- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 01 January 2020 13:14
- Hits: 10430
วีรศักดิ์ สั่งโปรโมตมาตรฐาน ‘ทับทิมสีตากระต่าย’สร้างมูลค่าเพิ่มพลอยทับทิมไทย
วีรศักดิ์ สั่งเร่งโปรโมต งทับทิมสีแดงสดอมชมพูง หรือทับทิมสีตากระต่าย หลังเพิ่งเปิดตัวชุดมาตรฐานสีทับทิมขึ้นมาใหม่ ประเดิมในงาน International Jewellery Tokyo 2020 เดือนม.ค.63 มั่นใจสร้างการยอมรับ สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้ทับทิมไทยขายได้ในราคาที่เหมาะสม และเพิ่มยอดการส่งออกได้เพิ่มขึ้น
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เดินหน้าประชาสัมพันธ์มาตรฐานสีทับทิม ‘สีแดงสดอมชมพู (Rabbit’s Eye Ruby) และสีแดงทอง (Golden Red Ruby)’ ซึ่งเป็นมาตรฐานสีทับทิมที่กำหนดขึ้นมาใหม่ ในช่วงการจัดงานเทศกาลนานาชาติ พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2019 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนการค้าพลอยสีของไทย โดยเฉพาะทับทิม ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ และได้รับการยอมรับในตลาดโลก
“จะมีการเปิดตัวชุดมาตรฐานพลอยทับทิมสีแดงสดอมชมพู ในงาน International Jewellery Tokyo 2020 ณ ประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 20-23 ม.ค.2563 เป็นงานแรก เพื่อแนะนำมาตรฐานสีทับทิมตัวใหม่ โดยมั่นใจว่าหลังจากเปิดตัว จะสร้างการยอมรับ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทับทิมของไทย ทำให้ขายสินค้าได้ในราคาที่เหมาะสม และเพิ่มมูลค่าการส่งออกทับทิมได้เพิ่มขึ้น”
สำหรับ ทับทิมสีแดงสดอมชมพู หรือ Rabbit’s Eye Ruby มีแนวคิดมาจากทับทิมที่มีสีแดงอมชมพูเหมือน “ตากระต่าย” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดจันทบุรี
ทั้งนี้ ทับทิมถือเป็นอัญมณีส่งออกสำคัญของไทย โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกทับทิมมูลค่ารวม 11,375 ล้านบาท ถือเป็นอันดับ 3 ของโลก
วีรศักดิ์ โชว์เก๋า ผลงาน 5 เดือน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็งพร้อมลุยปี ‘63 ต่อเนื่อง ...สานต่อกิจกรรมเดิม ...ริเริ่มโครงการใหม่เป้าหมายสูงสุด คือ ประชาชน ผู้ประกอบธุรกิจ และประเทศชาติ
วีรศักดิ์' รัฐมนตรีติดดิน เดินหน้าไม่หยุด โชว์ผลงาน 5 เดือน เน้นสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งโชวห่วย...ยังคงให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ...ปี '63 เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อเนื่อง สั่งการกรมพัฒน์ฯ เตรียมเหนื่อยต่อ...เพื่อประชาชน ผู้ประกอบการ และประเทศชาติ
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "เดือนธันวาคม 2562 นี้ จะครบรอบ 5 เดือน ที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ดำเนินภารกิจสำคัญหลายเรื่อง เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก เป็นภารกิจที่ตั้งใจจะทำให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง เนื่องจากเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลต่อความกินดี อยู่ดี และปากท้องของประชาชน ทำให้เศรษฐกิจเกิดความสมดุล ขณะเดียวกัน ได้เร่งผลักดันผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชน เอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีความเข้มแข็ง ทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และการพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว"
"สนับสนุนให้ผู้ประกอบการเร่งขยายช่องทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ อี-คอมเมิร์ซ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ ได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการสินค้าชุมชนนำสินค้าขึ้นขายบนแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง เช่น Lazada, Shopee และ อี-มาร์เก็ตเพลสอื่นๆ ทำให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้ง สร้างองค์ความรู้ที่สำคัญสำหรับการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แก่ผู้ประกอบการทุกระดับเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ และกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้น"
รมช.พณ.กล่าวต่อว่า “ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของไทย โดยเฉพาะ "โชวห่วย" ให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน ให้ความรู้ ปรับภาพลักษณ์ร้านค้า จัดหาสินค้าราคาประหยัด เชื่อมโยงสินค้าชุมชนเพื่อสร้างความแตกต่าง สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการร้านค้า การให้สินเชื่อเพื่อการพัฒนาธุรกิจ รวมถึง การจัดกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจค้าส่งค้าปลีกเพื่อกระจายสินค้าระหว่างกัน จำนวนกว่า 6,000 ราย ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1,258 ล้านบาท โดยปี 2562 นี้ ได้ดำเนินการพัฒนาร้านโชวห่วยไปแล้วทั่วประเทศกว่า 10,000 ร้านค้า”
"เพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP Select โดยร่วมกับ บริษัท คิงส์พาวเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด คัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP Select ที่มีศักยภาพขึ้นจำหน่ายในร้านค้าบนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต มียอดจำหน่ายรวมกว่า 500 ล้านบาท มีการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด และพัฒนาผู้ประกอบการสู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น"
"นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอีไทยด้วยหลักประกันทางธุรกิจ โดยการให้ความรู้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และสร้างความรู้/ความเข้าใจกับประชาชนในการปลูกต้นไม้เพื่อเป็นหลักประกันในการประเมินขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และ ส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง"
"ซึ่งภารกิจดังกล่าว ต้องดำเนินงานควบคู่กันไป และให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ เนื่องจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้มีความมั่นคงในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ที่กำลังจะถึงนี้ ก็พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการทุกประเภทธุรกิจ เช่น ผู้ประกอบธุรกิจชุมชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ การขยายช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ในรูปแบบ Omni Channel มีการเชื่อมโยงการค้าขยายช่องทางการตลาดระดับภาคและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม
การพัฒนาร้านค้าปลีกสู่การเป็น Smart โชวห่วย การผลักดันให้ผู้ประกอบการใช้ช่องทาง e-Commerce เพิ่มขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม อี-มาร์เก็ตเพลส ที่มีศักยภาพและเป็นที่นิยม รวมถึง จะมีการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP Selectไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ และอู่ตะเภาเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายภารกิจที่ต้องดำเนินการ ทั้งสานต่อกิจกรรมเดิม และริเริ่มโครงการใหม่ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจท้องถิ่นของประเทศมีความเข้มแข็งมากที่สุด โดยคำนึงถึงประชาชน ผู้ประกอบการ และประเทศชาติเป็นที่ตั้ง"รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้าย
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web