- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 18 April 2020 21:08
- Hits: 3275
จุรินทร์ เร่งกระจายผลไม้ คิกออฟขายในรถพุ่มพวงส่งตรงถึงบ้าน พร้อมสั่งลุยทางออนไลน์
จุรินทร์ เดินหน้าเร่งกระจายผลไม้ หลังผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด คิกออฟนำใส่รถพุ่มพวงออกวิ่งขายตามหมู่บ้าน ชุมชน พ่วงด้วยสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ ทั้งผักสด ข้าวสาร อาหารแห้ง เจลล้างมือ พร้อมเพิ่มช่องทางขายทั้งออฟไลน์ และทางออนไลน์ที่ต้องเน้นมากขึ้น ส่วนตลาดส่งออก เตรียมเชิญผู้ซื้อผู้นำเข้าเจรจาซื้อขายทางออนไลน์ ดันขายบนแพลตฟอร์มดังระดับโลกทั้งในจีน อินเดีย สิงคโปร์ และสหรัฐฯ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานปล่อยรถเร่ (รถพุ่มพวง) โครงการธงฟ้าฝ่าภัย COVID-19 ที่ลาน S5 อาคารเอนกประสงค์ ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มเร่งกระจายผลไม้และผักสดให้ออกไปสู่ผู้บริโภคผ่านช่องทางต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเบื้องต้นจะเน้นการกระจายผลไม้ที่เริ่มทยอยออกมาแล้วในประเทศผ่านช่องทางปกติ หรือทางออฟไลน์ เช่น ขายที่ตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเพิ่มการขายผ่านรถพุ่มพวงเช่นที่มาเปิดตัวในวันนี้
“ขณะนี้ต้องช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งหาทางช่วยกระจายสินค้าออกไปให้ถึงประชาชนได้โดยเร็วที่สุดและถูกที่สุด เพราะมาตรการดูแลไวรัสโควิด-19 ไม่ให้แพร่กระจาย ทำให้ประชาชนออกมาซื้อสินค้าได้น้อยลงกว่าปกติ กระทรวงพาณิชย์จึงเห็นว่า ต้องใช้วิธีเอาของไปให้ลูกค้ามากขึ้น แทนที่จะรอให้ลูกค้ามาหาซื้อของเหมือนเคย ในวันนี้ จึงได้เพิ่มทางเลือกนำผักและผลไม้ใส่รถเร่ธงฟ้าฝ่าภัยโควิด-19 ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะนำสินค้าไปหาลูกค้าถึงบ้านและชุมชน”
ทั้งนี้ รถเร่ธงฟ้าฝ่าภัยโควิด ไม่ได้ขายแต่ผักและผลไม้ แต่เป็นรถที่จะนำสินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญ เช่น ไข่ไก่เบอร์ 3 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันปาล์ม เจลล้างมือ ปลากระป๋อง ข้าวหอมไทย ไปขายให้แก่ประชาชนที่จุดใกล้บ้านเพื่ออำนวยความสะดวก และบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้และผักไปด้วยพร้อมกัน โดยรถเร่กับข้าวและผลไม้ ที่มีเข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์มีจำนวน 350 คัน ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นแนวทางที่เสริมกับช่องทางการซื้อขายปกติได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผลไม้เริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้นแล้ว ซึ่งได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัด และกรมต่างๆ ร่วมกันหาแนวทางการกระจายผลไม้ในประเทศ โดยกำลังจัดทำฐานข้อมูลสำหรับผลไม้แต่ละชนิดทั้งอุปสงค์และอุปทานที่จะออกมา และเฟ้นหากลุ่มที่จะช่วยกระจายผลไม้ ซึ่งจะใช้กลไกลของสหกรณ์การเกษตรที่มีอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 800 แห่งมาช่วยเสริมกับพาณิชย์จังหวัดในการรวบรวมผลไม้ แล้วจะขอความร่วมมือจากไปรษณีย์ไทยและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น ลาซาด้า ช้อปปี้ จตุจักรมอลล์ ช่วยทำแคมเปญสนับสนุนการบริโภคผลไม้ไทยเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งปกติจะส่งออก แต่ปีนี้จะได้กินของดีในราคาประหยัด และในด้านการตลาดก็จะระดมทั้งช่องทางปกติ เช่น ตลาดในชุมชน ร้านค้าธงฟ้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ ซึ่งช่องทางออนไลน์ จะมีการเปิดตัวพาร์ทเนอร์อีกครั้งในช่วงปลายเดือนเม.ย.2563
ส่วนในด้านการส่งออก ได้รับแจ้งจากทูตพาณิชย์ว่ามีคำสั่งซื้อผลไม้ไทยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสินค้าเกษตรอื่นๆ ซึ่งจะมีการผลักดันเพิ่มการส่งออกต่อไป และยังจะผลักดันให้มีการพบปะกันระหว่างผู้ซื้อ ผู้นำเข้าผลไม้กับผู้ขายของไทยผ่านทางออนไลน์ เพื่อผลักดันการส่งออกผลไม้ รวมทั้งจะเพิ่มการจำหน่ายผลไม้ไทยในแพลตฟอร์มชื่อดังระดับโลก เช่น Tmall ของจีน bigbasket.com ของอินเดีย Amazon.com ที่สิงคโปร์ และ cloudcommerce.com ของสหรัฐฯ เป็นต้น
พาณิชย์ คิกอ๊อฟ ลุยกระจายผักผลไม้ผ่านรถพุ่มพวงร่วมกับตลาดไทก่อนต่อด้วยออนไลน์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มเร่งกระจายผลไม้และผักสดให้ออกไปสู่ผู้บริโภคผ่านช่องทางต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเบื้องต้นจะเน้นการกระจายผลไม้ที่เริ่มทยอยออกมาแล้วในประเทศผ่านช่องทางปกติ หรือทางออฟไลน์ (off-line) เช่น ขายที่ตลาด ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเพิ่มการขายผ่านรถพุ่มพวงเช่นในวันนี้ที่มาเปิดตัว ส่วนในช่วงปลายเดือนจะต่อด้วยโครงการส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศผ่านแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่อไป
รองนายกฯ และ รมว. พณ. ได้พบกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เจ้าของตลาดไท ซึ่งเป็นนายกสมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทยด้วย พร้อมทั้งตัวแทนจากสมาคมตลาดสดไทย ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดตราด ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้านผักและผลไม้จากจังหวัดตราด นครปฐม และนนทบุรีด้วย ที่ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นตลาดขายส่งผักและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง เพื่อหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกผักและผลไม้ในช่วงวิกฤติโควิด ที่ทำให้การขายและการบริโภคผลไม้ลดลงจากการที่นักท่องเที่ยวหายไปจำนวนมาก และการส่งออกยังติดปัญหาเรื่องการขนส่งระหว่างประเทศอยู่ โดยนายจุรินทร์มองว่า ขณะนี้ต้องช่วยโดยกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น
รวมทั้งหาทางช่วยกระจายสินค้าออกไปให้ถึงประชาชนได้โดยเร็วที่สุดและถูกที่สุด ซึ่งมาตรการดูแลไวรัสโควิดไม่ให้แพร่กระจายทำให้ประชาชนออกมาซื้อสินค้าได้น้อยลงกว่าปกติ กระทรวงพาณิชย์จึงเห็นว่า ต้องใช้วิธี ‘เอาของไปให้ลูกค้า’ มากขึ้น แทนที่จะรอให้ ‘ลูกค้ามาหาซื้อของ’ เหมือนเคย ในวันนี้ตนจึงได้มาหารือกับเกษตรกรและผู้ค้าส่งว่า จะช่วยเสริมการขายให้ได้อย่างไร รวมทั้งจะมาร่วมพิธีปล่อยรถคาราวาน 'รถเร่ธงฟ้าฝ่าภัยโควิด-19' ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะนำสินค้าไปหาลูกค้าถึงบ้าน
รองนายกฯ จุรินทร์กล่าวว่า จากการหารือ พบว่าการขนส่งมาที่ตลาดไท ยังดำเนินการได้อยู่ แม้ว่าจะติดช่วงเวลาเคอร์ฟิวอยู่บ้าง แต่ที่ตลาดได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ขนส่งสินค้าที่มาถึงช่วงดึก โดยจัดที่พักนอนให้จนกว่าจะออกไปได้อีกครั้งในช่วงเวลาตีสี่ สำหรับผลไม้ระยะนี้เริ่มออกมากขึ้นแล้ว เช่น มะม่วง ซึ่งตนได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัด และกรมต่างๆ ร่วมกันหาแนวทางการกระจายผลไม้ในประเทศ โดยกำลังจัดทำฐานข้อมูลสำหรับผลไม้แต่ละชนิดทั้งอุปสงค์และอุปทานที่จะออกมา และเฟ้นหากลุ่มที่จะช่วยกระจายผลไม้ได้ ซึ่งจะใช้กลไกลของสหกรณ์การเกษตรที่มีอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 800 แห่งมาช่วยเสริมกับพาณิชย์จังหวัดในการรวบรวมผลไม้
เสร็จแล้วจะขอความร่วมมือจากไปรณีย์ไทยและแพล็ตฟอร์มการค้าต่างๆ ช่วยทำแคมเปญสนับสนุนการบริโภคผลไม้ไทยเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งปกติเราจะส่งออกแต่ปีนี้เราจะได้กินของดีในราคาประหยัด และในด้านการตลาดก็จะระดมทั้งช่องทางปกติ เช่น ตลาดในชุมชน ร้านค้าธงฟ้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ต่อไป ซึ่งส่วนออนไลน์ จะมีการเปิดตัวพาร์ทเนอร์อีกครั้งในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
สำหรับ การปล่อยรถคาราวาน 'รถเร่ธงฟ้าฝ่าภัยโควิด' ในวันนี้ รองนายกฯ จุรินทร์ชี้แจงว่า ไม่ได้ขายแต่ผักและผลไม้ แต่เป็นรถที่จะนำสินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญ เช่น ไข่ไก่เบอร์ 3 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันปาล์ม เจลล้างมือ ปลากระป๋อง ข้าวหอมไทย และผลไม้ เช่น มะม่วง ไปขายให้แก่ประชาชนที่จุดใกล้บ้านเพื่ออำนวยความสะดวก และบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้และผักไปด้วยพร้อมกัน โดยรถเร่กับข้าวและผลไม้ ที่มีเข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้มีจำนวน 350 คัน ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นแนวทางที่เสริมกับช่องทางการซื้อขายปกติได้เป็นอย่างดี
ในด้านการส่งออก รองนายกฯ จุรินทร์กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากทูตพาณิชย์ว่า คำสั่งซื้อและอุปสงค์สำหรับสินค้าเกษตรและอาหารไทยมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลไม้ ข้าว ไก่ และอาหารสัตว์ แต่ในขณะนี้เส้นทางการขนส่งต่าง ๆ ระหว่างประเทศยังมีปัญหาจากมาตรการป้องกันโควิดอยู่บ้างจึงทำให้ยังไม่สามารถผลักดันการส่งออกได้เต็มที่ แต่ตนได้สั่งให้เตรียมการหารือกับภาคเอกชนไว้แล้ว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (วันเสาร์ที่ 18 เมษายน) จะไปพบกับผู้ประกอบการค้าข้าว และในสัปดาห์หน้าจะพบกับกลุ่มเกษตรกร และผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ไก่ อาหารทะเล รวมทั้งจะพบกับภาคบริการที่มีศักยภาพในลำดับต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์จะผลักดันการค้าทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อระบบเศรษฐกิจการค้าเดินหน้าได้ และให้ประโยชน์ตกถึงมือพี่น้องเกษตรกรทุกกลุ่มให้ได้มากที่สุด เพราะถือเป็นฐานรากของประเทศที่สำคัญยิ่ง
จุรินทร์ ใส่เกียร์เดิน 6 มาตรการ การช่วยเหลือชาวสวนผลไม้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานปล่อยรถเร่ (รถพุ่มพวง)โครงการธงฟ้าฝ่าภัย COVID-19 และเสวนาแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2563 ที่ ลาน S5 อาคารเอนกประสงค์ ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี
โดย ภายหลังการเสวนา รมว. พาณิชย์ แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า มาตรการในการช่วยเหลือชาวสวนผลไม้นี้ได้ดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ กระทรวงพาณิชย์และได้มีการหารือร่วมกันและทั้งในส่วนเกษตรกรรวม ทั้งล้งผู้ประกอบการตลาด รวมทั้งผู้ส่งออกด้วย และเรามีข้อสรุปร่วมกันถึงมาตรการของกระทรวงเกษตรและกระทรวงพาณิชย์ในการที่จะช่วยเหลือต่างๆ ดังนี้
มาตรการที่ 1 ในส่วนของชาวสวนได้มีมาตรการในการเร่งรัดโดยกระทรวงเกษตรในการให้การรับรอง GAP ที่สวน เพื่อให้สวนได้รับการรับรองว่ามีมาตรฐานและสามารถส่งออกได้ กับในเรื่องของการเข้าไปช่วยดูแลในเรื่องคุณภาพ รวมทั้งในเรื่องของการปรับปรุงแรงงานเพื่อให้มาช่วยเก็บคนผลไม้ในพื้นที่ตามเขตแต่ละเขตได้
มาตรการที่ 2 คือมาตรการช่วยเหลือล้งที่เป็นผู้รวบรวมผลไม้สำหรับล้งนั้นได้มีมาตรการในการช่วยเหลือการรวบรวมผลไม้ กิโลกรัมละ 3 บาท สำหรับล้งโดยใช้เงินคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ของกระทรวงพาณิชย์ ส่วนมาตรการในเรื่องของการช่วยเหลือสหกรณ์ จะมีการชดเชยดอกเบี้ย ให้ร้อยละ 3
เป็นเวลา 6 เดือน ให้กับทางล้ง และสหกรณ์ที่รวบรวมผลไม้นอกจากนั้น จะช่วยเรื่องค่าบริหารในการรวบรวมเพื่อการส่งออกอีกกิโลกรัมละ 5 บาท
มาตรการที่ 3 สำหรับผู้ประกอบการที่มาทำสัญญาตามพระราชบัญญัติเกษตรพันธสัญญาจะมีการช่วยชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ที่มาทำสัญญาระยะยาวกับเกษตรกรร้อยละ 3 เป็นเวลา 6 เดือน มีงบประมาณตั้งไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับฤดูกาลผลิตนี้
มาตรการที่ 4 สำหรับผู้แปรรูปผลไม้มีมาตรการในการช่วยเหลือดอกเบี้ยร้อยละ 3 เป็นเวลา 10 เดือนให้กับผู้แปรรูปผลไม้ในฤดูกาลผลิตนี้
มาตรการที่ 5 คือผู้ประกอบการตลาดในประเทศ ประกอบด้วยสหกรณ์ต่างๆ ซึ่งมีอยู่ 800 แห่งทั่วประเทศจะสนับสนุนให้ใช้คาราวานรถธงฟ้าเพื่อช่วยกระจายไปทั่วประเทศแล้วจะมีมาตรการในการรณรงค์เพิ่มการบริโภคในโอกาสเทศกาลต่างๆ เพิ่มช่องทางในเรื่องของการค้าออนไลน์ด้วย
มาตรการที่ 6 คือกลุ่มผู้ส่งออกสำหรับกลุ่มผู้ส่งออกนั้นจะมีมาตรการในการที่จะช่วยดำเนินการที่กระทรวงพาณิชย์เป็นตัวกลางจัดเวทีพบปะกันระหว่างผู้นำเข้าผลไม้ของต่างประเทศ กับ ผู้ส่งออกของไทย โดยพบกันบนออนไลน์ เพื่อที่จะสามารถส่งออกผลไม้ได้มากขึ้นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการรวมทั้งการเตรียมแพลตฟอร์มต่างๆที่มีศักยภาพระดับโลกเช่น Tmall ของจีน bigbasket.com ของอินเดีย Amazon.com ที่สิงคโปร์ และ jatujakmall.com รวมทั้ง cloudcommerce.com ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น เป็นช่องทางหนึ่งที่เราจะระบายไปยังตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งทูตพาณิชย์ตนได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทำหน้าที่เซลล์แมนผลไม้ประเทศในการช่วยระบายผลไม้จากประเทศไทยไปสู่ประเทศในความรับผิดชอบของทูตพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินการในช่วงระยะเวลานี้ขอให้เป็นภาพรวมว่าสำหรับตลาดผลไม้ในภาพรวมนั้นเราจะมุ่งเน้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเน้นทั้งตลาดออฟไลน์และตลาดออนไลน์ เข้ามาช่วยเสริม
สำหรับ ตลาดในประเทศที่ว่านั้นเน้นตลาดออฟไลน์ คือตลาดกลาง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากตลาดไทและอีกหลายตลาดทั่วประเทศอย่างดียิ่ง ในวันนี้เป็นแหล่งสำคัญในการช่วยระบายผลไม้รวมทั้งตลาดสดในหลายพื้นที่ของประเทศและรถเร่ผลไม้พุ่มพวงที่เราจัดขึ้นมาเพื่อกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ เพิ่มการบริโภครวมทั้งการจัดพื้นที่ให้เกษตรกรสามารถมาขายที่ห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการแล้วแต่ไม่เอิกเกริกมากเนื่องจากเกรงปัญหาเรื่อง social distancing แต่ได้ดำเนินการขึ้นแล้ว
รวมทั้ง พาณิชย์จังหวัดจะต้องทำหน้าที่เซลล์แมนผลไม้จังหวัดเพื่อจัดออเดอร์ไปยังจังหวัดที่มีผลไม้ออกมาก เพื่อเพิ่มการบริโภคในจังหวัด ที่พาณิชย์จังหวัดนั้นๆ รับผิดชอบ เช่นสั่งซื้อลองกองจากนราธิวาสไปขายที่อีสาน เอามะม่วงจากอีสานส่งมาขายกรุงเทพ เป็นหน้าที่ของพาณิชย์จังหวัดได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนตลาดในประเทศนอกจากออฟไลน์ก็จะไปตลาดออนไลน์ขณะนี้เราได้หารือกับไปรษณีย์ไทยพร้อมให้ความร่วมมือในการที่จะช่วยบริการอย่างน้อย 200 ตัน ที่จะไม่คิดค่าขนส่งหรือค่าส่งทางไปรษณีย์ จะช่วยให้สหกรณ์วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรสามารถขายผลไม้ผ่านไปรษณีย์ ซึ่งใช้ชื่อว่า “ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท” จะช่วยระบายสินค้าทางออนไลน์ได้อีกช่องทางหนึ่ง
นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น ลาซาด้า ช็อปปี้ หรือจตุจักรหรือแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อช่วยเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะให้สหกรณ์กลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนได้เอาผลไม้ของตนเองเข้าไปไว้ในหน้าเพจของแพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้ โดยไม่หักค่าบริการจะมีตลาดให้ประเทศที่จะเดินหน้าได้ทั้งตลาดออนไลน์และตลาดออฟไลน์ สัปดาห์หน้ากระทรวงพาณิชย์จะเริ่มเปิดตัวความร่วมมือระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ ที่จะเปิดขายผลไม้ให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศสำหรับตลาดในประเทศ
สำหรับ ตลาดต่างประเทศนั้น ขณะนี้อาจมีปัญหาอุปสรรคอยู่บ้างบางส่วนนอกจากตลาดออนไลน์ตลาดออฟไลน์ก็มีตลาดที่เราจะต้องส่งออกไปทางบก อาจมีอุปสรรคบ้างในส่วนของการผ่านด่านต่างๆ ไปยังเวียดนามข้ามไปยังจีนแต่ทุกอย่างไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้ ยังสามารถทำได้อยู่อย่างมีขั้นตอนกระบวนการที่มากขึ้น กระทรวงพาณิชย์ก็จะประสานงานช่วยคลี่คลาย
ส่วนทางเรือยังติดปัญหาบางประการเช่นตู้คอนเทนเนอร์ไม่พอพยายามประสานงานกับหน่วยงานอื่น
ส่วนทางอากาศติดปัญหาเรื่องเที่ยวบินที่มีน้อยลงไปมากซึ่งประสานงานกับบริษัทที่เกี่ยวข้องอยู่ว่ามีช่องทางช่วยระบายอย่างไรในอัตราค่าขนส่งที่เกษตรกรผู้ส่งออกสามารถรับได้ไม่เป็นภาระต้นทุนมากจนเกินไปทำให้ราคาแข่งขันในต่างประเทศได้
“ขอขอบคุณตลาดไทและสมาคมตลาดกลางรวมทั้งตลาดอื่นที่มาช่วยระบายตลาดออฟไลน์ให้กับผลไม้ในฤดูกาลนี้รวมทั้งเกษตรกรด้วย”รมว.พาณิชย์ กล่าว
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web