WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

01 C. Big Jurin

จุรินทร์ ช่วยหาตลาดส่งออก'ลำไย'จัดเจรจาจับคู่ธุรกิจ คาดซื้อขายไม่ต่ำกว่า 550 ล้าน

      จุรินทร์ เยี่ยมชมการจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ หาตลาดส่งออกให้กับสินค้าลำไยและผลิตภัณฑ์ เผยมีผู้ส่งออกไทย 27 ราย เจรจากับผู้นำเข้า 65 รายจาก 8 ประเทศ คาดมีการจับคู่เจรจาธุรกิจไม่ต่ำกว่า 290 คู่ เกิดการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 11,000 ตัน มูลค่า 550 ล้านบาท พร้อมสั่งจัดต่อ เจรจาซื้อขายกับผู้นำเข้าเมียนมา มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน

   นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเข้าเยี่ยมชมการจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์สินค้าลำไยและผลิตภัณฑ์ลำไย ที่ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดขึ้นในวันที่ 16 ก.ค.2563 ว่า การจัดงานครั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้กับผู้ส่งออกไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยมีผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ 27 ราย มีผู้นำเข้าจาก 8 ประเทศ จำนวน 65 ราย ได้แก่ จีน ฮ่องกง อินเดีย บังคลาเทศ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และฝรั่งเศส มาร่วมเจรจา โดยคาดว่าจะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจไม่ต่ำกว่า 290 คู่ มีเป้าหมายซื้อลำไยสดและผลิตภัณฑ์ไม่ต่ำกว่า 11,000 ตัน มูลค่า 550 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ

       “เดิมตลาดส่งออกลำไยเกือบทั้งหมด เป็นตลาดจีน มีเวียดนามบางส่วน และมีอินโดนีเซียส่วนหนึ่ง แต่วันนี้ได้ขยายตลาดเพิ่มเติม โดยเชิญผู้นำเข้าจากประเทศอื่นๆ ให้มาร่วมเจรจาด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้กับลำไยของไทย และยังได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์เพิ่มอีก โดยเชิญผู้นำเข้าจากประเทศเมียนมา มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน มาเจรจากับผู้ส่งออกไทย ในช่วงเดือนส.ค.2563 อีกครั้ง”นายจุรินทร์กล่าว

     สำหรับ ผลผลิตลำไยในปี 2563 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 20% แต่ปีนี้ผลผลิตมีปัญหาเรื่องคุณภาพไม่ดี ผิวลำไยมีสีคล้ำ ทำให้ตลาดพรีเมี่ยมติดขัดบ้าง แต่ก็ได้เตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว ทั้งการกระจายผลผลิตจำหน่ายตลาดในประเทศ และผลักดันส่งออก เพื่อดูแลราคาให้กับเกษตรกร

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ดังกล่าว เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับผลไม้ไทย ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ช่องทางการค้าปกติชะงัก จึงได้ใช้ช่องทางออนไลน์เข้ามาช่วย ทั้งการจำหน่ายในประเทศ และการส่งออก โดยที่ผ่านมา ได้จัดงาน Thai Fruit Golden Month เพื่อจำหน่ายผลไม้ทางออนไลน์ การจัดการเจรจาซื้อขายผลไม้ออนไลน์ สินค้ามะม่วง มังคุด และทุเรียน กับผู้นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

      ทั้งนี้ สถานการณ์การส่งออกลําไย ปี 2562 ไทยมีการส่งออกลําไยและผลิตภัณฑ์ ปริมาณ 758,061 ตัน มูลค่า 30,159.45 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกลําไยสด 583,297 ตัน มูลค่า 20,810.01 ล้านบาท ลําไยอบแห้ง 164,593 ตัน มูลค่า 8,783.05 ล้านบาท ลําไยกระป๋อง 10,143 ตัน มูลค่า 561.39 ล้านบาท และลําไยแช่แข็ง 29 ตัน มูลค่า 5.01 ล้านบาท โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน สัดส่วน 73.6% และเวียดนาม สัดส่วน 16.9%

จุรินทร์ นำ กระทรวงพาณิชย์บุกตลาดลำไย ด้วย การจับคู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ 2วัน เป้ากว่า 10,000 ตัน ร่วม 550 ล้านบาท

     นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดตามงานที่มอบหมายกระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศดำเนินการ ช่วยเกษตรกรหาตลาดลำไย ด้วย กิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching) สินค้าลําไยและผลิตภัณฑ์จากลําไย ที่ห้อง Online Business Matching (50505) ชั้น 5 และห้อง ประชุม (50601) ชั้น 6 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ อาคารริมน้ำ โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและคณะได้เยี่ยมชมการจัดพบปะ Online นี้พร้อมประชุมติดตามด้วยระบบ conference  ข้ามประเทศและติดตามการรายงานงานกับพาณิชย์จังหวัดกับผู้ประกอบการ พร้อมกันด้วย

          นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้เป็นเรื่องของการที่จะหาตลาด ในประเทศให้กลับลำไย ในช่วงโควิดโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายให้กับลูกค้าต่างประเทศมาใช้ระบบออนไลน์ด้วยการจัดระบบการจับคู่ทางธุรกิจ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าจากต่างประเทศให้มาพบกันบนออนไลน์ซึ่งการจัดจับคู่ธุรกิจเที่ยวนี้ประกอบด้วยผู้ส่งออกไทย 27 รายและผู้นำเข้าจาก 8 ประเทศ 65 บริษัทด้วยกัน ซึ่งปกติตลาดลำไยส่งออกของไทยเกือบจะเรียกได้ว่าทั้งหมด เป็นตลาดจีน มีเวียดนามบ้างบางส่วนซึ่งเวียดนามก็ส่งออกไปยังจีน และมีอินโดนีเซียส่วนนึง แต่ว่าครั้งนี้เป็นเป้าหมายที่เราต้องการที่จะขายตลาดเพิ่มเติมนอกจากตลาดจีน ตลาดอินโดนีเซีย ก็มีการนำผู้นำเข้าจากประเทศอื่นๆมาร่วมจับคู่ทางธุรกิจออนไลน์ร่วมด้วย ประกอบด้วยฮ่องกง อินเดีย บังคลาเทศ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน ฝรั่งเศส นอกเหนือจากประเทศจีน

          ซึ่งจะเป็นช่องทางการขยายตลาดเพื่อเตรียมตลาดสำรองไว้นอกจากตลาดจีน รวมทั้งสำรองไว้นอกจากตลาดอินโดนีเซียซึ่งคาดว่าจะมีการจับคู่ทำสัญญากันได้ไม่ต่ำกว่า 290 คู่ สำหรับการดำเนินการเที่ยวนี้ในช่วงสองวันคือวันนี้กับวันพรุ่งนี้ ก็มีเป้าหมายทั้งหมด 11,000 ตันและในวงเงินคาดว่าประมาณ 550 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ ซึ่งในช่วงยังไม่ครบวันสำหรับวันนี้ขายไปได้แล้ว 4,000 กว่าตันโดยขายให้กับชิงเต่าจากประเทศจีน แต่ก็มีการทำสัญญาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในช่วงระยะเวลานี้ สำหรับแผนงานต่อไปในเดือนหน้าก็จะจัดรูปแบบลักษณะนี้อีกครั้งหนึ่งโดยจะเพิ่มในตลาดเมียนม่า ตลาดมาเลเซีย ตลาดญี่ปุ่น และตลาดไต้หวัน นอกจากตลาดจีนซึ่งถือว่าเป็นตลาดหลักของเรา

          นายจุรินทร์ กล่าวว่า ผลผลิตลำไยที่คาดการณ์ไว้สำหรับปีนี้จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% คาดการณ์ไว้โดยกระทรวงเกษตร แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็มาเจอปัญหาช่วงนี้ ในเรื่องของคุณภาพเพราะว่าเจอฝนก็ทำให้ตลาดพรีเมียมของเราโดยเฉพาะตลาดจีนติดขัด เนื่องจากผู้ส่งออกของเราบอกว่าทำให้ลำไยผิวคล้ำขึ้นซึ่งตลาดจีนต้องการผิวสีอ่อนและสวยลูกใหญ่ถ้าตลาดผิวคล้ำอาจจะเป็นที่ต้องการของประเทศอินโดนีเซีย ต้องปรับตลาดไปสู่ตลาดอินโดนีเซียให้มากขึ้นรวมทั้งตลาดใหม่ๆที่เราเตรียมการไว้

          ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!