- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 17 March 2020 11:51
- Hits: 2023
พาณิชย์ เตรียมลงพื้นที่จ.ปัตตานี ช่วยผู้ประกอบการชายแดนใต้ใช้เอฟทีเอส่งออกอาเซียน
วีรศักดิ์ สั่งลุยช่วยผู้ประกอบการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดการค้าขายเจาะอาเซียน ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียที่มีความใกล้ชิดกับไทย เตรียมลงพื้นที่ 18-19 มี.ค.นี้ ช่วยผู้ผลิตสินค้าอาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง ผ้าพื้นเมือง หาโอกาสส่งออก
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เร่งให้ข้อมูล คำแนะนำ และเตรียมความพร้อมเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ในส่วนภูมิภาค เรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ขยายตลาดสินค้าไทยสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะใน 18 ประเทศ ที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย ซึ่งได้ลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าส่วนใหญ่ของไทยแล้ว เพื่อติดอาวุธผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่มีความใกล้ชิดกับชายแดนใต้ของไทย ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ จะลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 18-19 มี.ค.2563 เพื่อจัดกิจกรรม สร้างเครือข่ายเชื่อมโยง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่ตลาดการค้าอาเซียน' เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของจังหวัดชายแดนใต้ ที่จะเป็นประตูการค้าสู่อาเซียน โดยจะลงพื้นที่พบผู้ประกอบการชายแดนใต้ พร้อมแนะการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ โดยในวันที่ 19 มี.ค.2563 จะจัดการจัดสัมมนาหัวข้อ “เรื่องง่ายๆ ที่ต้องรู้กับการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ” และ “สินค้า 4 จังหวัดชายแดนใต้ ติดปีกสู่ตลาดการค้าเสรี” ณ โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี ให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร สมาชิก MOC Biz Club และวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 100 คน
“ในการจัดสัมมนาครั้งนี้ จะเน้นสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบและมาตรการทางการค้าของคู่ค้าอาเซียน การหาตลาดในอาเซียนให้กับสินค้าในพื้นที่โดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ เช่น สินค้าประมงแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางพารา ผ้าบาติก เป็นต้น รวมทั้งการวิเคราะห์สินค้าของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการตลาด”นางอรมนกล่าว
ทั้งนี้ จากการสำรวจสถิติสินค้าศักยภาพชายแดนใต้ พบว่า ในปี 2562 อาหารทะเลแช่เย็นแช่แข็ง มีมูลค่าส่งออกไปตลาดโลกถึง 1,842 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดส่งออกสำคัญ คือ ญี่ปุ่น มีมูลค่าการส่งออก 445.6 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมา ได้แก่ จีน สหรัฐฯ และอาเซียน มีมูลค่าการส่งออก 390 ล้านเหรียญสหรัฐ 275 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 176 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ที่ต้องเร่งใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดสินค้าไทย และเพิ่มแต้มต่อทางการค้าให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web