- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 03 January 2020 11:25
- Hits: 1532
พาณิชย์ เตรียมชง'จุรินทร์'เคาะเป้าส่งออกปี 63 พร้อมแผนผลักดันให้บรรลุผล
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เตรียมชง ‘จุรินทร์’เคาะเป้าหมายส่งออกปี 63 เบื้องต้น พร้อมแผนผลักดันเพื่อให้บรรลุผล เผยทำเป้าไว้ 3 ระดับ ตั้งแต่โต 1-3% ก่อนเอาข้อมูลไปประชุมร่วมผู้ส่งออก-ทูตพาณิชย์ กำหนดเป้าทางการอีกครั้ง ชี้ผลศึกษามีสินค้าไทยที่เป็นดาวรุ่ง มีโอกาสเจาะรายตลาดเพียบ ยอมรับบาทแข็งกระทบส่งออก และรายได้เกษตรกร แนะรัฐออกมาตรการช่วยเหลือภาคเกษตรเพิ่ม
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) กระทรวงพาณิชย์ ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ในช่วงกลางเดือนม.ค.2563 สนค.เตรียมเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเป้าหมายมูลค่าการส่งออกปี 2563 ซึ่งเป็นเป้าหมายเบื้องต้น รวมถึงแนวทางที่จะส่งเสริมและผลักดันการส่งออกเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีเป้าหมาย 3 ระดับ คือ มูลค่าส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 1%, 2% และ 3% เมื่อเทียบกับปี 2562 แต่รัฐบาลต้องการผลักดันให้ได้ถึง 3% เพื่อให้เศรษฐกิจไทยปี 2563 ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ไม่ต่ำกว่า 2.8%
“เป้าหมายมูลค่าการส่งออกแต่ละระดับ คือ ตั้งแต่ 1-3% สนค.ได้เสนอแนวทางการผลักดันไว้ด้วย ถ้าต้องการจะให้ขยายตัวได้ 1% หรือ 2% หรือ 3% จะต้องส่งเสริมและผลักดันอย่างไร โดยเฉพาะในตลาดเป้าหมาย 18 ประเทศทั่วโลก ที่รมว.พาณิชย์ตั้งเป้าหมายจะเดินทางไปเจรจาขายสินค้าด้วยตัวเอง จะเอาสินค้าอะไรไปขาย และในแต่ละเดือนต้องส่งออกให้ได้เท่าไร จึงจะบรรลุเป้าหมาย ซึ่งข้อมูลที่เตรียมนำเสนอนั้น สนค.ประเมินจากความต้องการซื้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และจะเอาข้อมูลนี้เสนอให้รมว.พาณิชย์ใช้ประกอบการเดินทางไปขายสินค้าใน 18 ประเทศด้วย”
ทั้งนี้ ในส่วนของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะต้องหารือกับผู้ส่งออกเพื่อประเมินสถานการณ์ในแต่ละตลาด จากนั้นจึงเอาข้อมูลทั้งหมดมาประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์ เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายการส่งออกอย่างเป็นทางการต่อไป
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการซื้อสินค้าจากทั่วโลกในปี 2563 พบว่า ยังมีความต้องการซื้อสินค้าอยู่มาก แต่บางสินค้า ไม่ได้นำเข้าจากไทย แต่นำเข้าจากคู่แข่งไทย เช่น ยางพาราและผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่ประเทศผู้นำเข้าจะนำเข้าจากจีน และจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย ดังนั้น จึงต้องหาทางผลักดันการส่งออกของไทยเข้าไปทดแทนให้ได้ ซึ่งการเดินทางไปเจรจาขายสินค้าด้วยตนเองของรมว.พาณิชย์ จะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยผลักดันได้
สำหรับ สินค้าส่งออกดาวรุ่งของไทยในปี 2563 เช่น ผลิตภัณฑ์ยางพารา โดยตลาดที่มีศักยภาพนำเข้า ได้แก่ สหรัฐฯ จีน เวียดนาม เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ซาอุดิอาระเบีย, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส , ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน , เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ตลาดศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย
นอกจากนี้ ยังมีไก่แปรรูป ตาดศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฮ่องกง, เครื่องนุ่งห่ม ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ เบลเยี่ยม จีน สหราชอาณาจักร , รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เบลเยี่ยม กัมพูชา , เครื่องดื่ม ตลาดศักยภาพ เช่น กัมพูชา เมียนมา จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ , อาหารสัตว์เลี้ยง ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ มาเลเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน , เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ จีน มาเลเซีย เวียดนาม , เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว และของใช้ในบ้านเรือน ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ จีน เดนมาร์ก
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวถึงการแข็งค่าของเงินบาทว่า จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยแน่นอน โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งจะทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง และกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลควรหาทางช่วยเหลือภาคเกษตรกร เพื่อบรรเทาผลกระทบเพิ่มเติม แม้ปัจจุบันจะมีโครงการประกันรายได้ ที่ช่วยลดผลกระทบได้ระดับหนึ่ง เพราะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น หากผลผลิตที่ขายได้ มีราคาต่ำกว่าราคาประกัน ก็จะได้รับชดเชยส่วนต่าง
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web