- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 18 March 2020 19:26
- Hits: 4125
พาณิชย์ ถกผู้ผลิต-ห้าง ประสานเสียงไม่ต้องกักตุน สินค้ามีเพียงพอ ยังผลิตเพิ่มได้อีกเยอะ
พาณิชย์ ถกผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า ประสานเสียงสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการ กำลังการผลิตยังเหลืออีก 30-40% เพิ่มการผลิตได้ตลอด แถมไม่มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ การขนส่ง เหมือนช่วงน้ำท่วม หรือหากบางโรงงานมีปัญหาเจอโควิด-19 จนต้องหยุดผลิต ก็มีโรงงานอื่นเข้ามาผลิตทดแทนได้ แจงห้างขึ้นป้ายสินค้าหมดแล้วหมดเลย เหตุเป็นช่วงจัดโปรโมชันพอดี ด้านห้างรับที่จะเร่งเติมสินค้า หากชั้นวางโล่ง เพื่อป้องกันการตื่นตระหนก
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและผู้ประกอบการค้าปลีก ประมาณ 56 ราย เพื่อหารือถึงสถานการณ์ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากความกังวลเรื่องการระบาดของไว้รัสโควิด-19 ว่า ผู้ผลิตยืนยันว่ายังมีกำลังการผลิตเหลือ 30-40% ที่จะสามารถผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคป้อนผู้บริโภคได้ และยืนยันไม่มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบและการขนส่ง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้าปลีกที่ได้ยืนยันมีสต๊อกเพียงพอกับความต้องการ และจะให้ความร่วมมือวางสินค้าบนชั้นวางให้เร็วขึ้น เมื่อสินค้าหมดลง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการให้มากขึ้น และขอให้ภาครัฐมีการเผยแพร่ข้อมูลให้ชัดเจน เพื่อลดความตระหนกและลดความไม่เข้าใจของประชาชน
"กรมฯ จะมีการติดตามสถานการณ์ปริมาณสินค้า และการกำหนดราคาจำหน่ายที่เหมาะสม โดยขอให้ประชาชนมั่นใจว่าไทยไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร เพราะไทยเป็นแหล่งผลิตอาหาร"นายประโยชน์กล่าว
นายฉัตรชัย ดวงรัตนพันธ์ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผู้ผลิตยืนยันว่ายังใช้กำลังการผลิตเพียง 70% ของกำลังการผลิตรวม จึงไม่ต้องกัวลเรื่องสินค้ามีไม่เพียงพอ หากความต้องการเพิ่มขึ้น ก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ทันที ไม่เหมือนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ เพราะตอนนั้นสินค้าขาดแคลนจากโรงงานถูกน้ำท่วม ไม่สามารถผลิตได้ และไม่สามารถกระจายสินค้าได้ แต่ครั้งนี้ ยังผลิตและกระจายสินค้าได้ แม้หากมีบางโรงงานเจอปัญหาโควิด-19 จนต้องหยุดโรงงาน แต่ก็ยังมีโรงงานอื่นๆ ที่จะสามารถผลิตทดแทนได้ ยกตัวอย่างเช่นข้าวถุง มีผู้ผลิตถึง 124 บริษัท และมีสต๊อกขั้นต่ำ 3 เดือน เป็นต้น
ส่วนที่มีการปิดป้ายว่าสินค้าหมดแล้วหมดเลยนั้น เพราะเป็นช่วงจัดโปรโมชันพอดี เมื่อความต้องการสูง สินค้าหมดก็ต้องเลิกโปรโมชันลดราคา ไม่ใช่เป็นเรื่องสินค้าไม่เพียงพอ
น.ส.ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารห้างแม็คโคร กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการเข้ามาซื้อสินค้ามากกว่าปกติ โดยเฉพาะสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สูงถึง 50% แต่โดยรวมทั้งประเทศเพิ่ม 30% ซึ่งการเพิ่มขึ้นเป็นอิทธิพลของสื่อ ทำให้คนซื้อของเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ซึ่งในส่วนของห้าง ขอให้มั่นใจว่ามีการเตรียมสต๊อกเพียงพอ และมีการเติมสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนสินค้าที่มีความต้องการสูงในช่วงนี้ คือ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ อาหารกระป๋องต่างๆ กระดาษชำระ สินค้าเกี่ยวกับซักล้าง และทำความสะอาด เป็นต้น
น.ส.ณัฏฐินี เนตรอำไพ ผู้จัดการส่วนอาวุโสส่วนองค์กรและสื่อมวลชนสัมพันธ์ บริษัท ยูนิลิเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้สินค้าหลายชนิดมีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น โจ๊ก ซึ่งได้แก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 80% และยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอและสต๊อกมีต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าแน่นอน
พาณิชย์ ตรวจห้าง ย้ำสินค้าไม่ขาดแคลน แม็คโครรับปากเร่งเติมของ ป้องกันชั้นวางโล่ง
กรมการค้าภายในสำรวจสถานการณ์การซื้อสินค้าที่ห้าง พบมีประชาชนมาเลือกซื้อสินค้า แต่น้อยกว่าช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ย้ำอีกครั้งสินค้าไม่มีขาดแคลน แถมมีช่องทางออนไลน์เป็นทางเลือก ส่วนกำลังการผลิตปัจจุบันแค่ 70% ยังเพิ่มได้อีก ด้านการขนส่งก็ไม่มีปัญหา ขณะที่ผู้บริหารแม็คโครยันสินค้ามีเพียงพอ สั่งพนักงานเร่งเติมสต๊อกทันทีที่สินค้าโล่ง ป้องกันการตื่นตระหนก
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าที่ห้างแม็คโคร สาขานครอินทร์ ภายหลังจากที่กรมฯ ได้เชิญผู้ผลิตและห้างมาให้ข้อมูลสถานการณ์ราคาสินค้า และหารือถึงการเตรียมการดูแลสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน หลังจากที่ประชาชนมีความกังวลการระบาดของไวรัสโควิด-19 จนทำให้เข้ามาซื้อสินค้ากันมากกว่าปกติ โดยการตรวจสอบในครั้งนี้ พบว่า ยังมีประชาชนเข้ามาเลือกซื้อสินค้า แต่ปริมาณน้อยกว่าช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และไม่พบปัญหาสินค้าขาดแคลน
ทั้งนี้ ได้รับการยืนยันจากผู้บริหารห้างแม็คโครว่าได้จัดเตรียมสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนแล้ว โดยเพิ่มสินค้าบนชั้นวางสินค้าให้เร็วขึ้น และให้เพิ่มทันที หากพบว่าสินค้าในชั้นวางเริ่มน้อยลง เพื่อป้องกันการตื่นตระหนกของผู้บริโภค และทางแม็คโครยังยืนยันอีกว่าไม่มีปัญหาเรื่องสินค้าขาดแคลน โดยผู้บริโภคนอกจากจะเดินทางไปซื้อสินค้าในสาขาของห้างได้แล้ว ยังสามารถซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์และจัดส่งถึงบ้านได้ด้วย ซึ่งมีสินค้าพร้อมที่จะให้บริการอย่างเต็มที่
ส่วนความกังวลเรื่องกำลังการผลิต ผู้ผลิตยังยืนยันว่ามีกำลังการผลิตเหลือจากปัจจุบันอยู่ที่ 70% หากมีความต้องการเพิ่ม ก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ทันที และความกังวลเรื่องโลจิสติกส์และการขนส่ง ที่อาจจะมีปัญหา หากมีการแพร่โควิด-19 จนกระทบกับพนักงานขนส่งนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะการให้บริการด้านการขนส่งของไทยมีผู้ให้บริการเป็นจำนวนมาก และทุกรายมีการตื่นตัวในเรื่องการป้องกัน
นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าเพิ่มกว่าปกติ ส่วนใหญ่จะอยู่ในสาขากรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ในต่างจังหวัดไม่ได้เพิ่มมาก และสินค้าส่วนใหญ่ที่ซื้ออยู่ใน 10 กลุ่มที่มีความต้องการสูง คือ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ไข่ไก่ น้ำมันพืช กระดาษชำระ ซึ่งได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งเติมสินค้าให้รวดเร็วและเพียงพอ ส่วนการขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าจากเดิมที่เคยส่งวันละ 2 ครั้งต่อวัน ก็เพิ่มเป็น 4 ครั้งต่อวัน โดยยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอ ประชาชนไม่ต้องกังวล
สำหรับ การจำหน่ายหน้ากากอนามัยที่ได้จัดสรรจากกรมการค้าภายใน ทางห้างจะใช้วิธีกำหนดรอบการขายต่อวัน 2 ครั้ง คือ เวลา 10.00 น. กับ 15.00 น. โดยให้สิทธิประชาชนซื้อ 1 คน ต่อแพค 4 ชิ้น และต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อป้องกันการซื้อซ้ำ
พาณิชย์ ถกผู้ผลิต-ห้าง ประสานเสียงไม่ต้องกักตุน สินค้ามีเพียงพอ ยังผลิตเพิ่มได้อีกเยอะ
พาณิชย์ ถกผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า ประสานเสียงสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการ กำลังการผลิตยังเหลืออีก 30-40% เพิ่มการผลิตได้ตลอด แถมไม่มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ การขนส่ง เหมือนช่วงน้ำท่วม หรือหากบางโรงงานมีปัญหาเจอโควิด-19 จนต้องหยุดผลิต ก็มีโรงงานอื่นเข้ามาผลิตทดแทนได้ แจงห้างขึ้นป้ายสินค้าหมดแล้วหมดเลย เหตุเป็นช่วงจัดโปรโมชันพอดี ด้านห้างรับที่จะเร่งเติมสินค้า หากชั้นวางโล่ง เพื่อป้องกันการตื่นตระหนก
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและผู้ประกอบการค้าปลีก ประมาณ 56 ราย เพื่อหารือถึงสถานการณ์ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากความกังวลเรื่องการระบาดของไว้รัสโควิด-19 ว่า ผู้ผลิตยืนยันว่ายังมีกำลังการผลิตเหลือ 30-40% ที่จะสามารถผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคป้อนผู้บริโภคได้ และยืนยันไม่มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบและการขนส่ง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้าปลีกที่ได้ยืนยันมีสต๊อกเพียงพอกับความต้องการ และจะให้ความร่วมมือวางสินค้าบนชั้นวางให้เร็วขึ้น เมื่อสินค้าหมดลง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการให้มากขึ้น และขอให้ภาครัฐมีการเผยแพร่ข้อมูลให้ชัดเจน เพื่อลดความตระหนกและลดความไม่เข้าใจของประชาชน
"กรมฯ จะมีการติดตามสถานการณ์ปริมาณสินค้า และการกำหนดราคาจำหน่ายที่เหมาะสม โดยขอให้ประชาชนมั่นใจว่าไทยไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร เพราะไทยเป็นแหล่งผลิตอาหาร"นายประโยชน์กล่าว
นายฉัตรชัย ดวงรัตนพันธ์ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผู้ผลิตยืนยันว่ายังใช้กำลังการผลิตเพียง 70% ของกำลังการผลิตรวม จึงไม่ต้องกัวลเรื่องสินค้ามีไม่เพียงพอ หากความต้องการเพิ่มขึ้น ก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ทันที ไม่เหมือนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ เพราะตอนนั้นสินค้าขาดแคลนจากโรงงานถูกน้ำท่วม ไม่สามารถผลิตได้ และไม่สามารถกระจายสินค้าได้ แต่ครั้งนี้ ยังผลิตและกระจายสินค้าได้ แม้หากมีบางโรงงานเจอปัญหาโควิด-19 จนต้องหยุดโรงงาน แต่ก็ยังมีโรงงานอื่นๆ ที่จะสามารถผลิตทดแทนได้ ยกตัวอย่างเช่นข้าวถุง มีผู้ผลิตถึง 124 บริษัท และมีสต๊อกขั้นต่ำ 3 เดือน เป็นต้น
ส่วนที่มีการปิดป้ายว่าสินค้าหมดแล้วหมดเลยนั้น เพราะเป็นช่วงจัดโปรโมชันพอดี เมื่อความต้องการสูง สินค้าหมดก็ต้องเลิกโปรโมชันลดราคา ไม่ใช่เป็นเรื่องสินค้าไม่เพียงพอ
น.ส.ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารห้างแม็คโคร กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการเข้ามาซื้อสินค้ามากกว่าปกติ โดยเฉพาะสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สูงถึง 50% แต่โดยรวมทั้งประเทศเพิ่ม 30% ซึ่งการเพิ่มขึ้นเป็นอิทธิพลของสื่อ ทำให้คนซื้อของเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ซึ่งในส่วนของห้าง ขอให้มั่นใจว่ามีการเตรียมสต๊อกเพียงพอ และมีการเติมสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนสินค้าที่มีความต้องการสูงในช่วงนี้ คือ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ อาหารกระป๋องต่างๆ กระดาษชำระ สินค้าเกี่ยวกับซักล้าง และทำความสะอาด เป็นต้น
น.ส.ณัฏฐินี เนตรอำไพ ผู้จัดการส่วนอาวุโสส่วนองค์กรและสื่อมวลชนสัมพันธ์ บริษัท ยูนิลิเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้สินค้าหลายชนิดมีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น โจ๊ก ซึ่งได้แก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 80% และยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอและสต๊อกมีต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าแน่นอน
พาณิชย์ สรุปผลการจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยเพิ่มเป็น 159 ราย (ประจำวันที่ 17 มี.ค. 63)
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงรายงานผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของ วันที่ 17 มีนาคม 2563 จำนวน 10 ราย ดังนี้
- กรุงเทพฯ จำนวน 2 ราย โดยเป็นการจับกุมร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยในห้างเซ็นเตอร์วัน 1 ราย ข้อหากระทำความผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคา และจับกุมบริษัทตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยย่านบางขุนเทียน 1 ราย ขายหน้ากากอนามัย ชิ้นละ 3 บาท แจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม
- ต่างจังหวัด จำนวน 8 ราย ได้แก่ จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย ทั้งสามรายขายหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 13-25 บาท จึงแจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม จังหวัดอุบลราชธานี 4 ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา 2 ราย ข้อหาขายเกินราคาควบคุม และขายแพงเกินสมควร 2 ราย และจังหวัดปทุมธานี 1 ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและขายแพงเกินสมควร
โดยสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดถึงวันที่ 16 มีนาคม 2563 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 159 ราย แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 95 ราย และในต่างจังหวัด 64 ราย นอกจากได้จับกุมคนขายหน้ากากอนามัยแพงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศแล้ว ที่ผ่านมากระทรวงยังได้ตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดขายเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและข้อหาขายแพงเกินสมควรอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ด้วย
ทั้งนี้ปลัดกระทรวงได้เน้นย้ำเรื่องการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุม หากพบขายแพงเกินสมควรก็มีความผิดในข้อหาขายสินค้าแพงเกินสมควรตามมาตรา 29 จึงขอให้ผู้ค้าสินค้าทั้งหลายห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยเด็ดขาด
สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ในข้อหาขายเกินราคาควบคุม จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย
มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ในข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน
1.4 แสนบาท และหากเป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็ต้องแจ้งปริมาณการถือครองสินค้าต่อกรม
การค้าภายใน หากฝ่าฝืนจะมีความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ด้วย
หากพบเห็นผู้กระทำผิด โปรดแจ้งข้อมูลและหลักฐานมายัง สายด่วน 1569 หรือสื่อโซเชียลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web