- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 28 February 2020 12:37
- Hits: 2428
บริษัทตั้งใหม่ม.ค.63 พุ่ง 6,942 ราย รับโควิด-19 อาจกระทบยอดจดบริษัทที่เกี่ยวท่องเที่ยว
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยบริษัทตั้งใหม่เดือนม.ค.63 มีจำนวน 6,942 ราย ลดลง 5% แต่เป็นยอดที่สูง หลังคนมั่นใจทำธุรกิจ รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริม SMEs ส่วนยอดเลิกมีจำนวน 1,407 ราย เพิ่มขึ้น 0.4% คาดแนวโน้มการตั้งบริษัทใหม่ยังดี ทั้งปี 7.1-7.3 หมื่นรายทำได้แน่ รับโควิด-19 อาจกระทบยอดตั้งบริษัทใหม่บ้าง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว เล็งจัดอบรม สัมมนา ลงพื้นที่ต่างจังหวัด ช่วยเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ
นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจในเดือนม.ค.2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 6,942 ราย เพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.2562 ที่ผ่านมา และลดลง 5% เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.2562 แต่ก็ถือเป็นยอดตั้งใหม่ที่สูง เพราะคนมั่นใจในการทำธุรกิจ และรัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ในการทำธุรกิจและส่งเสริมด้านเงินทุน และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 16,256 ล้านบาท โดยธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ยังคงเป็นก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร
ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 1,407 ราย เทียบกับเดือนธ.ค.2562 ที่ผ่านมา ลดลง 75% เพราะเดือนธ.ค.2562 ที่มีจดเลิกเยอะ จากการที่ไม่ต้องการส่งงบการเงินประจำปี 2563 และเมื่อเทียบกับเดือนม.ค.2562 เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยปกติ ไม่มีอะไรน่ากังวล โดยมีทุนจดทะเบียนเลิก 3,900 ล้านบาท และธุรกิจที่เลิก 3 อันดับแรก คือ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร ถือว่าสอดคล้องกับที่ตั้งใหม่
สำหรับ แนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในปี 2563 กรมฯ มั่นใจว่าจะมีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยยอดทั้งปีน่าจะทำได้ 7.1-7.3 หมื่นราย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจฟื้นตัว รัฐบาลมีนโยบายในการสนับสนุน SMEs แต่ก็ต้องระวังปัจจัยเสี่ยง เช่น ไวรัดโควิด-19 ที่กำลังระบาด ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่อาจจะมีจำนวนลดลง ซึ่งต้องรอดูตัวเลขเดือนก.พ.2563 ว่าจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นระยะสั้น เพราะหากสถานการณ์คลี่คลาย ทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมฯ ได้มีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจอื่นๆ แล้ว โดยจะเพิ่มการจัดกิจกรรมในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ทั้งการอบรม จัดสัมมนา การลงพื้นที่ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และทดแทนในส่วนรายได้ที่ขาดหายไปจากการท่องเที่ยว และหน่วยงานอื่นๆ ในกระทรวงพาณิชย์ ก็จะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ อยากจะฝากถึงหน่วยงานเอกชน ขอให้ดำเนินการด้วย เพื่อช่วยเหลือธุรกิจคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ลดลงด้วย
การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือนมกราคม 2563
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนาการบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา
e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการ ได้รวมทั้งสิ้น 10 ธนาคาร จำนวน 3,835 สาขา
e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th หรือผ่านระบบ mobile application (ios และ android) บนสมาร์ทโฟน โดยตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 483,673 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 7,735,596 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน
สำหรับ เดือนมกราคม 2563 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 9,982 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 168,639 ล้านบาท ทั้งนี้ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 50.93 (มูลค่า 85,892 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 49.05 (มูลค่า 82,724 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.01 (มูลค่า 23 ล้านบาท) และ ไม้ยืนต้น เป็นประเภทไม้ยางพารา คิดเป็นร้อยละ 0.0001 (มูลค่า 210,000 บาท) และมีผู้รับหลักประกัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 231 ราย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จัดสัมมนาการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ สำหรับผู้รับหลักประกัน เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมีผู้สนใจเข้าร่วม จำนวน 230 ราย
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560-31 มกราคม 2563 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 52,891 ราย รับจดทะเบียน 22,263 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration
DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคล ณ วันที่ 31 มกราคม 2563 (สำหรับนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2562) มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้วจำนวน 42,056 ราย คิดเป็น 6 % ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 37,939 ราย คิดเป็น 90% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 4,117 ราย คิดเป็น 10% จะเห็นว่าการนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing อยู่ในสัดส่วนถึง 90% ของนิติบุคคลที่ได้นำส่งงบการเงินแล้ว ซึ่งมียอดการนำส่งงบการเงินสูงกว่าปีก่อนเมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน ถือว่าการรณรงค์เชิญชวนให้นิติบุคคลนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ สามารถนำส่งงบการเงินได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลผ่าน DBD Data Warehouse และ DBD e - Service Application ได้อย่างรวดเร็ว
การนำส่งงบการเงินประจำปี 2563 นิติบุคคลสามารถนำส่งได้ 2 ช่องทาง คือ การนำส่งผ่านช่องทางออนไลน์ DBD e-Filing รูปแบบ Excel เวอร์ชั่น 2 ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานระบบที่ง่ายขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม และการนำส่งรูปแบบกระดาษ (ซึ่งจะต้องส่งผ่าน DBD e-Filing อีกครั้งภายใน 7 วัน จึงจะถือว่านำส่งงบการเงินเสร็จสมบูรณ์) โดยปีนี้กรมได้ปิดช่องทางการนำส่งงบการเงินทางไปรษณีย์ เนื่องจากปีที่ผ่านมานิติบุคคลนำส่งงบการเงินทางไปรษณีย์เพียง 0.5% ของนิติบุคคลที่นำส่งงบการเงิน ซึ่งส่วนใหญ่จะนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing)
กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้นิติบุคคลเตรียมความพร้อมโดยดาว์นโหลดไฟล์ Excel เวอร์ชั่น 2
สำหรับ กรอกงบการเงินได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยศึกษาวิธีการใช้งานได้ที่ www.dbd.go.th เลือก บริการออนไลน์ และ ระบบนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing)" และ ในส่วนการนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นนิติบุคคลจะต้องนำส่งภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดตามประเภทของนิติบุคคล ดังนี้ บริษัทจำกัด ต้องนำส่งแบบ บอจ.5 ต่อกรมฯ ภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ ในที่ประชุมใหญ่ และ บริษัทมหาชนจำกัด ต้องนำส่งแบบ บมจ.006 ภายใน 1 เดือน นับแต่วันเสร็จการประชุม ขอให้นำส่งผ่านระบบ DBD e-Filing เช่นกัน
สำหรับ มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา
- ขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงินให้กับผู้ประกอบธุรกิจที่มีหน้าที่ยื่นงบการเงิน และมีสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา สำหรับงบการเงินที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2562 ระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2562 - 31 ธันวาคม 2562 โดยขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงินออกไปอีก 2 เดือน ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 11
- ขยายเวลาการยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ให้แก่กรรมการของบริษัทที่มีสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา และมีหน้าที่ยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นแก่นายทะเบียน ระหว่างวันที่ 11 กุมภาพันธ์ - 29 กุมภาพันธ์ 2563 โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจยื่นหนังสือขอขยายเวลาต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทภายใน 15 วัน นับแต่เหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมาได้สิ้นสุดลง ทั้งนี้นายทะเบียนจะพิจารณาอนุญาตขยายเวลาให้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยขอรับข้อมูลได้ผ่านช่องทาง Walk in EMS Delivery และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) ซึ่งการบริการในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์มีจำนวนการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมกราคม 2563 มีจำนวน 18,480 ราย คิดเป็น 53% ของการให้บริการ e-Service และได้ขยายการให้บริการสู่การบริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ IOS
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ปรับลดอัตราค่าบริการหนังสือรับรอง รับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านธนาคาร (e-Certificate) จากอัตราเดิม หนังสือรับรองนิติบุคคล ฉบับละ 150 บาท เป็น ฉบับละ 100 บาท รับรองสำเนาเอกสารทะเบียน งบการเงิน/บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น จาก 1-5 หน้าแรก 100 บาท หน้าถัดไปหน้าละ 20 บาท เป็น หน้าละ 20 บาท โดยไม่กำหนดอัตราเริ่มต้น โดยธนาคารกรุงไทย ปรับลดเป็นระยะเวลา 8 เดือน ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 สิงหาคม 2563 มีสาขาที่พร้อมให้บริการทั้งสิ้น 1,132 สาขาทั่วประเทศ และธนาคารออมสิน ปรับลดเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 มิถุนายน 2563 กว่า 1,070 สาขาทั่วประเทศ
DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)
กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงินในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องคีย์ข้อมูลงบการเงินซ้ำ
การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs) และ e-Accounting for SMEs
Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี "โปรแกรม e-Accounting for SMEs" ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android
DBD Data Warehouse
กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในปี 2563 (ม.ค.) มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 644,603 ครั้ง
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web