- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 09 April 2020 19:12
- Hits: 2812
พาณิชย์ ปรับแผนใช้ 5 มาตรการเร่งด่วน ดูแลราคาผลไม้ช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด
พาณิชย์ ปรับแผนรับมือผลไม้ออกสู่ตลาด เตรียมใช้ 5 มาตรการเร่งด่วน ช่วยตั้งแต่การผลิต การทำตลาดในประเทศ ต่างประเทศ เสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ และควบคุมคุณภาพมาตรฐาน มั่นใจดูแลราคาผลไม้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้แน่ พร้อมประสานคมนาคม มหาดไทย ช่วยดูแลด้านขนส่ง หลังติดปัญหาบางจังหวัดถูกปิด
นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนมาตรการในการดูแลราคาผลไม้ช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดใหม่ โดยปรับเป็น 5 มาตรการเร่งด่วนที่จะดำเนินการ เพราะขณะนี้สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับมาตรการดำเนินการในด้านต่างๆ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อดูแลราคาผลไม้ให้กับเกษตรกร
สำหรับ 5 มาตรการที่จะดำเนินการ ได้แก่ 1.มาตรการด้านการผลิต จะมีการบริหารจัดการเรื่องแรงงานเก็บผลไม้ โดยจะมีการผ่อนผันการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามเขต แต่จะมีการเข้มงวดเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัย, การดูแลความเป็นธรรมเรื่องราคาและปริมาณ จะมีการใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า และกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเข้ามาควบคุม , การส่งเสริมให้การซื้อขายผ่านสัญญาข้อตกลงระหว่างผู้ประกอบการกับเกษตรกร , การเชื่อมโยงการกระจายผลผลิตกับห้าง ผู้ใช้ ผู้แปรรูป และการสนับสนุนกล่องบรรจุผลไม้ ขนาด 5 กิโลกรัม (กก.) 10 กก. และ 20 กก.
2.มาตรการด้านตลาดในประเทศ จะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยการสนับสนุนค่าขนส่ง มีไปรษณีย์ไทยมาช่วยในการจัดส่งผลไม้ ปริมาณฟรี 200 ตัน และกำลังหารือจะเพิ่มปริมาณได้อีกหรือไม่ , การผลักดันให้นำผลไม้จำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ , การส่งเสริมให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ ขายผลไม้ทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะเข้าไปช่วยสอนให้ , การรณรงค์การบริโภคผลไม้ในประเทศ และส่งเสริมให้นำผลไม้มอบเป็นของฝากของขวัญ
3.มาตรการด้านตลาดต่างประเทศ จะจัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (บิสสิเนส แมชชิ่ง) ระหว่างผู้ซื้อ ผู้นำเข้า กับผู้ประกอบการไทย หากทำได้ก็จะดำเนินการต่อ และจะเพิ่มการทำแมชชิ่งในรูปแบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะรวมถึงสินค้าตัวอื่นๆ ด้วย , การจัดคาราวานผลไม้ไปจำหน่ายผลไม้ในประเทศเพื่อนบ้าน , การประชาสัมพันธ์ผลไม้ในตลาดต่างประเทศ จะยังคงเดินหน้าต่อ ทั้งรูปแบบเดิม คือ ผ่านห้างสรรพสินค้า การจัดโปรโมชั่นต่างๆ แต่จะเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านออนไลน์มากขึ้น และได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์เป็นเซลล์แมนขายผลไม้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด และช่วยดูในเรื่องการจัดหาสินค้านำเข้า เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งทางอากาศ เช่น มะม่วง ส่งไปเกาหลีใต้และญี่ปุ่น มีการคิดค่าบริการเต็ม ทั้งไป-กลับ แต่สินค้ามีแต่ขาไป ขากลับไม่มี โดยถูกคิดราคาเต็ม ทำให้ค่าระวางสูง จึงต้องแก้ไขให้มีสินค้าขากลับเข้ามาด้วย เพื่อลดต้นทุน
4.มาตรการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ จะสนับสนุนดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่รวบรวมผลไม้ในอัตรา 3% ระยะเวลา 10 เดือน ชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่รวบรวมผลไม้เพื่อส่งออกในอัตรา 3% ระยะเวลา 6 เดือน และช่วยค่าใช้จ่ายรวบรวมเพื่อส่งออกอีกกก.ละ 3 บาท เป้าหมาย 1 หมื่นตัน
5.มาตรการเสริมศักยภาพการบริหารจัดการผลไม้ในเรื่องมาตรฐาน จะดำเนินการผลักดันให้มีการยอมรับมาตรฐานการตรวจสอบร่วมกัน หากผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานจากเซ็นทรัล แลป ของไทยแล้ว เมื่อส่งออกไปจีน ก็จะไม่มีการตรวจสอบจากองค์กรตรวจสอบและรับรองคุณภาพจีน (CCIC) อีก และจะมีการสนับสนุนค่าตรวจสอบของแลปให้กับผู้ส่งออก เพื่อลดต้นทุนในการส่งออกด้วย
“กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่าทั้ง 5 มาตรการนี้ เป็นมาตรการที่ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเป็นการปรับมาตรการ เพื่อทำให้เกิดผลกระทบต่อผลไม้ของไทยน้อยที่สุด จากนี้จะเป็นการเร่งรัดการดำเนินการ เพราะผลไม้กำลังออกสู่ตลาด โดยจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไป”นายสรรเสริญกล่าว
นายสรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาในเรื่องการขนส่งล่าช้า ได้ประสานกระทรวงคมนาคมให้เข้ามาช่วย รวมถึงกระทรวงมหาดไทยให้ช่วยดูแล เพราะการขนส่งสินค้าในประเทศ ขณะนี้บางจังหวัดมีการปิดจังหวัด ทำให้เวลาขนผลไม้เข้าไป คนขับก็ถูกตรวจสอบ และกักตัว ซึ่งใช้เวลานาน กว่าจะขนตู้กลับมาได้ ส่วนขนส่งไปต่างประเทศก็เช่นเดียวกัน มีการตรวจสอบ และกักตัว 14 วัน แต่ถ้าทางอากาศ ปกติเคยส่งไปพร้อมเครื่องบินที่ส่งผู้โดยสาร แต่ตอนนี้หยุดบิน ทำให้ค่าขนส่งสูงขึ้น
พาณิชย์ ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชนปรับแผนรับมือผลไม้ออกสู่ตลาดรวม 5 มาตรการ เตรียมเดินหน้าช่วยเหลือด้านการผลิตการทำตลาดในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงการช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการและการควบคุมคุณภาพมาตรฐาน มั่นใจดูแลราคาผลไม้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้แน่
นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม ผู้ประกอบการด้านการขนส่ง ห้างสรรพสินค้า แพลตฟอร์มค้าออนไลน์ และผู้ส่งออก เพื่อพิจารณามาตรการด้านการดูแลราคาผลไม้ที่กำลังจะออกสู่ตลาด ภายหลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ได้มอบนโยบายปรับเปลี่ยนมาตรการให้เหมาะสม จึงเป็นที่มาของการประชุมในครั้งนี้ และได้มีการปรับเปลี่ยนมาตรการให้สอดคล้องตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยมีมาตรการที่จะนำมาใช้รวมทั้งสิ้น 5 มาตรการ
สำหรับ 5 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการด้านการผลิต จะมีการบริหารจัดการเรื่องแรงงานเก็บผลไม้ โดยจะมีการผ่อนผันการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามเขต แต่จะต้องมีการตรวจสุขภาพ การดูแลความเป็นธรรมเรื่องราคาและปริมาณ จะมีการใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า และกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเข้ามาควบคุม การส่งเสริมให้มีการทำคอนแทรกฟาร์มมิ่ง การส่งเสริมการซื้อขายผ่านสัญญาข้อตกลง การเชื่อมโยงการกระจายผลไม้ผ่านห้าง และการสนับสนุนกล่องบรรจุผลไม้ ขนาด 5 กิโลกรัม (กก.) 10 กก. และ 20 กก.
- มาตรการด้านตลาดในประเทศ จะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และขอความร่วมมือไปรษณีย์ไทยมาช่วยในการจัดส่งผลไม้ โดยมีปริมาณฟรี 200 ตัน และอยู่ระหว่างหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มปริมาณขึ้นอีก การผลักดันให้นำผลไม้จำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ การส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการจำหน่ายผลไม้ทางช่องทางออนไลน์ การรณรงค์การบริโภคผลไม้ในประเทศ และส่งเสริมให้นำผลไม้มอบเป็นของฝากของขวัญ
- มาตรการด้านตลาดต่างประเทศ จะเดินหน้าการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ทั้งระหว่างผู้ซื้อ ผู้นำเข้า กับผู้ประกอบการไทย หากทำได้ก็จะดำเนินการต่อ และจะเพิ่ม การทำ Business Matching ในรูปแบบออนไลน์ให้มากขึ้น ซึ่งจะรวมถึงสินค้าตัวอื่นๆ ด้วย การประชาสัมพันธ์ผลไม้ในตลาดต่างประเทศจะยังคงเดินหน้าต่อ ทั้งรูปแบบเดิม คือ ผ่านห้างสรรพสินค้า การจัดโปรโมชั่นต่างๆ แต่จะเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านออนไลน์มากขึ้น และได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์เป็นเซลส์แมนขายผลไม้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด และช่วยดูในเรื่องการจัดหาสินค้านำเข้า เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งทางอากาศ เช่น มะม่วงที่ส่งไปเกาหลีใต้และญี่ปุ่น มีการคิดค่าบริการเต็มทั้งขาไป-กลับ ซึ่งมีการส่งสินค้าเฉพาะขาไป ทำให้ค่าระวางสูง จึงจำเป็นต้องแก้ไขให้มีการส่งสินค้าขากลับเข้ามาด้วย เพื่อลดต้นทุน
- มาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ จะช่วยสนับสนุนดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่รวบรวมผลไม้ในอัตรา 3% ระยะเวลา 10 เดือน ชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่รวบรวมผลไม้เพื่อส่งออกในอัตรา 3% ระยะเวลา 6 เดือน และช่วยค่าใช้จ่ายรวบรวมเพื่อส่งออกอีกกก.ละ 3 บาท เป้าหมาย 1 หมื่นตัน
- มาตรการเสริมศักยภาพการบริหารจัดการผลไม้ในเรื่องมาตรฐาน จะดำเนินการผลักดันให้มีการยอมรับมาตรฐานการตรวจสอบร่วมกัน หากผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานจากเซ็นทรัล แลป ของไทยแล้ว เมื่อส่งออกไปจีน จะไม่มีการตรวจสอบอีก จากเดิมที่ต้องมีการตรวจสอบซ้ำ โดยจะมีการสนับสนุนค่าตรวจสอบของแลปให้กับผู้ส่งออก เพื่อลดต้นทุนในการส่งออก
“ทั้ง 5 มาตรการนี้ เป็นมาตรการที่ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเป็นการปรับมาตรการ เพื่อทำให้เกิดผลกระทบต่อผลไม้ของไทยน้อยที่สุด จากนี้จะเป็นการเร่งรัดการดำเนินการ เพราะผลไม้กำลังออกสู่ตลาด โดยจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องต่อไป” นายสรรเสริญกล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแนวทางการบริหารจัดการการขนส่งผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวม 13 หน่วยงาน ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงคมนาคม สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย สมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน สมาคมตัวแทนขนส่งทางอากาศไทย สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย สมาคมผู้ประกอบการผักผลไม้ไทย บริษัท ไทยฟินเทค จำกัด และบริษัท แกร็บแท็กซี่ ประเทศไทย จำกัด โดยมีเป้าหมายหลักในการบูรณาการทำงานร่วมกันให้เบ็ดเสร็จและครบวงจร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการหาแนวทางบริหารจัดการการขนส่งผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ดังต่อไปนี้
- ร่วมบูรณาการในทุกมิติ ทั้งด้านการขนส่งทางอากาศ ทางบก และทางเรือ ให้สามารถดำเนินการกระจายผลผลิตไปได้ 77 จังหวัด และนอกประเทศได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ
- ร่วมบูรณาการเชื่อมต่อระบบการจัดส่ง (Delivery) ที่มีอยู่ในประเทศ และใช้แพลตฟอร์มหน่วยงานภาคเอกชนที่มีอยู่ บริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ทางด้านระบบการขนส่งเพื่อระบายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และสร้างโอกาสที่จะขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น
- หน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องคำนวณอัตราค่าระวาง (Freight Charge) และ/หรือค่าบริการต่างๆ ด้วยความเป็นธรรม พร้อมให้การสนับสนุนช่วยเหลือ ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และอำนวยความสะดวกอย่างเต็มกำลัง
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web