WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1abABชาวนาเฮ

ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวเดินหน้าประกันรายได้ข้าวปี 63/64 เงื่อนไขเดิม เริ่ม 1 ก.ย.นี้

   ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบในหลักการให้ฝ่ายเลขานุการขอรับงบประมาณโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2561/62 ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรร โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้ติดตามผลการลงทะเบียนการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพื่อให้ภาครัฐบริการจัดการในหลายด้านทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์

       สำหรับ สถานการณ์ข้าวโลกขณะนี้ผลผลิตข้าวโลก คาดว่าจะมี 502.09 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.58 เนื่องจากผลผลิตข้าวของประเทศผู้ผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สต็อกข้าวโลก ปลายปี 63/64 คาดว่าจะอยู่ที่ 185.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.26 โดยจีนมีสต็อกข้าว 117.50 ล้านตัน รองลงมาคืออินเดีย 38 ล้านตัน ไทย 4.19 ล้านตัน การส่งออกข้าวไทยเทียบกับประเทศผู้ส่งออกสำคัญ วันที่ 1 ม.ค. - 8 ก.ค.63 อินเดียส่งออกอันดับ 1 ของโลก 4.65 ล้านตัน รองลงมาได้แก่ เวียดนาม 4.17 ล้านตัน ไทย 3.15 ล้านตัน ปากีสถาน 2.07 ล้านตัน สหรัฐฯ 1.61 ล้านตัน การค้าข้าวในตลาดโลก ไทยส่งออกลดลงเนื่องจากข้าวไทยมีราคาสูง ราคาข้าวไทยเทียบกับประเทศผู้ส่งออกสำคัญ ในเดือน ก.ค.63 ราคาข้าวไทยปรับตัวลดลงเนื่องจากอินเดียและเวียดนามกลับมาส่งออกข้าวได้ตามปกติ ความต้องการซื้อข้าวไทยจึงมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง แนวโน้มสถานการณ์การส่งออกข้าวไทย เมื่อเดือน ม.ค.63 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดการณ์เป้าหมายการส่งออกข้าวปี 63 ไว้ที่ 7.5 ล้านตัน โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ ปัจจัยสนับสนุนการส่งออกข้าวไทย ได้แก่ ไทยได้รับจัดสรรโควตาประมูลนำเข้าข้าวจากเกาหลีใต้ ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดประมูลนำเข้าข้าวอย่างต่อเนื่องจึงเป็นโอกาสการส่งออกข้าวไทย มาเลเซียและอินโดนีเซียอาจนำเข้าข้าวในช่วงครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการส่งออกข้าวไทย ได้แก่ ข้าวไทยราคาสูงกว่าคู่แข่ง

    จุรินทร์ เผยที่ประชุม นบข. ที่มี 'บิ๊กตู่' เป็นประธาน ไฟเขียวเดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 ประกันรายได้ข้าว 5 ชนิด และกำหนดปริมาณเท่าเดิม เริ่ม 1 ก.ย.นี้ พร้อมอนุมัติการใช้มาตรการเสริม ทั้งการชะลอการขายข้าว ให้เงินกู้ซื้อข้าวเก็บโดยชดเชยดอกเบี้ย 3% และจ่ายค่าบริหารจัดการและปรับปรุงคุณภาพให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่

      นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 3/2563 ที่ห้องประชุมภักดีบดินทร์ ทําเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเป็นประธาน ได้มติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในฤดูการผลิตที่จะมาถึงนี้ โดยรายละเอียดหลักการทั้งหมด เป็นไปทางเดียวกับที่ได้ประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวมาเมื่อปีที่ผ่านมา ทั้งชนิดของข้าว 5 ชนิด และในเรื่องของวงเงินประกันรายได้ก็เช่นเดียวกัน โดยจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2563 เป็นต้นไป จนกระทั่งสิ้นฤดูการผลิตประมาณเดือนพ.ค.2564

       ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการเสริมในเรื่องข้าว โดยจะให้มีการชะลอการขายข้าว ถ้าสมมุติเป็นระยะเวลาที่ข้าวออกมาก ซึ่งจะไปกดราคาตลาดของข้าว ถ้าเป็นเกษตรกรเก็บข้าวไว้ ไม่ขาย จะมีเงินชดเชยให้ 1,500 บาทต่อตัน ถ้าเป็นสถาบันเกษตรกร จะมีเงินให้ 1,500 บาทเหมือนกัน แต่สถาบันจะได้ 1,000 บาท และเกษตรกรจะได้ 500 บาท และจะช่วยในเรื่องของเงินกู้ โดยรัฐบาลจะช่วยดอกเบี้ย 3% สำหรับสถาบันเกษตรกรและโรงสี ที่ไปซื้อข้าวมาเก็บไว้ในช่วงที่ข้าวออกมาก เพื่อไม่ทำให้ข้าวราคาตก ส่วนมาตรการเสริมสุดท้ายสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จะช่วยในเรื่องของค่าบริหารจัดการและการปรับปรุงคุณภาพ รายละไม่เกิน 20 ไร่ ไร่ละ 1,000 บาท

       “ที่ผ่านมา เราแบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนที่หนึ่ง ก็คือ ต้นทุน 500 บาท กับเรื่องของค่าเก็บเกี่ยว 500 บาท ซึ่งในอดีต ก็มีปัญหามาโดยตลอด เพราะค่าเก็บเกี่ยว บางครั้งเวลาเกิดภัยพิบัติ ไม่มีข้าวให้เก็บเกี่ยว ก็เป็นประเด็นปัญหาว่าควรจะได้ 500 บาทหรือไม่ สุดท้ายจึงใช้วิธีเอามารวมกันให้ไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งเรียกว่าค่าบริหารจัดการและปรับปรุงคุณภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร"นายจุรินทร์กล่าว

      รายงานแจ้งว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 กำหนดราคาเป้าหมายและปริมาณต่อครัวเรือนเท่ากับปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยข้าว 5 ชนิดดังนี้ คือ 1.ข้าวหอมมะลิ 15,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน 2.ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน 3.ข้าวเจ้า 10,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน 4.ข้าวหอมปทุมธานี 11,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ 5.ข้าวเหนียว 12,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!