- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 18 April 2020 21:13
- Hits: 3180
จุรินทร์ ถกรัฐ-เอกชนบริหารจุดสมดุลข้าวในประเทศและส่งออก ปลื้มเปลือกเจ้าพุ่งสูงสุดรอบ 10 ปี
จุรินทร์ ลงพื้นที่ถกร่วมภาครัฐและเอกชน ติดตามสถานการณ์ข้าวไทย ได้รับรายงานปีนี้มีผลผลิตข้าวสาร 18.8 ล้านตัน คาดบริโภคในประเทศ 8 ล้านตัน และส่งออก 7.5 ล้านตัน ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้า ปรับตัวทะลุตันละ 1 หมื่นถึง 1.1 หมื่นแล้ว สูงสุดในรอบ 10 ปี พร้อมสั่งทำแผนร่วมกับผู้ส่งออก อย่าส่งออกแบบกระจุกตัว ป้องกันราคาในประเทศพุ่งจนกระทบผู้บริโภค สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยยันมีแผนส่งออกรายไตรมาสแล้ว ย้ำข้าวในประเทศไม่ขาดแน่นอน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานร่วมหารือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าข้าว ทั้งในและต่างประเทศ ที่บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาติดตามสถานการณ์ข้าวร่วมกัน ทั้งในส่วนของผู้แทนของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว โรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง และผู้ส่งออก ซึ่งได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าผลผลิตข้าวในฤดูการผลิตปี 2562/63 จะมีปริมาณข้าวสารประมาณ 18.8 ล้านตัน และผู้ส่งออกได้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีการส่งออกในปี 2563 ประมาณ 7.5 ล้านตัน รวมทั้งได้ประเมินตัวเลขการบริโภคและการแปรรูปภายในประมาณ 8 ล้านตัน
สำหรับ ราคาข้าวเปลือกเจ้า ข้าวสดในช่วงนี้อยู่ที่ 9,500 บาทต่อตัน ข้าวแห้ง ความชื้นมาตรฐาน 15% อยู่ที่ราคา 10,200 บาท ถึง 11,000 บาทต่อตัน ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ตรงกันกับตัวเลขที่เกษตรกรได้รายงาน ส่วนสถานการณ์ข้าวถุง ได้มีผู้ประกอบการข้าวถุงเข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ซึ่งได้มีการปรับลดราคาข้าวถุงลงมาในช่วงราคา ตั้งแต่ 8-30.5%
ทางด้านการส่งออก ได้มีการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ซึ่งสมาคมฯ ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะส่งออกปีนี้ 7.5 ล้านตัน โดยได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศประสานงานกับผู้ส่งออกอย่างใกล้ชิด ให้มีการรายงานตัวเลขการส่งออกทุกวัน รวมทั้งให้มีการจัดทำแผนร่วมกันกับผู้ส่งออก เพื่อที่จะให้การส่งออกข้าวมีการกระจายตัวไปในแต่ละช่วงเวลา ไม่ให้ไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่ง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศและกระทบต่อราคาข้าวสารสำหรับผู้บริโภคได้ ซึ่งผู้ส่งออกได้มีการจัดทำแผนร่วมกันในการที่จะให้การส่งออกข้าวแต่ละไตรมาสมีการกระจายตัว และกำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าไตรมาสหนึ่งควรจะออกปริมาณเท่าใด ซึ่งสมาคมฯ จะแจ้งให้ทราบ
นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดแผนงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ เกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออกข้าว ที่ต้องการที่จะให้ประเทศไทยผลิตข้าวในพันธุ์ที่เป็นความต้องการของตลาดโลก เพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ โดยใช้หลักของการตลาดนำการผลิต ซึ่งได้มีการจัดทำแผนร่วมกันระหว่างกรมการข้าว กรมการค้าต่างประเทศ เกษตรกร ผู้ผลิตข้าว โรงสี และสมาคมผู้ส่งออกข้าวแล้ว
ขณะที่การทำตลาดส่งออก จะเดินหน้ารักษาตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่ และทวงคืนตลาดเก่าที่เสียไป เช่น อิรัก แต่ขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ ไวรัสโควิด-19 ระบาด จึงต้องหยุดแผนไป หากสถานการณ์ปกติ ก็จะเดินหน้าต่อทันที รวมทั้งมีแผนที่จะสนับสนุนสินค้าข้าวนวัตกรรม ที่สามารถนำข้าวไปแปรรูปเป็นอาหารขบเคี้ยว กระทั่งเครื่องสำอาง และอื่นๆ และจะผลักดันให้สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ที่มีความพร้อมทำตลาดขายข้าวออนไลน์ด้วย
ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ทั่วโลก ติดตามสถานการณ์ข้าวอย่างใกล้ชิด ทั้งในประเทศที่เป็นผู้ผลิต และผู้ส่งออกที่เป็นคู่แข่งของไทย โดยให้ ประเมินสถานการณ์รายงานมายังกระทรวงพาณิชย์เพื่อติดตามสถานการณ์ตลาดข้าวโลกร่วมกับสมาคมส่งออกข้าวไทยอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปี 2563 คาดว่าจะมีการส่งออกข้าว 7.5 ล้านตัน โดยแบ่งการส่งออกเป็นรายไตรมาส โดยไตรมาสแรกควรจะส่งออกได้ 1.8 ล้านตัน แต่ตัวเลขจริง 1.5 ล้านตัน เพราะช่วงแรกเวียดนามขายข้าวราคาถูกออกมามากในช่วงต้นปี แต่พอมีปัญหาโควิด-19 เวียดนามชะลอการส่งออก และอินเดียยังไม่ชะลอรับคำสั่งซื้อ แต่จากนั้นอินเดียได้ชะลอรับออเดอร์ใหม่ ส่วนไตรมาส 2 คาดว่าจะดีขึ้น ส่งออกได้ 2 ล้านตัน ไตรมาส 3 ที่ 2 ล้านตน และไตรมาส 4 อีก 2 ล้านตัน รวมทั้งปี 7.5 ล้านตัน ซึ่งตัวเลขจริงอาจจะขยับขึ้นเล็กน้อย แต่จะไม่มีปัญหาการขาดแคลนข้าว เพราะผลผลิตข้าวมีเพียงพอ ทั้งการส่งออกและบริโภคในประเทศ
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณนายจุรินทร์ ที่ได้ทำนโยบายประกันรายได้ให้กับชาวนา ทำให้ชาวนาได้รับราคาข้าวที่เป็นธรรม และสูงเป็นที่พอใจ จากสมัยก่อนราคาข้าวสูงสุดอยู่ที่ 6,000 7,000 แต่วันนี้ ได้ราคา 9,500-9,700 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web