- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 10 July 2020 16:28
- Hits: 1117
มัน-ข้าวโพด'เฮ! 'จุรินทร์'เคาะเดินหน้าโครงการประกันรายได้ปีที่ 2 เตรียมเสนอ ครม.ไฟเขียว
จุรินทร์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อนุมัติเดินหน้าโครงการประกันรายได้ปีที่ 2 ต่อ ใช้เงื่อนไขเหมือนเดิม พร้อมมาตรการเสริมเพื่อช่วยลดต้นทุนและดูแลราคา เตรียมนำเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติต่อไป
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสําปะหลัง (นบมส.) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสําปะหลัง ปี 2563/64 โดยราคาและปริมาณประกันรายได้เท่ากับปีที่ผ่านมา คือ มันสําปะหลัง เชื้อแป้ง 25% กิโลกรัม (กก.) ละ 2.50 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 100 ตัน และต้องไม่ซ้ำแปลง
โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1.ต้องขึ้นทะเบียนเพาะปลูก ปี 2563/64 ตั้งแต่ 1 เม.ย.2563-31 มี.ค.2564 กับกรมส่งเสริมการเกษตร 2.ต้องเป็นเกษตรกรผู้ผลิตมันสําปะหลังด้วยตนเองและกรรมสิทธิ์เป็นของเกษตรกร 3.แจ้งระยะเวลาเก็บเกี่ยวกับกรมส่งเสริมการเกษตรนับจากวันที่เพาะปลูกไม่น้อยกว่า 8 เดือน 4.การกําหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.2563-30 พ.ย.2564 ประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงทุกวันที่ 1 ของเดือน ระยะเวลา 12 เดือน
สำหรับ การจ่ายเงินส่วนต่างงวดแรก ครอบคลุมเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและที่แจ้งเพาะปลูก ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 ระบุวันคาดว่าเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 1 ธ.ค.2563 และสําหรับการประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงงวดสุดท้ายครอบคลุมเกษตรกรที่ระบุวันที่คาดว่าเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 ซึ่งจะนําเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการคู่ขนาน 4 โครงการ ได้แก่ 1..โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสําปะหลัง โดยเป็นการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรในการเพิ่มผลิตภาพการผลิต และคุณภาพของผลผลิต เป้าหมาย 5,000 รายๆ ละไม่เกิน 230,000 บาท วงเงินกู้รวม 1,150 ล้านบาท งบประมาณ 69 ล้านบาท 2.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสําปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
โดยสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรนําไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือรับซื้อหัวมันสําปะหลังสด มันสําปะหลังเส้น เพื่อจําหน่ายต่อ และหรือแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท งบประมาณ 45 ล้านบาท 3.โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกมันสําปะหลัง สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการแปรรูปมันสําปะหลัง (ลานมัน/โรงแป้ง) ที่เข้าร่วมโครงการเก็บสต็อก ในรูปแบบมันเส้น/แป้งมัน ระยะเวลา 60–180 วัน เป้าหมายวงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท งบประมาณชดเชยดอกเบี้ย 225 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยผลผลิตในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และ 4.การบริหารจัดการการนําเข้าส่งออกและเข้มงวดการกํากับดูแลการนําเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์มันสําปะหลังให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน ได้เห็นชอบการขอขยายพื้นที่ดําเนินโครงการป้องกันและกําจัดโรคใบด่างมันสําปะหลังให้ครอบคลุมทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกมันสําปะหลัง เนื่องจากการระบาดของโรคใบด่างมันสําปะหลังมีแนวโน้มแพร่ระบาดไปยังหลายพื้นที่ จากพื้นที่ดําเนินโครงการ 11 จังหวัด ปัจจุบันเพิ่มเป็น 22 จังหวัด โดยเพิ่ม 11 จังหวัด ทําให้การดําเนินโครงการไม่สามารถตัดวงจรการระบาดของโรคได้จำเป็นต้องทำให้ครอบคลุมพื้นที่ปลูกทุกจังหวัด
นางมัลลิกา กล่าวว่า นายจุรินทร์ยังได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) โดยมีมติดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 ที่ความชื้น 14.5% ราคา 8.50 บาท/กก. ปริมาณไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ และไม่ซ้ำแปลง ขึ้นทะเบียนเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2563-31 พ.ค.2564 ระยะเวลาชดเชยส่วนต่าง 20 พ.ย.2563–31 ต.ค.2564
พร้อมกันนี้ ได้เห็นชอบมาตรการคู่ขนาน จำนวน 6 มาตรการ คือ 1.สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตร ปี 2563/64 โดยการชดเชยดอกเบี้ย 3% วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท วงเงินชดเชยดอกเบี้ย จำนวน 45 ล้านบาท 2.โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในการเก็บสต๊อก ปีการผลิต 2563/64 ให้ผู้ประกอบการ ผู้รวบรวมที่ซื้อข้าวโพดเก็บสต๊อก ระยะเวลา 60–120 วัน โดยชดเชยดอกเบี้ย 3% วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท วงเงินชดเชยดอกเบี้ย 15 ล้านบาท
3.มาตรการกำหนดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สำหรับผู้นำเข้าทั่วไป 4.กำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1 ต่อ 3 5.การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้แสดงราคา ณ จุดรับซื้อที่ความชื้น 14.5% และ 30% และ 6.การดูแลความสมดุล ให้แจ้งปริมาณการครอบครอง การนำเข้า สถานที่เก็บ การตรวจสอบสต๊อก ซึ่งจะนําเสนอที่ประชุม ครม. ต่อไป
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ