- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 25 December 2019 15:21
- Hits: 2358
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยธุรกิจตั้งใหม่พ.ย. 4,968 ราย เลิก 2,393 ราย ชี้ตั้งน้อยเลิกมาก เหตุไม่อยากส่งงบ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยบริษัทตั้งใหม่พ.ย. 4,968 ราย ลดลง 10% ส่วนบริษัทเลิกกิจการ 2,393 ราย ลดลง 4% เหตุคนไม่นิยมตั้งธุรกิจใหม่ช่วงนี้ และเลิกกิจการกันมาก เพราะไม่อยากส่งงบการเงิน ยังมั่นใจทั้งปีจดธุรกิจใหม่ทะลุ 7.2 หมื่นราย
นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศเดือนพ.ย.2562 มีจำนวน 4,968 ราย เทียบกับเดือนต.ค.2562 ที่ผ่านมา ลดลง 14% เทียบกับพ.ย.2561 ลดลง 10% และมียอดทุนจดทะเบียนรวม 21,395 ล้านบาท ลดลง 72% ส่วนยอดรวมธุรกิจตั้งใหม่ 11 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนรวม 68,327 ราย เพิ่มขึ้น 0.47% และมีทุนจดทะเบียนรวม 306,013 ล้านบาท ลดลง 9%
สำหรับ ธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือนพ.ย.2562 สูงสุด 3 อันดับแรก ยังคงเป็น ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 2,393 ราย เทียบกับต.ค.2562 เพิ่มขึ้น 13% เทียบกับพ.ย.2561 ลดลง 4% มีทุนเลิกกิจการ 7,409 ล้านบาท ลดลง 8% และยอดเลิกกิจการรวม 11 เดือน มีจำนวน 16,463 ราย เพิ่มขึ้น 1% และมีทุนเลิกรวม 90,368 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%
“การจดทะเบียนตั้งใหม่และเลิกกิจการช่วงปลายปี มีทิศทางปกติเหมือนทุกปีที่การตั้งธุรกิจใหม่จะน้อยลง และการเลิกกิจการจะเพิ่มขึ้น และเมื่อดูย้อนหลังไป 5 ปี ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะธุรกิจตั้งใหม่ไม่อยากจะทำบัญชี และส่งงบการเงิน ก็เลยเลี่ยงที่จะตั้งธุรกิจ ส่วนพวกที่เลิกธุรกิจในช่วงปลายปี ก็เพราะไม่อยากทำบัญชี และส่งงบการเงินของปี 2562 จึงไม่ได้มีอะไรผิดปกติ”นางโสรดากล่าว
นางโสรดา กล่าวว่า แนวโน้มการจดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนธ.ค.2562 น่าจะใกล้เคียงกับเดือนพ.ย.2562 และคาดว่าจะทำให้การจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 72,000 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขปี 2561 และปัจจุบัน มีธุรกิจยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศรวม 748,942 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 18.24 ล้านล้านบาท แยกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 184,855 ราย คิดเป็น 24.68% ของธุรกิจที่มีอยู่ทั้งหมด บริษัทจำกัด 562,828 ราย คิดเป็น 75.15% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,295 ราย คิดเป็น 0.17%
การจดทะเบียนธุรกิจ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผลการจดทะเบียนธุรกิจ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนพฤศจิกายน
- จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2562 จำนวน 4,968 ราย รวมจำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - พ.ย. 62 มีจำนวน 68,327 ราย โดยเพิ่มขึ้นใกล้เคียงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. - พ.ย. 61) จำนวน 68,007 ราย
- ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 486 ราย คิดเป็น ร้อยละ 10 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 334 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 174 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 ตามลำดับ
- มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 21,395 ล้านบาท รวมมูลค่าทุน จดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - พ.ย. 62 มีจำนวน 306,013 ล้านบาท
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 3,366 ราย คิดเป็นร้อยละ 67.76 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,487 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.93 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 99 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.99 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.32 ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ เดือนพฤศจิกายน
- จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 2,393 ราย รวมจำนวนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - พ.ย. 62 มีจำนวน 16,463 ราย ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. - พ.ย. 61) ซึ่งมีจำนวน 16,264 ราย
- ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 203 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 148 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 62 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
- มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในเดือนพฤศจิกายน 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 7,409 ล้านบาท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - พ.ย. 62 มีจำนวน 90,368 ล้านบาท
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,651 ราย คิดเป็นร้อยละ 68.99 รองลงมาคือช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 628 ราย คิดเป็นร้อยละ 26.24 ลำดับถัดไปคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 104 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.35 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.42 ตามลำดับ
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนพฤศจิกายน
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 พ.ย. 62) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน748,942 ราย มูลค่าทุน 18.24 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 184,855 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.68 บริษัทจำกัด จำนวน 562,828 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.15 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,259 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ตามลำดับ
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 442,960 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.15 รวมมูลค่าทุน 0.39 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.14 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 219,698 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.33 รวมมูลค่าทุน 0.72 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.95 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 70,821 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.46 รวมมูลค่าทุน 1.92 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.52 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,463 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.06 รวมมูลค่าทุน 15.21 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.39 ตามลำดับ
แนวโน้มการจัดตั้งธุรกิจ
แนวโน้มของการจัดตั้งธุรกิจตลอดปี 2562 เมื่อประเมินจากสถานการณ์การจดทะเบียนและสภาพเศรษฐกิจ คาดว่า สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจะมีจำนวนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา (ประมาณ 72,000 ราย)
การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว
เดือนพฤศจิกายน
- เดือนพฤศจิกายน 2562 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 56 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 22 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 34 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 18,011 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 21 ราย เงินลงทุน 8,534 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 567 ล้านบาท และมาเลเซีย 4 ราย เงินลงทุน 126 ล้านบาท
- เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2562 คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 561 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 185,829 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรากฏว่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 73,283 ล้านบาท (65%) เนื่องจากใน ปี 62 มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการออกแบบทางวิศวกรรมและบริหารจัดการโครงการรื้อถอนแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเล บริการออกแบบติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบริหารจัดการโครงการประตูกั้นชานชาลาแบบครึ่งความสูง เป็นต้น
การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือนพฤศจิกายน 2562
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนาการบริการทุกกระบวนการของกรม ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา
e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด โดยในวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ได้มีการขยายการให้บริการไปยังธนาคารทหารไทย ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการ ได้รวมทั้งสิ้น 10 ธนาคาร จำนวน 3,969 สาขา
e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียม ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th หรือผ่านระบบ mobile application (iOs และAndroid) บนสมาร์ทโฟน
โดยระหว่าง 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 465,336 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 7,444,974 ล้านบาท มีการทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน
สำหรับ เดือนพฤศจิกายน 2562 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 7,700 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 205,109 ล้านบาท ทั้งนี้ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจมากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้าสิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 56.79 (มูลค่า 45,282 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินค้าคงคลัง เครื่องจักรคิดเป็นร้อยละ 43.18 (มูลค่า 34,427 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียนคิดเป็นร้อยละ 0.03 (มูลค่า 22 ล้านบาท) และ ไม้ยืนต้น เป็นประเภทไม้ยางพารา คิดเป็นร้อยละ 0.0002 (มูลค่า 210,000 บาท) และมีผู้รับหลักประกัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 217 ราย
นอกจากนี้เมื่อ 18 ธันวาคม 2562 สำนักงานพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้จัดงานสัมมนาเผยแพร่ผลการพัฒนาแนวทางการให้บริการภาครัฐ เรื่อง "4 ปี กฎหมายอำนวยความสะดวก สู่บริการภาครัฐในยุคดิจิทัล" ซึ่งบริการ "การจดทะเบียน การแกไขรายการจดทะเบียน และการยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ" ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ได้ลดระยะเวลาที่ใช้ในการให้บริการจากเดิม 15 นาที เหลือ 1 นาที ติด 1 ใน 10 อันดับกระบวนงานที่ลดระยะเวลาการให้บริการ จากการจัดอันดับการปรับลดระยะเวลาการให้บริการทั้งสิ้น 358 งานบริการ
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 30 พฤศจิกายน 2562 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 49,830 ราย รับจดทะเบียน 20,333 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration
DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการยื่นงบการเงินประจำปี 2561 สำหรับนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จะต้องนำส่งงบการเงินภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 นิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้วจำนวน 557,691 ราย โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 518,040 ราย คิดเป็นร้อยละ 93 และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 39,651 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 จะเห็นว่าการนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing อยู่ในสัดส่วน 93% ของนิติบุคคลที่ได้นำส่งงบการเงินแล้ว ซึ่งมียอดการนำส่งงบการเงินสูงกว่าปีก่อนเมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน ถือว่าการรณรงค์เชิญชวนให้นิติบุคคลนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งกรมฯ มั่นใจว่าการนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถอำนวยความสะดวกลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่ภาคธุรกิจ เนื่องจากสามารถนำส่งงบการเงินได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลผ่าน DBD Data Warehouse และ DBD e - Service Application ได้อย่างรวดเร็ว โดยถือเป็น ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการผลักดันให้กรมฯ ก้าวสู่การเป็นหน่วยงานภาครัฐดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และตอบสนองการพัฒนาระบบให้บริการภาคธุรกิจที่เป็นเลิศมุ่งสู่ยุค Thailand 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล
สำหรับ นิติบุคคลที่ยังไม่นำส่งงบการเงิน กรมฯ จะดำเนินการติดตามให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งการนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing จะช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินเพื่อทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว เป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ภาคธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้ารวมทั้ง สถาบันการเงินในการติดต่อทำธุรกรรมอีกด้วย
การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยขอรับข้อมูลได้ผ่านช่องทาง Walk in EMS Delivery และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) ซึ่งการบริการในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์มีจำนวนการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤศจิกายน 2562 มีจำนวน 14,301 ราย ซึ่งภาพรวมเฉลี่ยเดือนละ 10,048 ราย และได้ขยายการให้บริการสู่การบริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ IOS
DBD e-Accounting โปรแกรมบัญชีเพื่อช่วยเหลือ SMEs
กรมได้ดำเนินการแจก"โปรแกรม e-Accounting for SMEs" ช่วยเหลือ SMEs สามารถบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อน ลดระยะเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ทาง Play store ซึ่งมีการพัฒนาซอฟแวร์บัญชีเชื่อมต่อกับการนำส่งงบการเงินทางระบบ DBD e-Filing ผ่านทาง DBD Connect ซึ่งเป็นการร่วมกับผู้พัฒนาซอฟแวร์บัญชี เพื่อเชื่อมโยงระบบงานบัญชีเข้าสู่งบการเงินทางออนไลน์ได้โดยทันที จำนวน 15 ราย
Total Solution for SMEs
การขับเคลื่อน SMEs ไทย ด้วยนวัตกรรมออนไลน์ โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีทางการบัญชี และบริหารจัดการร้านค้าได้โดยง่าย ให้ได้รับข้อมูลในการบริหารจัดการธุรกิจแบบถูกต้อง ครบวงจร เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วน ไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) โดยผู้ประกอบการสามารถจัดทำบัญชีเบื้องต้นได้เองก่อนส่งข้อมูลให้ผู้ทำบัญชีตรวจสอบ
DBD Data Warehouse
กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุน การตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในปี 2562 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 8,570,698 ครั้ง
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web