยาศาสตร์และนักสถิติ โดยผู้ประกอบการญี่ปุ่นสามารถถือหุ้นได้ 70% ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกมาตรฐานภาคบริการของไทยได้
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ