- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 17 March 2020 12:10
- Hits: 2039
กรมเจรจาฯ โชว์ผลงาน 'อาฟต้า'ดันการค้าไทย-อาเซียนตั้งแต่เริ่มเปิดเสรีถึงปัจจุบันพุ่ง 976%
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผย'อาฟต้า' ช่วยดันการค้าไทย-อาเซียนนับจากเริ่มเปิดเสรีกันเมื่อปี 35 จนถึงปัจจุบันรวมแล้ว 27 ปี พุ่งสูงถึง 976% และกลายเป็นคู่ค้าเบอร์หนึ่งของไทย ส่วนสินค้าที่ขยายตัวสูงสุด 'รถยนต์และส่วนประกอบ' ครองแชมป์ ตามด้วยเม็ดพลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง และเครื่องสำอาง ด้านการลงทุนเพิ่ม 319%
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ตรวจสอบสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทย จากการเปิดเสรีทางการค้า โดยได้ติดตามการเปิดเสรีภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ที่ไทยได้ร่วมทำกับอาเซียนตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปี 2562 หรือรวม 27 ปี พบว่าได้ส่งผลดีทำให้การค้าไทยกับอาเซียนเพิ่มขึ้นสูงถึง 976% แยกเป็นการส่งออกเพิ่มขึ้น 1,301% การนำเข้าเพิ่มขึ้น 713% โดยดูลงลึกไปในปี 2535 ก่อนที่ AFTA จะมีผลใช้บังคับ การค้าของไทยกับอาเซียนมีมูลค่าเพียง 10,031 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 4,490 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 5,541 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในปี 2562 มูลค่าการค้าไทยกับอาเซียนเพิ่มขึ้นเป็น 107,928 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 62,904 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 45,024 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ดุลการค้ากว่า 17,880 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศอาเซียนที่มีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด เช่น มาเลเซีย สัดส่วน 21.6% รองลงมาเวียดนาม สัดส่วน 16.3% สิงคโปร์ สัดส่วน 15.3% และอินโดนีเซีย สัดส่วน 15.1%
ส่วนสินค้าที่ไทยขอใช้สิทธิส่งออกไปอาเซียนก่อนมี AFTA กับปี 2562 พบว่า รถยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวสูงสุด 36,860% รองลงมา คือ เม็ดพลาสติก ขยายตัว 7,246% น้ำมันสำเร็จรูป ขยายตัว 6,575% ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัว 5,594% และเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ขยายตัว 4,854% อัญมณีและเครื่องประดับ ขยายตัว 4,314% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัว 4,059% เคมีภัณฑ์ 2,675% น้ำตาลทราย 1,896% ประมงและผลิตภัณฑ์ 128%
ทางด้านการลงทุน ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนยังช่วยส่งเสริมบรรยากาศการลงทุน ทำให้ไทยซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากนานาประเทศเพิ่มขึ้น โดยในปี 2535 สถิติการลงทุนโดยตรงสะสมจากต่างประเทศของไทยอยู่ที่ 2,151 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 9,010 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2562 ขยายตัว 319%
นอกจากนี้ ไทยยังได้ร่วมกับอาเซียนพัฒนากลไกการอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น ระบบคลังข้อมูลการค้าของอาเซียน หรือ NTR ซึ่งรวบรวมข้อมูลอัตราภาษีศุลกากร กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้า การค้าบริการ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มาตรการทางการค้าของสมาชิกอาเซียน โดยสามารถสืบค้นข้อมูลได้ผ่านทางเว็บไซต์คลังข้อมูลการค้าไทย www.thailandntr.com และยังเปิดช่องทางออนไลน์ให้นักธุรกิจอาเซียนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับประเด็นอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนภายในอาเซียนร้องเรียนผ่านระบบ ASSIST หรือ ASEAN Solutions for Investments, Services and Trade (www.assist.asean.org) ด้วย
สำหรับ ความตกลง AFTA ประกอบด้วยสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา ได้ตกลงเปิดตลาดการค้าสินค้าระหว่างกัน ตั้งแต่ปี 2536 โดยสมาชิกได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรระหว่างกันแล้วเกือบทุกรายการสินค้าแล้ว ยกเว้นบางรายการเท่านั้น โดยในส่วนของไทยยังคงเก็บภาษีศุลกากรกับเนื้อมะพร้าวแห้ง เมล็ดกาแฟ ไม้ตัดดอก และมันฝรั่ง อยู่ที่ 5%
พาณิชย์’ ชูความสำเร็จอาฟต้า ทำการค้าไทยพุ่ง 976% ดันอาเซียนสู่คู่ค้าเบอร์ 1 ของไทย
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กางสถิติการค้า ชี้อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยต่อเนื่อง เผยตั้งแต่ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนมีผลใช้บังคับ จนถึงปี 2562 มูลค่าการค้าระหว่างกันขยายตัวก้าวกระโดดถึงร้อยละ 976 ขณะที่การลงทุนขยายตัวกว่าร้อยละ 319
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทย พบว่า อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) มีผลบังคับใช้ จนถึงปี 2562 การค้าไทยกับอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 976 การส่งออกขยายตัวกว่าร้อยละ 1,301 ส่วนการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 713 ทั้งนี้ ในปี 2535 ก่อนที่ AFTA จะมีผลใช้บังคับ การค้าของไทยกับอาเซียนมีมูลค่าเพียง 10,031 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 4,490 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 5,541 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในปี 2562 มูลค่าการค้าไทยกับอาเซียนกลับเพิ่มขึ้นเป็น 107,928 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 62,904 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 45,024 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ดุลการค้ากว่า 17,880 ล้านเหรียญสหรัฐ
นางอรมน เพิ่มเติมว่า เมื่อเปรียบเทียบสินค้าสำคัญที่ไทยขอใช้สิทธิส่งออกไปอาเซียนก่อนมี FTA กับปี 2562 พบว่า รถยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวสูงสุดถึงร้อยละ 36,860 รองลงมา คือ เม็ดพลาสติก ขยายตัว ร้อยละ 7,246 น้ำมันสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 6,575 ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 5,594 และเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ขยายตัวร้อยละ 4,854 สำหรับในปี 2562 ประเทศอาเซียนที่มีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด ได้แก่ มาเลเซีย สัดส่วนร้อยละ 21.6 รองลงมาเวียดนาม สัดส่วนร้อยละ 16.3 สิงคโปร์ สัดส่วนร้อยละ 15.3 และ อินโดนีเซีย สัดส่วนร้อยละ 15.1
นางอรมน เสริมว่า ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนยังช่วยส่งเสริมบรรยากาศการลงทุน ทำให้ไทยซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนนานาประเทศเพิ่มขึ้น โดยในปี 2535 สถิติการลงทุนโดยตรงสะสมจากต่างประเทศของไทยอยู่ที่ 2,151 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 9,010 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2562 ขยายตัวกว่าร้อยละ 319 นอกจากนี้ ไทยยังได้ร่วมกับอาเซียนพัฒนากลไกการอำนวยความสะดวกทางการค้า อาทิ ระบบคลังข้อมูลการค้าของอาเซียน หรือ NTR ซึ่งรวบรวมข้อมูลอัตราภาษีศุลกากร กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้า การค้าบริการ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มาตรการทางการค้าของสมาชิกอาเซียน
ทั้งนี้ สามารถสืบค้นข้อมูลได้ผ่านทางเว็บไซต์คลังข้อมูลการค้าไทย www.thailandntr.com ระบบ ASSIST หรือ ASEAN Solutions for Investments, Services and Trade (website : assist.asean.org) ซึ่งเป็นช่องทางออนไลน์ให้นักธุรกิจอาเซียน สามารถยื่นข้อร้องเรียนและรับการตอบกลับเกี่ยวกับประเด็นอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนภายใต้กรอบอาเซียน รวมถึงระบบแลกเปลี่ยนหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หรือ ATIGA Form D ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน ครบทั้ง 10 ประเทศ เป็นต้น
สำหรับความตกลง AFTA ประกอบด้วยสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา ได้ตกลงเปิดตลาดการค้าสินค้าระหว่างกัน ตั้งแต่ปี 2536 โดยสมาชิกได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรระหว่างกันแล้วเกือบทุกรายการสินค้าแล้ว ยกเว้นบางรายการเท่านั้น โดยในส่วนของไทยยังคงเก็บภาษีศุลกากรกับเนื้อมะพร้าวแห้ง เมล็ดกาแฟ ไม้ตัดดอก และมันฝรั่ง อยู่ที่ร้อยละ 5
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web