- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 20 February 2020 17:52
- Hits: 1714
กรมเจรจาฯ เผยปี 62 ไทยค้าขายกับ 18 คู่เจรจาเอฟทีเอ คิดเป็น 2 ใน 3 ของการค้ารวมทั้งโลก
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศวิเคราะห์มูลค่าการค้าไทยกับ 18 คู่เจรจาเอฟทีเอปี 62 พบค้าขายกันสูงกว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของมูลค่าการค้าไทยกับโลก เผยส่งออกไปอาเซียนโตมากสุด ตามด้วยอินเดีย นิวซีแลนด์ ส่วนการนำเข้า อาเซียนนำโด่งโตสุด ตามด้วยจีนและอินเดีย ชี้เหตุส่งออกได้เพิ่ม หลายสินค้าภาษีเป็น 0% แล้ว และบางตัวภาษีต่ำ ทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ทำการวิเคราะห์การค้าไทยกับ 18 ประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอ ได้แก่ สมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง ในปี 2562 ที่ผ่านมา พบว่า การค้ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการค้ารวม 303,362 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นกว่า 2 ใน 3 หรือ 63% ของมูลค่าการค้าไทยกับโลก ที่มีมูลค่า 445,172 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มขึ้นถึง 750% หากเทียบกับปี 2535 ซึ่งเป็นปีแรกที่ไทยมีเอฟทีเอฉบับแรก โดยตอนนั้นมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 35,697 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ หากแยกเป็นการส่งออก พบว่า มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมปี 2535 ที่ไทยมีเอฟทีเอฉบับแรก โดยส่งออกได้ 13,348 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มเป็น 153,023 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2562 เพิ่มขึ้น 1,046% โดยเอฟทีเอที่ขยายตัวสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน เพิ่ม 1,301% อินเดีย เพิ่ม 1,048% และนิวซีแลนด์ เพิ่ม 368% ส่วนการนำเข้า เพิ่มจาก 22,349 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2535 เป็น 150,340 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้น 573% โดยเอฟทีเอที่นำเข้าเพิ่มขึ้นมากสุด 3 อันดับแรก คือ อาเซียน เพิ่ม 713% จีน เพิ่ม 518% และอินเดีย เพิ่ม 454%
อย่างไรก็ตาม หากดูเป็นรายสินค้า พบว่า สินค้าเกษตรสำคัญหลายตัวส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้ ส่งออกมูลค่า 3,648 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 33% ตลาดส่งออกหลัก คือ จีนและอาเซียน ไก่สด ส่งออกมูลค่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 15% ตลาดส่งออกหลัก คือ ญี่ปุ่นและอาเซียน ไก่แปรรูป ส่งออกมูลค่า 2,594 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 7% ตลาดส่งออกหลัก คือ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และเกาหลีใต้ สินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ ส่งออกมูลค่า 15,691 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 31% ตลาดส่งออกหลัก คือ สวิตเซอร์แลนด์ อาเซียน และฮ่องกง เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ส่งออก 3,406 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 11% ตลาดส่งออกหลัก คือ อาเซียน ญี่ปุ่น จีน และออสเตรเลีย เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ส่งออกมูลค่า 5,515 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 3% ตลาดส่งออกหลัก คือ อาเซียน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นต้น
“สินค้าหลายๆ ตัวที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เป็นเพราะไม่ถูกเก็บภาษีศุลกากรแล้ว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ ไม่ถูกเก็บภาษีใน 18 ประเทศคู่เอฟทีเอ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ไม่ถูกเก็บภาษีใน 17 ประเทศ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ไม่ถูกเก็บภาษีใน 15 ประเทศ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และผลิตภัณฑ์ยาง ไม่ถูกเก็บภาษีใน 14 ประเทศ สินค้าไก่ ไม่ถูกเก็บภาษีใน 12 ประเทศ สินค้าผลไม้ไม่ถูกเก็บภาษีใน 6 ประเทศ ขณะเดียวกัน แม้บางประเทศจะยังเก็บภาษีศุลกากรกับไทย แต่ก็ได้ลดอัตราภาษีลง ทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง”นางอรมนกล่าว
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web