- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 03 February 2020 22:17
- Hits: 1653
พาณิชย์ ยันยูเคออกอียู ไม่กระทบการค้า เล็งเดินหน้าสานสัมพันธ์ปูทางทำเอฟทีเอ
พาณิชย์”ประเมินสหราชอาณาจักรออกจากอียู (เบร็กซิต) อย่างเป็นทางการ ยันไม่มีผลกระทบต่อการค้าไทย เหตุยังทำการค้าได้เป็นปกติอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ เหตุยูเคยังอยู่ภายใต้กฎระเบียบอียู แต่จะมีการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าจนถึงความมั่นคงต่อไป ระบุไทยจะจับตาใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าติดตามผลประโยชน์ไทยทั้งกับอียูและยูเคในเรื่องโควตาสินค้า 31 รายการ เตรียมสานสัมพันธ์ ศึกษานโยบายการค้า ผลดีผลเสีย ปูทางสู่การทำเอฟทีเอระหว่างกัน ก่อนจัดสัมมนาใหญ่ช่วงมี.ค.นี้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่สหราชอาณาจักร (ยูเค) ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิต อย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 23.00 น ของวันที่ 31 ม.ค.2563 หรือเวลา 06.00 น ของวันที่ 1 ก.พ.2563 เวลาประเทศไทย ว่า ในชั้นนี้ ประเมินว่าไม่น่ามีผลกระทบมาก อาจมีเพียงความผันผวนอ่อนค่าลงของเงินปอนด์เล็กน้อย โดยการค้าระหว่างยูเคกับประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยจะยังคงดำเนินไปได้ตามปกติ ภายใต้กฎระเบียบการค้าเดิมเสมือนว่ายูเคยังอยู่กับอียูไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ในช่วงระหว่างนี้ ยูเคจะหารือกับอียูเพื่อเจรจาจัดทำความตกลงทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งกรมฯ จะติดตามผลการหารือนี้อย่างใกล้ชิดว่าจะมีรายละเอียดอย่างไร และจะมีผลกระทบหรือสร้างโอกาสทางการค้ากับไทยมากน้อยเพียงใด เพื่อประสานกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเตรียมการปรับตัวได้ทันท่วงที
ก่อนหน้านี้ ยูเคใช้เวลาดำเนินการกว่า 3 ปี นับจากวันที่ประกาศถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิก เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2559 จนสามารถบรรลุผลการเจรจาข้อตกลงการถอนตัว และได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาของทั้งสองฝ่ายได้เป็นผลสำเร็จ โดยนับจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2563 จะเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน 11 เดือน ที่ยูเคจะยังคงอยู่ภายใต้กฎระเบียบของอียู แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงใดๆ โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องเร่งเจรจาจัดทำความตกลงทั้งด้านการค้าไปจนถึงความมั่นคงเพื่อให้การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันไม่สะดุดเมื่อยูเคออกจากอียูอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 1 ม.ค.2564
นางอรมน กล่าวว่า นับตั้งแต่ยูเคประกาศความตั้งใจถอนตัวจากอียู กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์เบร็กซิตอย่างใกล้ชิด และเตรียมการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการเจรจากับทั้งอียูเเละยูเคเรื่องการแก้ไขตารางข้อผูกพันโควตาภาษีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับโควตาสินค้าจำนวน 31 รายการ เช่น มันสำปะหลัง แป้งมันสำปะหลัง ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวหัก ผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก ปลากระป๋อง เป็นต้น ที่ไทยเคยได้รับโควตาจากอียู เเละจะต้องมีการจัดสรรเเบ่งโควตาใหม่ภายหลังยูเคออกจากอียู โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นในการรักษาผลประโยชน์ของไทยให้ได้รับปริมาณโควตารวม (ที่ทั้งอียูและยูเคจะต้องจัดสรรโควตาให้ไทยใหม่) ไม่น้อยกว่าที่ไทยเคยได้รับเมื่อตอนที่ยูเคยังเป็นสมาชิกอียู รวมทั้งสะท้อนปริมาณการค้าจริงระหว่างไทยกับอียู 27 ประเทศ และยูเคให้มากที่สุด
นอกจากนี้ เนื่องจากยูเคเป็นคู่ค้ารายสำคัญอันดับที่ 21 ของไทย (อันดับที่ 2 ในอียู รองจากเยอรมนี) มีมูลค่าการค้ากับไทยปี 2562 อยู่ที่ 6,260 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยได้ดุลการค้า 1,426 ล้านเหรียญสหรัฐ การกระชับความสัมพันธ์กับยูเคภายหลังเบร็กซิทจึงเป็นเรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ ซึ่งขณะนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างศึกษานโยบายและมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับยูเค และมีกำหนดจัดประชุมเพื่อระดมความเห็นกับภาครัฐและภาคเอกชน ในวันที่ 7 และ 13 ก.พ.2563 ตามลำดับ ซึ่งเมื่อไทยและยูเคจัดทำรายงานการศึกษานโยบายการค้าของกันและกันเสร็จแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะเข้าสู่กระบวนการหารือเพื่อจัดทำรายงานนโยบายการค้าร่วมกันต่อไป ซึ่งจะช่วยปูทางไปสู่การจัดทำเอฟทีเอระหว่างกันในอนาคต
นางอรมน กล่าวว่า กรมฯ มีแผนที่จะจัดสัมมนาเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ และผู้สนใจในเรื่องการประกอบธุรกิจและกฎระเบียบการทำการค้ากับยูเคภายหลังเบร็กซิตในเดือนมี.ค.2563 โดยเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการรับมือเบร็กซิต รวมถึงแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนระหว่างไทยและยูเคต่อไปในอนาคต
ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยเรื่องประโยชน์และผลกระทบต่อไทยในการทำเอฟทีเอกับยูเค รวมทั้งเตรียมจัดรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร และภาคประชาสังคมในเรื่องดังกล่าว เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเสนอระดับนโยบายตัดสินใจเรื่องการทำเอฟทีเอระหว่างสองประเทศต่อไป
ทั้งนี้ การค้าไทยกับยูเคในปี 2562 มีมูลค่ารวม 6,260 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.04% โดยไทยส่งออกไปยูเค 3,843 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ไก่แปรรูป รถยนต์และอุปกรณ์ แผงวรจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ รถจักรยานยนต์ เครื่องจักรกล เป็นต้นและไทยนำเข้าจากยูเค 2,417 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวรจรไฟฟ้า เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เป็นต้น
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web