- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 07 April 2020 23:24
- Hits: 4549
พาณิชย์ สรุปผลการจับกุมสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ เผยจับผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินจริงได้อีก 2 ราย เป็นการจำหน่ายผ่านแอปพลิเคชันไลน์ 1 ราย และร้านค้าทั่วไป 1 ร้าน มียอดรวมจับกุมทั้งสิ้น 267 ราย ส่วนไข่ไก่ไม่พบผู้กระทำผิด หลังสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว (ประจำวันที่ 7 เมษายน 2563)
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ได้อีก 2 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 1 ราย เป็นการจับกุมผู้จำหน่ายสินค้าทางแอปพลิเคชันไลน์ 1 ราย ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ จำหน่ายหน้ากากอนามัย กล่องละ 50 ชิ้น ราคากล่องละ 750 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 15 บาท โดยเป็นสินค้านำเข้าจากจีน มีปริมาณ 5,500 ชิ้น และไม่ได้แจ้งปริมาณ ราคาจำหน่ายต่อคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) จึงได้แจ้งข้อหาตาม มาตรา 25 (5) ไม่แจ้งราคาต้นทุนการซื้อขาย และสต๊อก และข้อหาตามมาตรา 29 ค้ากำไรเกินควร
ส่วนในต่างจังหวัดจับกุมได้ 1 ราย เป็นการกระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินราคาสมควร (มาตรา 29) ที่อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยทำการล่อซื้อจับกุมร้านค้า พบจำหน่ายในราคากล่องละ 750 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 15 ได้แจ้งข้อหาตามมาตรา 29 ค้ากำไรเกินควร ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นเป็น 267 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 132 ราย และต่างจังหวัด 135 ราย
สำหรับ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) และมาตรา 25 (5) ไม่แจ้งต้นทุนซื้อ ขาย สต๊อก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ ไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มาตรา 28 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทางด้านการจับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายไข่ไก่เกินราคาทั่วประเทศ ณ วันที่ 6 เม.ย. 2563 ไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่ม ทำให้มียอดรวมการจับกุมทั่วประเทศอยู่ที่ 26 รายคงเดิม เพราะขณะนี้ สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งการผลิต การกระจายไข่ไก่ และการจำหน่าย
“หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จะมีการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดทันที”นางลลิดากล่าว
พาณิชย์ จับขายหน้ากากอนามัยแพง ผ่านไลน์และร้านค้าทั่วไป ได้เพิ่มอีก 2 ราย
พาณิชย์ สรุปผลการจับกุมสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ เผยจับผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินจริงได้อีก 2 ราย เป็นการจำหน่ายผ่านแอปพลิเคชันไลน์ 1 ราย และร้านค้าทั่วไป 1 ร้าน มียอดรวมจับกุมทั้งสิ้น 267 ราย ส่วนไข่ไก่ไม่พบผู้กระทำผิด หลังสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ได้อีก 2 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 1 ราย เป็นการจับกุมผู้จำหน่ายสินค้าทางแอปพลิเคชันไลน์ 1 ราย ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ จำหน่ายหน้ากากอนามัย กล่องละ 50 ชิ้น ราคากล่องละ 750 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 15 บาท โดยเป็นสินค้านำเข้าจากจีน มีปริมาณ 5,500 ชิ้น และไม่ได้แจ้งปริมาณ ราคาจำหน่ายต่อคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) จึงได้แจ้งข้อหาตาม มาตรา 25 (5) ไม่แจ้งราคาต้นทุนการซื้อขาย และสต๊อก และข้อหาตามมาตรา 29 ค้ากำไรเกินควร
ส่วนในต่างจังหวัดจับกุมได้ 1 ราย เป็นการกระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินราคาสมควร (มาตรา 29) ที่อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยทำการล่อซื้อจับกุมร้านค้า พบจำหน่ายในราคากล่องละ 750 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 15 ได้แจ้งข้อหาตามมาตรา 29 ค้ากำไรเกินควร ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นเป็น 267 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 132 ราย และต่างจังหวัด 135 ราย
สำหรับ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) และมาตรา 25 (5) ไม่แจ้งต้นทุนซื้อ ขาย สต๊อก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ ไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มาตรา 28 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทางด้านการจับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายไข่ไก่เกินราคาทั่วประเทศ ณ วันที่ 6 เม.ย.2563 ไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่ม ทำให้มียอดรวมการจับกุมทั่วประเทศอยู่ที่ 26 รายคงเดิม เพราะขณะนี้ สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งการผลิต การกระจายไข่ไก่ และการจำหน่าย
“หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จะมีการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดทันที”นางลลิดากล่าว
พาณิชย์ เผยล่าสุดพบผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์แพงเกินจริง ส่วนสถานการณ์การจำหน่ายไข่ไก่ไม่พบคดีเพิ่ม (ประจำวันที่ 6 เมษายน 2563)
รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ รายงานผลการจับกุมสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ ณ วันที่ 5 เมษายน 2563 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์แพงเกินจริงทั้งขายผ่านออนไลน์และร้านค้าทั่วไป เพิ่มอีก 5 ราย ทำให้ยอดการจับกุม รวม 265 ราย ส่วนไข่ไก่ไม่พบการกระทำความผิดเพิ่ม รวมยอดทั้งประเทศยังคงอยู่ที่ 26 ราย ย้ำกระทรวงพาณิชย์จะลงพื้นที่ตรวจสอบ อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง หากผู้บริโภคพบเห็นการกักตุนหรือค้ากำไรเกินควร สามารถร้องเรียนได้ทันที
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ ได้เพิ่ม อีก 5 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 ราย โดยเป็นการจับกุมผู้จำหน่ายสินค้าทางแอปพลิเคชั่นไลน์ 1 ราย ในเขตสายไหม จำหน่ายหน้ากากอนามัย กล่องละ 50 ชิ้น ราคากล่องละ 750 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 15 บาท)แจ้งข้อหาขายแพงเกินราคาสมควร และอีก 1 ราย เป็นสถานที่ผลิตเจลแอลกอฮอล์ในเขตแจ้งวัฒนะ ข้อหากระทำความผิดตาม มาตรา 25 (5) ไม่แจ้งราคาต้นทุนการผลิต
ส่วนในต่างจังหวัดจับกุมได้เพิ่ม 3 ราย โดยพบผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินราคาสมควร (มาตรา 29) จำนวน 2 ราย จังหวัดนครราชสีมา 1 ราย โดยทำการล่อซื้อจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟสบุ๊ก จำหน่ายในราคากล่องละ 730 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ14.60 บาท) รวม 5,000 ชิ้น และที่จังหวัดปราจีนบุรี 1 ราย นอกจากนี้ยังได้เข้าตรวจค้นหน้ากากอนามัยและจับกุมชาวจีน ในจังหวัดชลบุรี อีก 1 ราย ในข้อหาไม่แจ้งปริมาณและปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าควบคุม มาตรา 25 (5) และมาตรา 30 ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นเป็น 265 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 131 ราย และต่างจังหวัด 134 ราย
ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มาตรา 28 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางลลิดา กล่าวว่า สำหรับการจับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายไข่ไก่เกินราคาทั่วประเทศ ณ วันที่ 5 เม.ย. 2563 ไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่ม ยอดรวมทั่วประเทศอยู่ที่ 26 ราย อย่างไรก็ตาม จากการติดตาม พบว่าสถานการณ์ไข่ไก่ดีขึ้นเรื่อยๆ และกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งขณะนี้การผลิตและการกระจายผลผลิตไข่ไก่ ดีขึ้น โดยการขอความร่วมมือห้างค้าปลีกค้าส่ง ให้จำกัดการจำหน่ายไม่เกินคนละ 1-2 แผง เพื่อให้กระจายได้ทั่วถึง รวมถึงมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการ ทั้งการห้ามส่งออกไข่ไก่เป็นระยะเวลา 30 วัน การกำหนดราคาหน้าฟาร์มไม่ควรเกินฟองละ 2.80 บาท การร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ในการชะลอการปลดแม่ไก่ยืนกรงออกไป รวมถึงการออกมาตรการให้ผู้ครอบครองไข่ไก่ตั้งแต่ 1 แสนฟองต่อวัน ต้องแจ้งปริมาณการผลิต การรับซื้อ การจำหน่ายและสต๊อก รวมทั้งสถานที่เก็บ ให้กับกระทรวงพาณิชย์ทราบทุกวันตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2563 เป็นต้นไป
“หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จะมีการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดทันที”นางลลิดากล่าว
พาณิชย์ สรุปผลการจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัย/แอลกอฮอล์/ไข่ไก่ กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 (ประจำวันที่ 5 เมษายน 2563)
พาณิชย์ สรุปผลการจับกุมสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ เผยวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ไม่หยุด จับผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือได้อีก 6 ราย ทั้งจำหน่ายผ่านเฟซบุ๊ก และร้านทั่วไป ทำยอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 260 ราย ส่วนไข่ไก่ไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมหลังสถานการณ์ดีขึ้น
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2563 กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นวันหยุดราชการ (เสาร์-อาทิตย์) ก็ยังคงออกตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำความผิดตามนโยบายรัฐบาล โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือได้อีก 6 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 5 ราย เป็นการจับกุมแผงจำหน่ายที่เขตหลักสี่ ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายเจลล้างมือ 2 ราย จับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยทางเฟซบุ๊ก จำนวน 50 กล่อง ราคากล่องละ 700 บาท หรือเฉลี่ยชิ้นละ 14 บาท ที่เขตวัฒนา 1 ราย ซึ่งได้ส่งดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 29 จับกุมผู้ไม่แจ้งสต๊อก 1 ราย มีจำนวนสินค้า 18,000 ชิ้น ส่งดำเนินคดีตามมาตรา 25 (5) และจับแผงจำหน่ายที่รัชดาภิเษก 1 ราย จำหน่ายหน้ากากอนามัยซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ราคาชิ้นละ 22 บาท ส่งดำเนินคดีตามมาตรา 29 ส่วนในต่างจังหวัดจับกุมได้เพิ่ม 1 ราย ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้ส่งดำเนินคดีในข้อหาขายเกินราคา ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นเป็น 260 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 129 ราย และต่างจังหวัด 131 ราย
สำหรับ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) และมาตรา 25 (5) ไม่แจ้งต้นทุนซื้อขายสต๊อก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มาตรา 28 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางลลิดา กล่าวว่า การจับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายไข่ไก่เกินราคาทั่วประเทศ ณ วันที่ 4 เม.ย.2563 ไม่มีการจับกุม ไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมเพราะขณะนี้ ปริมาณไข่ไก่ได้เข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะการกระจายจากฟาร์มไปยังผู้ค้าส่งและจากผู้ค้าส่งไปยังผู้ค้าปลีก รวมถึงผู้จำหน่ายรายใหญ่ ทั้งซีพี เบทาโกร ได้เร่งกระจายเข้าสู่ห้างโมเดิร์นเทรด ทำให้สินค้ามีปริมาณเพิ่มขึ้นและในส่วนของผู้บริโภค พบว่า มีการซื้อสินค้าลดลง เนื่องจากมีปริมาณที่เคยซื้อสต๊อกไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ผลจากปริมาณไข่ไก่ในระบบที่เพิ่มสูงขึ้น ได้รับผลดีจากมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ทั้งการห้ามส่งออกไข่ไก่ 30 วัน การกำหนดราคาหน้าฟาร์ม การร่วมมือกับ กรมปศุสัตว์ชะลอการปลดแม่ไก่ยืนกรง การขอความร่วมมือห้างค้าส่งค้าปลีก จำกัดการซื้อคนละ 1-2 แผง เพื่อให้กระจายได้ทั่วถึง และการให้ผู้ครอบครองไข่ไก่ตั้งแต่ 1 แสนฟองต่อวันแจ้งปริมาณการผลิต การรับซื้อ การจำหน่ายสต๊อกสินค้าและสถานที่เก็บ เริ่ม 7 เม.ย. 2563 ซึ่งจะทำให้มีการติดตามปริมาณไข่ไก่ได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร โดยเฉพาะสินค้าที่มีความจำเป็นในปัจจุบัน เช่น ไข่ไก่ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web